จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 337

“พายุหิมะนี้ดูแปลกๆ”

กัวอวี่ชิงก้มมองที่ราบหิมะที่มีหิมะกองทับถมกันสูงกว่าสามจั้ง บนหน้าปรากฏแววกลัดกลุ้ม

“พายุหิมะรุนแรงเกินไปหน่อย” หลี่มู่เอ่ย

บนโลกมนุษย์ ในรายการหรือบทความต่างๆ ล้วนพูดเอาไว้ พายุหิมะฤดูหนาวของทางตะวันออกเฉียงเหนือที่ประเทศจีนเปลี่ยนสามมณฑลแถบตะวันออก (เหลียวหนิง จี๋หลิน เฮยหลงเจียง) ให้กลายเป็นเมืองน้ำแข็ง บทความบนอินเทอร์เน็ตที่เกี่ยวกับพายุหิมะและอากาศหนาวของแถบตะวันออกเฉียงเหนือก็พบได้ทั่วไป แต่สิ่งที่สามารถยืนยันได้ก็คือ ทางตะวันออกเฉียงเหนือจะมีลมพายุหนักสักเพียงไหน ก็สู้หิมะซึ่งที่ราบทุ่งหญ้ากำลังเผชิญอยู่ไม่ได้เลย หิมะตกโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้าราวกับไม่ต้องใช้เงินซื้อ ทับถมลงบนพื้นเหมือนก่ออิฐ

“สิบปีที่ผ่านมา พายุหิมะในฤดูหนาวทั้งหมดของที่ราบทุ่งหญ้า ล้วนเทียบกับหิมะใหญ่สองครั้งนี้ไม่ได้” เทพธิดาสงครามกล่าวขึ้น

กัวอวี่ชิงส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ พายุหิมะในร้อยปีที่ผ่านมา ไม่มีครั้งไหนเทียบได้กับครั้งนี้”

ในใจหลี่มู่มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามา

หรือว่าดาวดวงนี้กำลังจะเข้าสู่ยุคน้ำแข็ง?

หากใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายละก็…

ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด ก็ได้ยินกัวอวี่ชิงเอ่ย “พลังฟ้าดินบนที่ราบทุ่งหญ้าเกิดการเปลี่ยนแปลง ครึ่งหนึ่งคือฟ้าเปลี่ยน อีกครึ่งเกิดจากมนุษย์ มีผู้แข็งแกร่งสุดยอดมายังที่ราบทุ่งหญ้า อีกทั้งไม่ใช่เพียงคนเดียว…พวกเราต้องรีบไปวิหารเทพหมาป่า มิเช่นนั้นเกรงว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไป”

“ผู้แข็งแกร่งสุดยอด? เทวะหรือ?” หลี่มู่ถาม

กัวอวี่ชิงตอบ “ไม่ใช่เทวะธรรมดา แต่เป็นคนจากเก้ายอดคนใต้หล้า”

“หนึ่งในเก้ายอดคน?” หลี่มู่ตกตะลึงเช่นกัน

บุคคลจากเก้ายอดคน นัดประลองของ ‘เก้าชั้นฟ้าปิดภูผา’ หลี่พั่วเยวี่ยกับเต้าฉงหยางแห่งสำนักเต๋ายังไม่เริ่มขึ้น แต่คนออกจากการเก็บตัวแล้ว สถานที่ทำศึกไม่ใช่ที่ราบทุ่งหญ้า แต่เป็นเมืองหนึ่งหยกขาวเมืองใหญ่อันดับหนึ่งจากสิบเมืองเก้าพื้นที่ของด่านชายแดนฉินตะวันตก จึงไม่มีทางเป็นสองคนนี้ นอกจากนี้ เจียงชิวไป๋ก็เป็นหนึ่งในเก้ายอดคน ดังนั้นนอกจากทั้งสามคนแล้ว เก้ายอดคนยังมีอีกหก ใครกันแน่ที่มา?

เก้ายอดยุทธ์ใต้หล้า ทุกคนล้วนเป็นบุคคลที่มองสามัญชนทั่วไปจากที่สูงทั้งสิ้น

เพียงเวลาอันสั้นก็มายังที่ราบทุ่งหญ้าแล้ว?

ฉับพลันนั้น หลี่มู่รู้สึกว่าซวยบรรลัยครั้งใหญ่

ขั้นครึ่งเทวะอย่างตนนั้นยังต้องพึ่งพาพลังฟ้าดินของค่ายกลฮวงจุ้ย ‘จุดรวมมังกร’ ที่เขาขาวพิสุทธิ์ช่วยเสริมถึงจะใช้ออกมาได้ แท้จริงเป็นเพียงของคุณภาพปลอมเท่านั้น ครั้งนี้มาที่ราบทุ่งหญ้าก็คลุมหนังเสือบุกมา ต้องการหาวิธีช่วยซ่างกวนอวี่ถิง จึงจำต้องทำเช่นนี้ ผลลัพธ์กลายเป็นว่าพวกเก้ายอดคนมากันตั้งมากมาย…หลี่มู่รู้สึกปวดใจอยู่บ้าง

ใครจะรู้ว่าคนจากเก้ายอดคนเหล่านี้มีนิสัยแบบใดคุณธรรมแบบไหน ถ้าเห็นตนเองขัดหูขัดตาขึ้นมาแล้วสะบัดมือซัดจนตาย จะไม่เป็นการทำร้ายคนไม่มีความผิดหรือไรกัน

แล้วนี่จะไปคุยเหตุผลกับใครได้?

ใจคอห่อเหี่ยวเสียจริงๆ

หลี่มู่มองพายุหิมะเต็มท้องฟ้า ถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง

เดินออกจากเขา ได้มองเห็นโลก ได้พบเจอผู้คน ถึงได้รู้ว่านอกภูเขายังมีภูเขา นอกผืนฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนก็ยังมีคน

จำต้องเร่งทำเวลาเพื่อเพิ่มพลังเสียแล้ว

แต่ว่า จู่ๆ เขาก็คิดถึงเจ้านายพลสุนัขไซบีเรียนฮัสกี้ขึ้นมา ไม่รู้ว่ามันอยู่บนโลกเป็นอย่างไรบ้าง น่าแปลกนัก ช่วงนี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น มีหลายครั้งที่มักฝันถึงเจ้านี่ หวังว่ามันจะไม่ดื้อนักที่หมู่บ้านวัดหรานเติง มิเช่นนั้นเมื่อไม่มีคนคอยปกป้อง ก็อาจถูกชาวบ้านที่อดรนทนไม่ไหวจับไปต้มหม้อไฟสุนัขก็เป็นได้

ไกลออกไป ลำแสงเส้นหนึ่งสว่างวาบ

“พี่ใหญ่ น้องสาม” ชิวอิ่นที่รอนแรมเดินทาง ในที่สุดก็ไล่ตามกลิ่นอายซึ่งหลี่มู่ทิ้งไว้ตามทาง เร่งรีบมาจนถึงที่หมาย

หลี่มู่จิตใจฮึกเหิม

“น้องสอง” ใบหน้ากัวอวี่ชิงปรากฏรอยยิ้มขึ้นเช่นกัน

ชิวอินเอ่ยด้วยสีหน้าสำนึกผิด “อาจารย์ข้าต้องรีบไปนัดประลองที่อารามเต๋าเขาเมืองมรกต จึงให้ข้าเก็บตัวฝึกตน เพื่อสืบทอดมรดกต่อไป…” เขาอธิบายถึงสาเหตุที่ผิดนัดก่อนหน้านี้

“ไม่เป็นไร นี่เป็นเรื่องใหญ่” กัวอวี่ชิงบอก

หลี่มู่ก็พูดล้อเล่น ไม่ได้ถือสาแม้แต่น้อย อันดับแรกชิวอิ่นเป็นผู้สืบทอดของทุ่งปิดภูผา ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งของทั้งทุ่งปิดภูผาไว้ รองลงมาถึงจะเป็นพี่น้องร่วมสาบานของเขา

เทพธิดาสงครามข้างๆ ก็คารวะเช่นกัน

สามพี่น้องรวมตัวกัน บรรยากาศมีชีวิตชีวาขึ้นมา

เดินทางต่อไปอีกหนึ่งวัน

พายุหิมะยังไม่หยุดตก กระทั่งมีแนวโน้มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ

“ข้าสัมผัสได้แล้ว” ใบหน้าเทพธิดาสงครามพลันปรากฏแววยินดี “กลิ่นอายของวิหารเทพหมาป่าอยู่ทาง…ทิศตะวันตกเฉียงใต้”

“ไป” หลี่มู่กระตุ้นวิชาดาบเหินหาว พาชิวอิ่นและเทพธิดาสงครามพุ่งแหวกอากาศตรงไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ หลังจากทั้งสามคนหายไป จุดเดิมที่เคยอยู่ถึงเกิดคลื่นเป็นชั้นๆ คล้ายกับระลอกน้ำ จากนั้นเสียงลมแรงดังมา เสียงแหวกอากาศดังขึ้น

นี่คือความเร็วเหนือเสียง

เมื่อเห็นฉากนี้ ใบหน้าของกัวอวี่ชิงเผยความตกตะลึง

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหลี่มู่แสดงวิชาดาบเหินหาวสุดกำลัง พาคนไปด้วยความเร็วดุจลำแสง ต่อให้เป็นคนจากเก้ายอดคนใต้หล้า ก็ไม่แน่ว่าจะมีความเร็วเช่นนี้

น้องสามคนนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

ในใจเขาฮึกเหิมห้าวหาญ

หนึ่งก้าวเหยียบออกไป กัวอวี่ชิงพุ่งแหวกอากาศไล่ตามหลี่มู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา