ทว่าจะร้องขอหรือคำรามอย่างโศกเศร้าเพียงไรก็ไร้ประโยชน์
อิ้งซานเสวี่ยอิงนั่งบนเก้าอี้หลับตาพักผ่อน ในหูของเขาเสียงดิ้นรนอย่างไร้แรงและเสียงคร่ำครวญของผู้อ่อนแอ ไม่ได้ทำให้เขาเห็นใจ แต่กลับเป็นเหมือนกับดนตรีอันน่าอภิรมย์ทำให้เขาเคลิบเคลิ้ม
“พี่จิ้ง อย่าได้โทษคุณชาย…ชาติหน้าพวกเราก็จะเป็นสามีภรรยากันอีก” ตงเสวี่ยหันกลับมามองสามีของตน ชายซื่อๆ ที่จงรักภักดีขี้ขลาดของตนในช่วงสุดท้ายของชีวิตอย่างยากลำบาก
ฉับ!
แสงดาบส่องกะพริบ
หัวอันงดงามของตงเสวี่ยถูกตัด เลือดสาดกระจาย
ตุบ
หัวร่วงลงบนกระดานไม้
ร่างของนางล้มลงท่ามกลางแอ่งเลือด
“ไม่…” หนิงจิ้งดวงตาแทบทะลักออกจากเบ้า ใจแหลกสลาย เหมือนถูกสูบวิญญาณออกไปทันที!
ไม่รู้ว่าพลังมาจากไหน เขาสลัดทหารที่คุมตัวอย่างบ้าคลั่งจนหลุด แล้วพุ่งไปยังข้างกายภรรยา กอดร่างท่วมเลือดเอาไว้เหมือนบ้าไปแล้ว
เขาเป็นบุตรอนุของตระกูล จากเล็กจนโตไม่มีใครเห็นค่า ประเดี๋ยวก็ทุบตีดุด่า ทั้งจวนตระกูลหนิงไม่มีใครมองเขาเป็นคน แม้แต่คนใช้ยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ตั้งแต่จำความได้เขาไม่เคยสัมผัสถึงความอบอุ่นเลย แต่หลังจากที่ตงเสวี่ยมายังสกุลหนิง ได้รู้จักกับเขา เขาถึงได้สัมผัสกับความอบอุ่นของมนุษย์ เขาพยายามนับครั้งไม่ถ้วนจนในที่สุดบิดาก็อนุญาตให้เขาแต่งงานกับตงเสวี่ย เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก
ภายหลังตงเสวี่ยใช้ความอ่อนโยนและความละเอียดอ่อนอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนาง ใช้สติปัญญาอันเฉียบแหลมเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของพวกเขา ตำแหน่งในจวนค่อยๆ ยกระดับขึ้นทีละนิดๆ คนภายนอกหัวเราะเยาะเขาว่าภรรยาดุ เรื่องอะไรก็ตามล้วนแล้วแต่ภรรยา ไม่มีเกียรติของลูกผู้ชาย แต่คนพวกนั้นจะไปรู้อะไร?
ตงเสวี่ยเป็นภรรยาที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกนี้
ภายหลังก็ได้รู้จักหลี่มู่เพราะความสัมพันธ์ของนางกับหลี่มู่
คุณชายก็เป็นคนดีเช่นกัน คนที่เป็นตำนานผู้นั้นดูแลเขากับภรรยาเป็นอย่างดี ทั้งยังสอนวิชาวรยุทธ์ให้กับเขา ปฎิบัติกับพวกเขาประดุจพี่น้อง
“เสวี่ยเอ๋อร์ ข้าไม่มีทางเกลียดคุณชาย แต่ข้าเกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถ ปกป้องเจ้าไม่ได้” ดวงตาของหนิงจิ้งไหลนองด้วยน้ำตาเลือด เขาหัวเราะ “ทั้งสองเชื่อมรักด้วยกัน เจ้าและข้าสัญญาเคียงคู่ไปร้อยปี ใครจากไปตอนเก้าสิบเจ็ด จะรออยู่ที่สะพานไน่เหอสามปี…คำสัญญาอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ข้าจะไม่ผิดคำสัญญาเด็ดขาด เสวี่ยเอ๋อร์ หนทางไปน้ำพุเหลืองข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าโดดเดี่ยว…รอข้านะ”
เขาวางร่างของตงเสวี่ยไว้ที่พื้นกระดาน ประคองศีรษะของนางมาแล้วต่อเข้าด้วยกัน
ทหารบางคนเมื่อเห็นภาพนี้ก็อดสงสารไม่ได้
อิ้งซานเสวี่ยอิงหรี่ตา ใบหน้าฉายแววเย็นชา
เหยียนหรูอวิ๋นผู้บังคับบัญชากองผลเหยี่ยวถลาลมแค่นเสียงเย็น “เหอะ พวกอ่อนแอ จะโทษก็โทษหลี่มู่เถอะ ใครใช้ให้พวกเจ้ารู้จักมันแต่มันก็ไม่ออกมาช่วยเล่า”
หลี่จิ้งไม่พูดอะไร เขาจัดร่างของภรรยาให้เรียบร้อย ก่อนจะหมุนตัวพุ่งเข้ามายังอิ้งซานเสวี่ยอิงทันที “ข้าขอสู้ตายกับเจ้า”
ฉับ
ประกายแสงดาบส่องกะพริบ
หนิงจิ้งล้มลงกลางแอ่งเลือด
คนที่ลงมือคือเหยียนหรูอวิ๋นผู้บังคับบัญชากองกำลังเหยี่ยวถลาลม
หนิงจิ้งถึงแม้จะมีวรยุทธ์ที่หลี่มู่ถ่ายทอดให้ แต่พรสวรรค์ธรรมดา เวลาฝึกฝนสั้นมาก จะเป็นคู่มือให้กับผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์อย่างเหยียนหรูอวิ๋นได้อย่างไร? เขาจึงถูกสังหารในเสี้ยวพริบตา
“หึ ให้พวกเจ้าผัวเมียไปเป็นคู่นกเป็ดน้ำไร้ชีวิต” เหยียนหรูอวิ๋นหัวเราะเย็นชา
วันนั้นเขาถูกหลี่มู่ซัดกระเด็นในกระบวนท่าเดียวไปตรึงอยู่บนเสากระโดงเรือ ขายหน้าต่อพวกลูกน้อง เป็นการดูหมิ่นอย่างมหันต์ เคียดแค้นหลี่มู่เป็นที่สุด ดังนั้นยามที่สังหารคนสนิทของหลี่มู่พวกนี้ก็รู้สึกสะใจเป็นอย่างยิ่ง
“ใครก็ได้ ไปคุมตัวนังหญิงแพศยาหอสดับเซียนออกมา” เหยียนหรูอวิ๋นกำกระบี่อาบเลือดในมือพลางหมุนตัวคำราม
ทหารสองคนผลักไป๋เซวียนแห่งหอสดับเซียนที่ถูกมัดเอาไว้ขึ้นมา
“หลี่มู่ ผู้หญิงคนนี้เจ้าคงรู้จักกระมัง? ตอนนั้นเป็นนางที่ทำให้เจ้ากับฮวาเสี่ยหรงสมหวังกัน ฮี่ๆ ฉางอันมีสาวงามแพร้วเพริศ สุดประเสริฐงามเลิศไร้เทียมเทียบ งามพร้อมเพียบเพียงชายตานคราล่ม และจมชาติเพียงมองผ่านคราที่สอง…เจ้ารักฮวาเสี่ยงหรงมากมิใช่หรือ? หากนางรู้ว่าท่านแม่ของตัวเอง ตายต่อหน้าเจ้าแต่เจ้าก็ไม่ช่วย นางจะมองเจ้าอย่างไร? แม้แต่ท่านแม่ของผู้หญิงตัวเองยังช่วยไม่ได้ เจ้ายังเป็นผู้ชายอยู่หรือไม่?”
เหยียนหรูอวิ๋นเหยียบไป๋เซวียนไว้ใต้ฝ่าเท้า กระบี่ยาวพาดไว้บนคอนาง
ไป๋เซวียนตัวสั่นงันงก
สตรีอายุสามสิบกว่าคนนี้ ทั้งงามทั้งเป็นผู้ใหญ่ มีความงดงามอันเป็นเอกลักษณ์ที่สาวแรกแย้มไม่มี ในเมืองฉางอันก็เป็นบุคคลมีชื่อเช่นกัน แต่นางสู้กับอำนาจของเชื้อพระวงศ์ได้อย่างไร? ตอนนี้นางพอจะรู้เลาๆ แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
“หนีไม่พ้นจริงๆ…หลี่มู่ ไม่ต้องออกมา ดูแลฮวาเอ๋อร์ให้ดี” ไป๋เซวียนรู้สันดานพวกชนชั้นสูงที่ว่าพวกนี้ดีเป็นที่สุด ต่อให้หลี่มู่ออกมานางก็ไม่รอดอยู่ดี นางไม่แค้นหลี่มู่ แค้นแต่ความเหี้ยมโหดของคนพวกนี้
ตรงข้าม
หน้าโถงใหญ่สำนัก คนทั้งหลายต่างทนไม่ได้อีกต่อไป
“อิ้งซานเสวี่ยอิงเจ้าเองก็เป็นเทวะ ไยจึงทำเรื่องชั่วช้าที่แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นรวมจิตยังดูแคลน?” ชิวอิ่นอดรนทนไม่ไหวแล้ว ตะโกนถามเสียงดัง
“หึๆ” อิ้งซานเสวี่ยอิงหัวเราะราบเรียบ “ชั่วช้า? อะไรคือชั่วช้า? เทพ พุทธองค์ทั้งหลายข้าฆ่าได้ ราชา อ๋อง ชนชั้นสูงข้าฆ่าได้ คนแก่เฒ่า เด็กผู้หญิง ลูกเด็กเล็กแดงข้าก็ฆ่าได้ สวมชุดเกราะพกอาวุธข้าฆ่าได้ มือเปล่าไร้อาวุธข้าฆ่าได้ เหยี่ยวองอาจบนสวรรค์ชั้นฟ้าฆ่าได้ มดปลวกในดินก็ฆ่าได้…สรรพชีวิตทั้งหลายล้วนฆ่าได้ทั้งสิ้น ชีวิตของข้าไม่มีอะไรที่ฆ่าไม่ได้”
เขาพูดอย่างมีเหตุผล
ชีวิตนี้ของเขาก็ผ่านมาจากการฆ่าล้างโดยตลอด
นอกจากการฆ่าล้าง เขาก็ไม่สนใจสิ่งอื่นอีก
ชิวอิ่นเอ่ยอย่างโมโห “ได้ เจ้ายกกองทัพมาก็เพื่อจับข้ามิใช่หรือ? ข้าไปกับเจ้า ปล่อยผู้บริสุทธิ์พวกนี้ไปเสีย” พูดแล้วเขาก็โคจรลมปราณ จะบินออกไปจาก ‘ค่ายกลแสงดารามหาจักรวาล’ ใช้ตัวเองแลกกับพวกไป๋เซวียน
น้องสามไม่รู้ไปไหน ออกมาไม่ได้
หากดูคนพวกนี้ตายไปต่อหน้า จะมีหน้าไปพบน้องสามได้อย่างไร?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา