จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 375

สรุปบท บทที่ 375 เหตุการณ์อันน่าตกใจ: จอมศาสตราพลิกดารา

บทที่ 375 เหตุการณ์อันน่าตกใจ – ตอนที่ต้องอ่านของ จอมศาสตราพลิกดารา

ตอนนี้ของ จอมศาสตราพลิกดารา โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 375 เหตุการณ์อันน่าตกใจ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

รัชทายาทหวาดกลัวและสิ้นหวัง “ไม่ๆๆ ไท่ไป๋อ๋อง เจ้าฟังข้า บิดาของเจ้าหลี่กังเป็นคนสนิทของข้า ก่อนหน้านี้ข้าเคยรักษาตำแหน่งอ๋องให้เจ้านะ เรื่องนี้อิ้งซานเสวี่ยอิงเป็นคนบงการ ข้าทำอะไรไม่ได้ เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ…”

เมื่อความตายอยู่เบื้องหน้า ต่อให้เป็นองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ก็ร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ใบหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะความกลัวไม่ต่างอะไรกับนักโทษ โจร หรือขโมยที่กำลังจะถูกลงทัณฑ์เลย

“ตำแหน่งอ๋อง? ใครเสียดายกันล่ะ” หลี่มู่มองเขาเหมือนมองคนปัญญาทึบ

“อย่าๆๆ อย่าฆ่าข้า ข้าคือรัชทายาท ข้าไม่อยากตาย ข้ายังอายุน้อยอยู่นัก…” รัชทายาทอ้อนวอนพลางดิ้นรนเอาตัวรอด

เขายังไม่ได้สืบราชบัลลังก์ ยังไม่ได้ลิ้มรสความรู้สึกของการเป็นจักรพรรดิเลย

“เจ้ามองพวกเขา พวกเขาอายุน้อยกว่าเจ้า แต่ก็ถูกเจ้าออกคำสั่งฆ่าตายหมดแล้วมิใช่หรือ…” หลี่มู่มองร่างของคู่สามีภรรยาหนิงจิ้งพลางย้อนถาม

รัชทายาทอึ้งงัน

หลี่มู่ส่ายหน้า “ดังนั้นคนอย่างเจ้าตายไปเสียยังดีกว่า จะได้ไม่ไปทำร้ายคนอื่นอีก หากเจ้าสืบบัลลังก์จะมีอีกกี่คนกันที่ถูกเจ้าทำร้าย?”

หลี่มู่ตัดความหวังของรัชทายาททันใด จากนั้นส่งไฟแท้เต๋าเข้าไปในร่าง จัดการแผดเผาอีกฝ่าย

สิ่งที่ทำให้หลี่มู่แปลกใจคือ ในดวงวิญญาณของรัชทายาทก็มีพลังชั่วร้ายสีดำฝังลึกอยู่เช่นกัน แม้จะไม่ถึงระดับที่แทบจะก่อเป็นคนสีดำตัวเล็กแล้วอย่างเช่น ‘ดาบจักรพรรดิ’ แต่ก็มากกว่าวิญญาณที่แปดเปื้อนของหวงเซิ่งอี้เมื่อก่อนหน้านี้

สิ่งที่แปลกคือ แม้แต่ก่อนตายรัชทายาทก็ไม่เคยเผยสัญญาณว่าตัวเองควบคุมพลังปีศาจได้แล้ว

หรือก็คือวิญญาณแปดเปื้อนพลังชั่วร้ายชนิดนี้ ตัวเขาเองก็อาจจะไม่รู้เลย มิฉะนั้นเหตุใดจึงไม่สำแดงพลังชั่วร้ายเพื่อต้านทาน?

ก่อนเขาตาย ความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแรงกล้ามากนัก

หลี่มู่คล้ายครุ่นคิดอะไร

ตำแหน่งของรัชทายาทในจักรวรรดิฉินตะวันตกพูดได้ว่าอยู่ใต้คนคนเดียว อยู่เหนือคนนับหมื่น สูงส่งน่าเลื่อมใสเพียงใดกัน? โดยเฉพาะในยุคสมัยที่จักรพรรดิปิดด่านกักตนไม่ออกมา รัชทายาทดูแลบ้านเมือง กล่าวได้ว่าเป็นผู้ปกครองในนามธรรมแล้ว พูดกันตามหลักเหตุผล เชื้อพระวงศ์ฉินตะวันตกจะต้องปกป้องคนแบบนี้อย่างเต็มที่เป็นแน่ ใครกันที่แอบเพาะบ่มพลังชั่วร้ายไว้ในวิญญาณของเขาอย่างเงียบงัน แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัว?

หรือจะเป็น ‘ดาบจักรพรรดิ’ อิ้งซานเสวี่ยอิง?

เป็นไปไม่ได้

ตามที่สวีเซิ่งเอ่ยมาก่อนหน้านี้ อิ้งซานเสวี่ยอิงถึงแม้จะบ้าเลือดชอบฆ่าฟันสังหาร แต่เขาเป็นสุนัขที่ภักดีต่อราชวงศ์ ไม่เคยขัดต่อประสงค์ของจักรพรรดิฉิน ขนาดจักรพรรดิฉินให้เขาเข้าวังไปเป็นขันที เขาก็ตอนตัวเองเสียอย่างเต็มอกเต็มใจ

คนแบบนี้อาจจะไม่เกรงกลัวหรือเคารพรัชทายาทสักเท่าไหร่ แต่ไม่มีทางลอบทำร้ายรัชทายาทแน่นอน

เป็นใครกัน?

ท่านเซียนที่อิ้งซานเสวี่ยอิงเอ่ยถึง?

ท่านเซียนคนนี้จะเป็นอย่างไรกัน?

แม้แต่รัชทายาทของฉินตะวันตกยังกล้าวางอุบาย?

หลี่มู่รู้สึกว่าเรื่องอาจจะไม่ธรรมดาเพียงนั้นเหมือนที่ตัวเองคิด

ตอนนี้ กองกำลังที่ล้อมโจมตีสำนักขุนคีรีแตกพ่ายแล้วโดยสมบูรณ์

กองทหารรักษาวังกว่าครึ่งตายเพราะฝีมือของอิ้งซานเสวี่ยอิง คนที่โชคดีก็หนีกระเจิงไปหมดแล้ว

กองกำลังที่ยอดเยี่ยมสักเพียงใด เมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มีแต่พ่ายแพ้ยับเยินเท่านั้น

ผู้แข็งแกร่งที่มาจากสำนักใหญ่ต่างๆ ก้งเฟิ่งของราชวงศ์ที่โชคดีเหลือรอด ทั้งหมดนึกแค้นที่พ่อแม่ให้ขามาน้อยไปสองขา ทุ่มแรงหนีสุดกำลัง หนีได้ไกลเท่าไหร่ก็ไกลเท่านั้น ด้วยตกใจกับความคลุ้มคลั่งที่หลี่มู่แสดงออกมาจริงๆ

แม้แต่บนเรือวาฬทะยานฟ้าลำสุดท้ายนี้ คนก็หนีหายเกลี้ยงแล้วเช่นกัน

หลี่มู่เดินไปคลายค่ายกล ปลอบไป๋เซวียนและพวกเหลยอินอิน โดยเฉพาะบัณฑิตจากสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์สามสี่คนที่ถูกจับมาพร้อมเหลยอินอิน ทุกคนแทบตกใจจนเสียขวัญแล้ว

“พี่ใหญ่หลี่” เหลยอินอินมองหลี่มู่ สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชมบูชา

ในฐานะที่เป็นสาวกตัวยงของหลี่มู่ ในชั่วขณะแรกที่ถูกจับตัวมา นางเชื่อสุดจิตสุดใจว่าหลี่มู่จะต้องมาช่วยนางแน่นอน และความจริงก็พิสูจน์แล้ว ต่อให้เผชิญหน้ากับความยากลำบากประดุจตะกายขึ้นฟ้า หลี่มู่ก็ทำได้

หลี่มู่ลูบหัวสาวน้อย กล่าวว่า “ทำเจ้าลำบากแล้ว”

ศีรษะเล็กๆ ของเหลยอินอินสั่นเหมือนกลองป๋องแป๋ง “ไม่ๆๆ ได้เจอกับพี่มู่ ข้าเหมือนฝันไปเลยด้วยซ้ำ ข้าดีใจมากๆ เลย ต่อให้ต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้อีกสิบครั้งข้าก็ยินดี”

หลี่มู่หัวเราะแล้วปลอบบัณฑิตสำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์คนอื่นๆ ด้วย

ถึงแม้จะพบเจอการโจมตีอย่างรุนแรงและความหวาดกลัว แต่ตอนนี้เผชิญหน้ากับหลี่มู่พวกเขาก็ยังตื่นเต้นจนตัวสั่น ในฐานะที่เป็นคนมาจากฉางอัน พวกเขารู้ชื่อเสียงบารมีของหลี่มู่ดีที่สุด และต่างยอมรับเซียนกวีวิถียุทธ์ผู้นี้เป็นอย่างมาก

อย่างไรเสีย หลี่มู่อยู่ที่ฉางอันในตอนนั้นก็เป็นที่สรรเสริญในหมู่ประชาชนยิ่งนัก

“ลำบากท่านแม่ไป๋แล้ว” หลี่มู่ปลอบประโลมไป๋เซวียน

ครั้งนี้ไป๋เซวียนเผชิญกับวิกฤตอันตรายแล้วจริงๆ

ไป๋เซวียนถอนหายใจ “โลกวุ่นวาย ชีวิตคนเสมือนมดปลวก หลังจากผ่านเรื่องครั้งนี้ หอสดับเซียนก็ต้องแยกย้ายกันไป เฮ้อ” ในน้ำเสียงนางเต็มไปด้วยความปลงอนิจจัง ฟังดูท้อแท้หมดกำลังใจ

หลี่มู่จึงเอ่ยขึ้น “ไยจึงไม่ใช้โอกาสนี้ออกจากเมืองฉางอันไปเมืองขาวพิสุทธิ์เสีย ถิงเอ๋อร์ก็คิดถึงท่านแม่ไป๋อยู่ตลอด”

โลกวุ่นวายแล้วโดยแท้

ลูกศิษย์ในสำนักบางคนไปเก็บกวาดสนามรบ

ทหารกองกำลังรักษาวังที่ตายไปก็จัดการฝังเรียบร้อย

ภาพในกองกำลังรักษาวังน่าหวาดกลัวนัก ศพแห้งแต่ละศพ เหมือนเข้ามาในสุสานอย่างไรอย่างนั้น วิชาสุดท้ายของอิ้งซานเสวี่ยอิงจะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว

เรือวาฬทะยานฟ้าที่เหลือเพียงเศษซากกลายเป็นของรางวัลหลังเสร็จศึกของหลี่มู่ ตั้งไว้ที่สำนักขุนคีรีก่อนเป็นการชั่วคราว สวีเยวี่ยเจ้าสำนักสัญญาว่าจะเชิญคนมาซ่อมแซม เมื่อซ่อมเสร็จแล้วจะส่งไปให้ที่เมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์

สำหรับจักรวรรดิฉินตะวันตก ศึกนี้ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง

เทวะคนหนึ่งแตกดับ รัชทายาทสู้รบตาย กองกำลังรักษาวังเหยี่ยวถลาลมเกือบย่อยยับทั้งหมด ยอดฝีมืออย่างเช่นเหยียนหรูอวิ๋นแทบจะตายสิ้น โดยเฉพาะสองข้อแรก สำหรับจักรวรรดิหนึ่งแล้วเป็นการโจมตีประเภททำลายล้างชัดๆ ทำให้จักรวรรดิฉินตะวันตกที่เดิมทีก็ล่องลอยกลางลมฝน มีศึกทั้งภายในและภายนอกเคราะห์ซ้ำกรรมซัดหนักขึ้นไปอีก

แน่นอน นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกหลี่มู่จะต้องไปกังวล

เพราะศึกนี้ส่งผลกระทบต่อสำนักขุนคีรีมากยิ่งกว่า

นี่หมายความว่านับจากวันนี้ไป ระหว่างสำนักขุนคีรีและจักรวรรดิฉินตะวันตกจะไม่มีทางกลับมาปรองดองกันได้อีก ในเมื่อเชือดรัชทายาทของคนอื่นเขาไปแล้ว หักหน้าเสียจนไม่มีหนทางคลี่คลายกลับมา สงครามจากจักรวรรดิฉินตะวันตกที่จะตามมานั้นไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เลย

แต่สำนักขุนคีรีที่มี ‘ค่ายกลแสงดารามหาจักรวาล’ ฉบับสมบูรณ์ก็ไม่กลัวเกรง

ถึงอย่างไร เรื่องนี้แรกเริ่มก็เป็นเชื้อพระวงศ์ฉินตะวันตกมาบุกโจมตี จะทำลายสำนักขุนคีรีก่อน หรือว่าจะไม่ลงมือโต้กลับแต่ยื่นคอรอให้ศัตรูฟันเอาเล่า?

“เรื่องของสำนักขุนคีรี ข้าจะไม่ดูดายแน่นอน” หลี่มู่เอ่ย

สำนักขุนคีรีมีความเกี่ยวข้องกับชวีหยวน ดังนั้นหลี่มู่จะต้องปกป้องดูแล

ท่าทีเช่นนี้ทำให้คนสำนักขุนคีรีทั้งระดับล่างและบนจิตใจสงบลงยิ่งขึ้น ในสายตาของพวกเขา หลี่มู่ในตอนนี้เป็นขาข้างใหญ่หาใดเปรียบทีเดียวเชียว

อาทิตย์อัสดงแดงดุจเลือด

รอบๆ ยอดเขาหลักพังราบเป็นหน้ากลอง

พวกหลี่มู่ยืนอยู่หน้าประตูตำหนักใหญ่สำนัก ทอดสายตามองไปยังสนามรบ

ความเหนื่อยล้าโจมตีเข้ามาทันใด หลี่มู่สัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าที่ยากจะพบเจอ เขารู้ว่าเป็นเพราะในการต่อสู้กับอิ้งซานเสวี่ยอิงก่อนหน้านี้ใช้กำลังกายและเลือดลมมากเกินไป เงื่อนไขในการกระตุ้นหมัดยุทธ์แท้อย่างสมบูรณ์แบบช่างสูงมากยิ่งนัก โดยเฉพาะท่า ‘รวบหางยูง’

ต้องพักผ่อนปรับสมดุล

เขากำลังจะหมุนกายมาพูดอะไรกับพวกสวีเซิ่งและชิวอิ่น ก็พลันหน้าเปลี่ยนสีไปทันที มองไปยังขอบฟ้าทางทิศตะวันตก ใบหน้าฉายแววตกตะลึง

……………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา