จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 370

ร่างเงานั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้น

ท่ามกลางความเงียบ หลี่มู่ราวกับได้ยินเสียงถอนใจลากยาว

“หล่อหลอมหินดำก้อนนี้ เจ้าจะออกไปได้”

สิ้นเสียง เค้าโครงของน้ำเสียงชวีหยวนค่อยๆ เลือนหายไป

นี่คือความระทมทุกข์ที่เขาเหลือทิ้งไว้ที่นี่ ตอนนี้เมื่อได้พบกับคนที่เขาเฝ้ารอ ได้รู้สิ่งที่ควรรู้แล้ว ดังนั้นความยึดติดจึงสลายไป ความระทมทุกข์ก็ได้จากไปด้วย

หลี่มู่ยังคงคารวะอยู่นาน จากนั้นจึงลุกขึ้น

เขารู้ หากตนเองต้องการจะออกจากมิติระนาบนี้ จำเป็นต้องหล่อหลอมหินดาราที่ชวีหยวนเรียกว่าหินดำก้อนนี้ นี่เป็นวิธีเดียวเท่านั้น

หลี่มู่พลันนึกขึ้นได้ ในตำนานบนดาวโลก ชวีหยวนอุ้มหินกระโดดแม่น้ำมี่หลัว หินที่ชวีหยวนอุ้มตอนนั้นคงไม่ใช่เจ้า ‘หินดำ’ ก้อนนี้หรอกนะ แต่ว่าหินก้อนใหญ่ขนาดนี้ ชวีหยวนจะอุ้มมันไว้ได้อย่างไร?

ไม่ถูกสิ ถึงอย่างไรชวีหยวนก็เป็นยอดคน ไม่แน่ว่าตอนนั้นเขาอาจจะย่อขนาดหินก้อนนี้ลงมาหรือเปล่า?

หลี่มู่คิดไปเรื่อยเปื่อย จากนั้นเมื่อมีแนวคิดที่ชัดเจน จึงเริ่มหลอมหินดาราที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังธาตุไม้ก้อนนี้

ใน ‘คัมภีร์ห้าจักรพรรดิอมตะ’ ที่หลี่มู่ฝึก บทจักรพรรดิเพลิงหล่อเลี้ยงหัวใจซึ่งเป็นก้าวที่หนึ่งฝึกเสร็จไปแล้ว หากยึดตามลำดับปกติ ก้าวที่สองก็คือบทจักรพรรดิเขียวหล่อเลี้ยงตับ ซึ่งต้องการพลังธาตุไม้มหาศาลพอดี

“ตับเก็บวิญญาณ สิ่งที่ได้มาภายหลังคือดวงจิตล่องลอย สิ่งที่ฟ้าประทานให้คือเมตตาธรรม ละซึ่งความปีติ วิญญาณจึงก่อเป็นรูปร่าง พลังธาตุไม้แห่งจักรพรรดิเขียวแดนตะวันออก…”

หลี่มู่กระตุ้นพลังจิตวิญญาณในจุดหนีหวานกง เรียกม้วนหยก ‘คัมภีร์ห้าจักรพรรดิอมตะ’ ขึ้นมา เปิดออกช้าๆ เสียงแห่งเต๋าสะท้อนก้องทั่วทะเลจิต หลี่มู่ตั้งสมาธิดำดิ่งเข้าไป เหมือนตั้งใจฟังเทพบรรพกาลเทศนาธรรม และเริ่มตีความอย่างลึกซึ้ง

หลังจากนั้นเป็นขั้นตอนการหลอมหินดารา

ในมิติขนาดเล็กนี้ไม่มีเรื่องเกี่ยวกับเวลา

หลี่มู่เดินหน้าสุดกำลัง

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด จิตวิญญาณของเขาถอยออกมาจากจุดหนีหวานกง เมื่อฟัง ‘บทจักรพรรดิเขียวหล่อเลี้ยงตับ’ จบแล้ว เขาเริ่มทำความเข้าใจแก่นแท้ภายในนั้น มีเพียงแตกฉานอย่างลึกซึ้งเท่านั้น จึงจะเริ่มดูดซับพลังธาตุดินได้

หลังจากเข้าสู่ขั้นเหนือมนุษย์ ฝึกฝนไปก้าวหนึ่ง มีอันตรายก้าวหนึ่ง จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด

และก็ไม่รู้ว่าผ่านไปอีกนานเท่าใด

หลี่มู่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา

“ได้แล้ว”

เขาเหยียบลงบนหินดาราธาตุไม้ขนาดยักษ์ช้าๆ นั่งขัดสมาธิอยู่ด้านบน ก่อนเริ่มโคจรวิชา ปราณแท้ในร่างกายไหลเวียนตามเส้นลมปราณพิเศษ ท้ายที่สุดจึงเข้าไปสะสมในตับ จากนั้นจึงพรั่งพรูออกจากตับเข้าสู่หัวใจ

เนื่องจากก่อนหน้านี้หลี่มู่ฝึกไฟแท้แห่งเต๋าจนสำเร็จแล้ว การเคลื่อนย้ายปราณแท้จึงราบรื่นไม่มีสะดุด หลังเคลื่อนย้ายตามวิธีใน ‘บทจักรพรรดิเขียวหล่อเลี้ยงตับ’ เสร็จ ในร่างกายก็เกิดพื้นที่ประหลาดขึ้นแห่งหนึ่ง แผ่พลังพิลึกพิลั่นออกมา จากนั้นดูดซับเอาพลังธาตุไม้จากหินดาราด้วยตนเอง

หมอกสีเขียวเป็นเส้นสายทะลักออกมาจากหินดำ เหมือนถูกทำให้ระเหยไป ลอยวนอยู่รอบตัวหลี่มู่ สุดท้ายก็แทรกเข้าไปในจมูกปากและรูขุมขนบนผิวหนังของเขา

หนึ่งชั่วยามต่อมา ร่างของหลี่มู่อยู่ในสภาพโปร่งใสไปครึ่งหนึ่ง เหมือนกับครั้งแรกที่เขาฝึกฝนบทจักรพรรดิเพลิงหล่อเลี้ยงหัวใจไม่มีผิดเพี้ยน เพียงแต่ครั้งนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์ขึ้น ไม่เพียงแต่หัวใจเป็นสีแดงเพลิง ยังมีตับที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกต

จากการที่หลี่มู่ดูดซับพลังธาตุไม้ของหินดำอย่างต่อเนื่อง ส่วนตับของเขาเปลี่ยนเป็นสีมรกตมากขึ้นทุกที ราวกับหยกก้อนหนึ่งก็มิปาน ทั้งยังปล่อยพลังชีวิตที่กระปรี้กระเปร่าออกมา

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ไม่รู้ว่าวันเวลาผ่านไปนานเท่าใด

ส่วนตับของหลี่มู่กลายเป็นสีมรกตทั้งหมด ดุจดั่งหยกที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก ในนั้นแฝงด้วยพลังชีวิต ประดุจโลกเล็กๆ ใบหนึ่ง

ส่วนหินดำที่เขานั่งอยู่กลับค่อยๆ หม่นแสงลง

ในท้ายที่สุด แสงของหินดำหายไปจนเกือบหมด กลายเป็นก้อนหินที่แสนจะธรรมดาก้อนหนึ่ง

ข้างในกายของหลี่มู่ ปราณแท้สีเขียวและสีแดงสองสายหมุนเวียนอยู่ในเส้นชีพจรอย่างต่อเนื่อง บำรุงกายเนื้อของเขาให้ชุ่มชื้น จนกายเนื้อที่โปร่งใสในตอนแรกค่อยๆ กลับมามีเลือดมีเนื้ออีกครั้ง

ผ่านไปอีกหลายสิบชั่วยาม ปราณแท้ในกายหลี่มู่ยิ่งโคจรเข้าที่เข้าทางขึ้นเรื่อยๆ พลังแห่งจักรพรรดิเพลิงแดนใต้และพลังแห่งจักรพรรดิเขียวแดนตะวันออกเหมือนการผสมกันของน้ำ ไร้ซึ่งจุดด่างพร้อย ไม่มีการต่อต้านกันและกัน

หลี่มู่ลืมตา ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน

เขาคำนวณดู น่าจะผ่านไปราวสิบกว่าวันแล้ว

สรุปได้ว่าเวลาที่ฝึกฝน ‘บทจักรพรรดิเขียวหล่อเลี้ยงตับ’ สั้นกว่าการฝึก ‘บทจักรพรรดิเพลิงหล่อเลี้ยงหัวใจ’ จนสำเร็จ นั่นเป็นเพราะมีหินดำที่มีพลังธาตุไม้อันบริสุทธิ์หาใดเปรียบนี้อยู่ด้วย พึ่งพาพลังธาตุไม้ด้านในทั้งหมด ยังไวกว่าการดูดรับพลังธาตุไฟที่อยู่ห่างจากฟ้าดินข้างในฟ้านิจนิรันดร์มากมายนัก

ยิ่งไปกว่านั้น การฝึกปราณจักรพรรดิเพลิงแดนใต้ส่วนหัวใจก่อนหน้านี้มีส่วนช่วยในการฝึกสี่อวัยวะที่เหลือในภายหลัง ไฟเดิมทีก็เป็นสิ่งที่ใช้หลอมวัตถุอยู่แล้ว สามารถนำมาหล่อหลอมร่างกายกับจิตได้ กับการฝึกสี่พลังที่เหลือก็มีบทบาทในการช่วยเหลือส่งเสริม

นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ว่าทำไมใน ‘คัมภีร์ห้าจักรพรรดิอมตะ’ จึงต้องฝึกฝน ‘บทจักรพรรดิเพลิงหล่อเลี้ยงหัวใจ’ ก่อน

‘หลังฝึก ‘บทจักรพรรดิเขียวหล่อเลี้ยงตับ’ สำเร็จ เราก็เข้าสู่ก้าวที่สองของขั้นเหนือมนุษย์แล้ว แต่ว่าตอนอยู่ในก้าวที่หนึ่งเราสามารถฝืนชะตาฟ้าปราบเทวะ ต่อสู้กับขั้นเทวะระดับต้นได้ ตอนนี้เข้าสู่ก้าวที่สองขั้นเหนือมนุษย์ สำเร็จพลังธาตุไม้จักรพรรดิเขียว พลังการรบจะเพิ่มขึ้นถึงระดับไหนกัน?’

หลี่มู่ก้มหน้า จ้องมองมือทั้งคู่ของตนเอง

บนฝ่ามือข้างหนึ่งมีพลังชีวิตสีเขียวมรกตพันล้อม บนฝ่ามืออีกข้างกลับมีพลังเพลิงสีแดงไหลเวียน เขาคิดในใจ ค่อยๆ ประสานทั้งสองมือเป็นหนึ่ง

ตูม!

พลังใหม่ถือกำเนิดขึ้นมา

คลื่นพลังอันน่ากลัวดุจเทพมารพิโรธ ระเบิดขึ้นภายในมิติขนาดเล็กนี้ ทำให้อากาศเริ่มบิดเบี้ยวขึ้นมา

“พลังน่ากลัวเสียจริง ไม่แตกต่างกับพลานุภาพของดาบที่ ‘ดาบจักรพรรดิ’ อิ้งซานเสวี่ยอิงใช้โจมตี ‘ค่ายกลแสงดารามหาจักรวาล’ ในวันนั้นเลย แถมถ้าพูดถึงคุณภาพของพลังยังเหนือกว่าด้วยซ้ำ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา