รัชทายาทหวาดกลัวและสิ้นหวัง “ไม่ๆๆ ไท่ไป๋อ๋อง เจ้าฟังข้า บิดาของเจ้าหลี่กังเป็นคนสนิทของข้า ก่อนหน้านี้ข้าเคยรักษาตำแหน่งอ๋องให้เจ้านะ เรื่องนี้อิ้งซานเสวี่ยอิงเป็นคนบงการ ข้าทำอะไรไม่ได้ เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ…”
เมื่อความตายอยู่เบื้องหน้า ต่อให้เป็นองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ก็ร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ใบหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะความกลัวไม่ต่างอะไรกับนักโทษ โจร หรือขโมยที่กำลังจะถูกลงทัณฑ์เลย
“ตำแหน่งอ๋อง? ใครเสียดายกันล่ะ” หลี่มู่มองเขาเหมือนมองคนปัญญาทึบ
“อย่าๆๆ อย่าฆ่าข้า ข้าคือรัชทายาท ข้าไม่อยากตาย ข้ายังอายุน้อยอยู่นัก…” รัชทายาทอ้อนวอนพลางดิ้นรนเอาตัวรอด
เขายังไม่ได้สืบราชบัลลังก์ ยังไม่ได้ลิ้มรสความรู้สึกของการเป็นจักรพรรดิเลย
“เจ้ามองพวกเขา พวกเขาอายุน้อยกว่าเจ้า แต่ก็ถูกเจ้าออกคำสั่งฆ่าตายหมดแล้วมิใช่หรือ…” หลี่มู่มองร่างของคู่สามีภรรยาหนิงจิ้งพลางย้อนถาม
รัชทายาทอึ้งงัน
หลี่มู่ส่ายหน้า “ดังนั้นคนอย่างเจ้าตายไปเสียยังดีกว่า จะได้ไม่ไปทำร้ายคนอื่นอีก หากเจ้าสืบบัลลังก์จะมีอีกกี่คนกันที่ถูกเจ้าทำร้าย?”
หลี่มู่ตัดความหวังของรัชทายาททันใด จากนั้นส่งไฟแท้เต๋าเข้าไปในร่าง จัดการแผดเผาอีกฝ่าย
สิ่งที่ทำให้หลี่มู่แปลกใจคือ ในดวงวิญญาณของรัชทายาทก็มีพลังชั่วร้ายสีดำฝังลึกอยู่เช่นกัน แม้จะไม่ถึงระดับที่แทบจะก่อเป็นคนสีดำตัวเล็กแล้วอย่างเช่น ‘ดาบจักรพรรดิ’ แต่ก็มากกว่าวิญญาณที่แปดเปื้อนของหวงเซิ่งอี้เมื่อก่อนหน้านี้
สิ่งที่แปลกคือ แม้แต่ก่อนตายรัชทายาทก็ไม่เคยเผยสัญญาณว่าตัวเองควบคุมพลังปีศาจได้แล้ว
หรือก็คือวิญญาณแปดเปื้อนพลังชั่วร้ายชนิดนี้ ตัวเขาเองก็อาจจะไม่รู้เลย มิฉะนั้นเหตุใดจึงไม่สำแดงพลังชั่วร้ายเพื่อต้านทาน?
ก่อนเขาตาย ความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแรงกล้ามากนัก
หลี่มู่คล้ายครุ่นคิดอะไร
ตำแหน่งของรัชทายาทในจักรวรรดิฉินตะวันตกพูดได้ว่าอยู่ใต้คนคนเดียว อยู่เหนือคนนับหมื่น สูงส่งน่าเลื่อมใสเพียงใดกัน? โดยเฉพาะในยุคสมัยที่จักรพรรดิปิดด่านกักตนไม่ออกมา รัชทายาทดูแลบ้านเมือง กล่าวได้ว่าเป็นผู้ปกครองในนามธรรมแล้ว พูดกันตามหลักเหตุผล เชื้อพระวงศ์ฉินตะวันตกจะต้องปกป้องคนแบบนี้อย่างเต็มที่เป็นแน่ ใครกันที่แอบเพาะบ่มพลังชั่วร้ายไว้ในวิญญาณของเขาอย่างเงียบงัน แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัว?
หรือจะเป็น ‘ดาบจักรพรรดิ’ อิ้งซานเสวี่ยอิง?
เป็นไปไม่ได้
ตามที่สวีเซิ่งเอ่ยมาก่อนหน้านี้ อิ้งซานเสวี่ยอิงถึงแม้จะบ้าเลือดชอบฆ่าฟันสังหาร แต่เขาเป็นสุนัขที่ภักดีต่อราชวงศ์ ไม่เคยขัดต่อประสงค์ของจักรพรรดิฉิน ขนาดจักรพรรดิฉินให้เขาเข้าวังไปเป็นขันที เขาก็ตอนตัวเองเสียอย่างเต็มอกเต็มใจ
คนแบบนี้อาจจะไม่เกรงกลัวหรือเคารพรัชทายาทสักเท่าไหร่ แต่ไม่มีทางลอบทำร้ายรัชทายาทแน่นอน
เป็นใครกัน?
ท่านเซียนที่อิ้งซานเสวี่ยอิงเอ่ยถึง?
ท่านเซียนคนนี้จะเป็นอย่างไรกัน?
แม้แต่รัชทายาทของฉินตะวันตกยังกล้าวางอุบาย?
หลี่มู่รู้สึกว่าเรื่องอาจจะไม่ธรรมดาเพียงนั้นเหมือนที่ตัวเองคิด
ตอนนี้ กองกำลังที่ล้อมโจมตีสำนักขุนคีรีแตกพ่ายแล้วโดยสมบูรณ์
กองทหารรักษาวังกว่าครึ่งตายเพราะฝีมือของอิ้งซานเสวี่ยอิง คนที่โชคดีก็หนีกระเจิงไปหมดแล้ว
กองกำลังที่ยอดเยี่ยมสักเพียงใด เมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มีแต่พ่ายแพ้ยับเยินเท่านั้น
ผู้แข็งแกร่งที่มาจากสำนักใหญ่ต่างๆ ก้งเฟิ่งของราชวงศ์ที่โชคดีเหลือรอด ทั้งหมดนึกแค้นที่พ่อแม่ให้ขามาน้อยไปสองขา ทุ่มแรงหนีสุดกำลัง หนีได้ไกลเท่าไหร่ก็ไกลเท่านั้น ด้วยตกใจกับความคลุ้มคลั่งที่หลี่มู่แสดงออกมาจริงๆ
แม้แต่บนเรือวาฬทะยานฟ้าลำสุดท้ายนี้ คนก็หนีหายเกลี้ยงแล้วเช่นกัน
หลี่มู่เดินไปคลายค่ายกล ปลอบไป๋เซวียนและพวกเหลยอินอิน โดยเฉพาะบัณฑิตจากสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์สามสี่คนที่ถูกจับมาพร้อมเหลยอินอิน ทุกคนแทบตกใจจนเสียขวัญแล้ว
“พี่ใหญ่หลี่” เหลยอินอินมองหลี่มู่ สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชมบูชา
ในฐานะที่เป็นสาวกตัวยงของหลี่มู่ ในชั่วขณะแรกที่ถูกจับตัวมา นางเชื่อสุดจิตสุดใจว่าหลี่มู่จะต้องมาช่วยนางแน่นอน และความจริงก็พิสูจน์แล้ว ต่อให้เผชิญหน้ากับความยากลำบากประดุจตะกายขึ้นฟ้า หลี่มู่ก็ทำได้
หลี่มู่ลูบหัวสาวน้อย กล่าวว่า “ทำเจ้าลำบากแล้ว”
ศีรษะเล็กๆ ของเหลยอินอินสั่นเหมือนกลองป๋องแป๋ง “ไม่ๆๆ ได้เจอกับพี่มู่ ข้าเหมือนฝันไปเลยด้วยซ้ำ ข้าดีใจมากๆ เลย ต่อให้ต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้อีกสิบครั้งข้าก็ยินดี”
หลี่มู่หัวเราะแล้วปลอบบัณฑิตสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์คนอื่นๆ ด้วย
ถึงแม้จะพบเจอการโจมตีอย่างรุนแรงและความหวาดกลัว แต่ตอนนี้เผชิญหน้ากับหลี่มู่พวกเขาก็ยังตื่นเต้นจนตัวสั่น ในฐานะที่เป็นคนมาจากฉางอัน พวกเขารู้ชื่อเสียงบารมีของหลี่มู่ดีที่สุด และต่างยอมรับเซียนกวีวิถียุทธ์ผู้นี้เป็นอย่างมาก
อย่างไรเสีย หลี่มู่อยู่ที่ฉางอันในตอนนั้นก็เป็นที่สรรเสริญในหมู่ประชาชนยิ่งนัก
“ลำบากท่านแม่ไป๋แล้ว” หลี่มู่ปลอบประโลมไป๋เซวียน
ครั้งนี้ไป๋เซวียนเผชิญกับวิกฤตอันตรายแล้วจริงๆ
ไป๋เซวียนถอนหายใจ “โลกวุ่นวาย ชีวิตคนเสมือนมดปลวก หลังจากผ่านเรื่องครั้งนี้ หอสดับเซียนก็ต้องแยกย้ายกันไป เฮ้อ” ในน้ำเสียงนางเต็มไปด้วยความปลงอนิจจัง ฟังดูท้อแท้หมดกำลังใจ
หลี่มู่จึงเอ่ยขึ้น “ไยจึงไม่ใช้โอกาสนี้ออกจากเมืองฉางอันไปเมืองขาวพิสุทธิ์เสีย ถิงเอ๋อร์ก็คิดถึงท่านแม่ไป๋อยู่ตลอด”
โลกวุ่นวายแล้วโดยแท้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา