สีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไปของหลี่มู่ทำให้พวกสวีเซิ่งชิวอิ่นต่างแปลกใจ
“น้องสาม เป็นอะไรไป…” ชิวอิ่นถามอย่างสงสัย
แต่ว่าเขายังพูดไม่ทันจบ สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน
ความรู้สึกหวาดผวาอย่างหนึ่งถาโถมเข้ามา
พริบตานั้น คนสำนักขุนคีรีทั้งระดับบนและล่างต่างหวาดกลัวราวกับมีเทพมารลงมาเยือนอย่างพิโรธ
เห็นทางทิศตะวันตกฝั่งเมืองหลวงฉินของจักรวรรดิฉินตะวันตกมีแสงอรุโณทัยสายหนึ่งปรากฏขึ้น จากนั้นจึงเป็นฝ่ามือขนาดมหึมาที่ปกคลุมท้องฟ้าไปครึ่งหนึ่ง กระตุ้นเมฆาอากาศ บดอัดทั้งผืนฟ้า เหมือนจะขยี้ฟ้าดินผืนนี้ให้แหลกลาญ กำลังครอบลงมายังสำนักขุนคีรีโดยตรง
ยอดเขาหลักสำนักขุนคีรีสูงสามพันจั้ง เมื่ออยู่ใต้ฝ่ามือที่ใหญ่จนเทียบไม่ติดข้างนี้ก็ประหนึ่งบเนินดินเล็กๆ
เมื่อพวกหลี่มู่เงยหน้าขึ้นไปต่างจิตใจสั่นสะท้าน มือข้างนี้ต่อให้เป็นเส้นลายมือบางๆ ก็ยังใหญ่ดุจทางช้างเผือก
“อะไร?”
“นี่คือ…เทพมารอย่างนั้นหรือ?”
“สวรรค์…”
ลูกศิษย์สำนักขุนคีรีนับไม่ถ้วนต่างเสียความสามารถในการคิดวิเคราะห์ไปทันที
ฝ่ามือมหึมาข้างนั้นปกคลุมลงมาช้าๆ อากาศถูกบีบอัดจนระเบิด
ทุกคนต่างรู้สึกว่าหน้าอกถูกกดจนหัวใจแทบจะปลิ้นออกมา
ลูกศิษย์ที่พลังค่อนข้างต่ำเลือดพุ่งออกจากปากและจมูก เป็นลมหมดสติไปแล้ว
“เร็วเข้า รีบเปิด ‘ค่ายกลแสงดารามหาจักรวาล’ ” เจ้าสำนักสวีเยวี่ยตกใจหน้าซีด
ทุกคนต่างมองมือข้างนี้อย่างตื่นกลัว
บนฝ่ามือเต็มไปด้วยลวดลายดาราแน่นขนัด อักขระผสมปนเปกับลายเส้นเต๋า ละม้ายคล้ายโซ่แต่ละเส้นๆ กลิ่นอายเต๋าแผ่กระจาย ข้ามผ่านสายน้ำและขุนเขา ประหนึ่งว่ามาจากโลกอื่น
หลี่มู่รู้สึกเพียงว่าพลังจักรพรรดิเพลิงแดนใต้และจักรพรรดิเขียวแดนตะวันออกในกายเดือดพล่านอย่างรุนแรง มีความรู้สึกเหมือนจะพุ่งตัวออกมา ปานเจอกับศัตรูที่ไม่เจอกันนาน
แต่หลี่มู่ก็วิเคราะห์ได้อย่างกระจ่างแจ้ง ต่อให้เป็น ‘ไฟจักรพรรดิ’ ซึ่งตนเองพัฒนามาจากพลังของสองจักรพรรดิที่เพิ่งบรรลุใหม่ล่าสุด ก็ยังห่างชั้นจากศัตรูเจ้าของฝ่ามือยักษ์สีทองข้างนี้อีกไกลนัก…
เป็นท่านเซียนที่ ‘ดาบจักรพรรดิ’ อิ้งซานเสวี่ยอิงพูดถึงคนนั้นลงมือหรือ?
ในใจของหลี่มู่เกิดความรู้สึกว่าตนเล็กจ้อยสู้ไม่ได้ขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเกิดความรู้สึกแบบนี้
ก่อนหน้านี้ ต่อให้เผชิญหน้ากับ ‘ดาบจักรพรรดิ’ อิ้งซานเสวี่ยอิงยามที่ยังไม่บรรลุพลังจักรพรรดิเขียวแดนตะวันออกและยังฝึกฝนพลังตับในพลังธาตุทั้งห้าไม่สำเร็จ เขาก็ยังไม่รู้สึกไร้พลังเช่นนี้
ฝ่ามือข้างนี้หากซัดลงมา เกรงว่าทั้งยอดเขาหลักเขาขุนคีรีคงกลายเป็นเศษฝุ่น
‘ค่ายกลแสงดารามหาจักรวาล’ จะต้านทานได้หรือไม่?
หลี่มู่ก็ไม่มั่นใจนัก
เหตุการณ์เกิดขึ้นเหมือนจะช้า
แต่ทุกอย่างทั้งหมดนี้ อันที่จริงเกิดขึ้นเพียงเสี้ยวพริบตา
ในตอนที่ฝ่ามือทองมหึมาข้างนั้นกำลังจะทับลงมายังยอดเขาหลัก ทันใดนั้นเหตุการณ์ประหลาดที่ทุกคนต่างคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
หมาป่ายักษ์สีเงินตัวหนึ่งคำรามพลางกระโจนมาจากท้องฟ้าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ รวดเร็วเป็นอย่างมาก องอาจงดงามราวหมาป่าสวรรค์ เหมือนฉีกทึ้งอากาศแล้วทะยานออกมาจากภายใน พุ่งมากัดฝ่ามือยักษ์สีทองข้างนั้นเอาไว้…
การเปลี่ยนแปลงอันปัจจุบันทันด่วนเช่นนี้รวดเร็วนัก ต่างตั้งตัวกันไม่ติด รวมไปถึงหลี่มู่ด้วย
“กรรร!”
หมาป่ายักษ์สีเงินส่งเสียงคำราม
เขี้ยวคมประดุจเสาค้ำสวรรค์กัดฝ่ามือยักษ์เอาไว้แล้วกระชากเต็มกำลัง จากนั้นจึงเห็นว่าฝ่ามือยักษ์พลังมหาศาลที่กดอัดลงมาดั่งเทพมารในห้วงดาราสมุทร ลวดลายดาราต่างๆ ส่องกะพริบ สุดท้ายก็ต้านเขี้ยวของหมาป่าสวรรค์สีเงินเอาไว้ไม่อยู่ เสียงปะทุระเบิดดังขึ้นก่อนถูกฉีกทึ้งเป็นชิ้นๆ โดยพลัน
ของเหลวสีทองคล้ายเลือดไหลรินลงมาจากฟ้า
“พี่ใหญ่มาแล้ว”
หลี่มู่ตั้งสติกลับมาแล้วก็พลันนึกอะไรได้
ในที่สุดพี่ใหญ่กัวอวี่ชิงก็มาถึงแล้ว
ชิวอิ่นก็ตั้งสติกลับมาได้เช่นกัน เอ่ยขึ้นอย่างลิงโลดว่า “ในที่สุดพี่ใหญ่ก็มาแล้ว”
ถึงแม้พวกสวีเซิ่ง สวีเยวี่ย และคนของสำนักขุนคีรีจะไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ที่หลี่มู่และชิวอิ่นกล่าวถึงเป็นเทพไท้องค์ใด แต่ดูจากสีหน้าเหมือนยกเขาออกจากอกของทั้งสองคน ใจก็โล่งไปเยอะทันที
“ใครขวางข้า?”
เสียงที่ทั้งทรงอำนาจและชวนให้คนสั่นสะท้านดังมาจากทิศตะวันตกดุจมังกรโจนทะยาน
ฝ่ามือยักษ์สีทองที่แหลกสลายแปรเปลี่ยนเป็นร่างเงาเลือนรางร่างหนึ่งสูงหลายร้อยจั้ง หัวจรดฟ้า ยืนตระหง่านกลางนภา ให้ความรู้สึกเหมือนยืนอยู่กลางจักรวาลเวิ้งว้างและกำลังก้มลงมองดาวดวงหนึ่ง ร่างเลือนรางนั้นสวมมงกุฎจักรพรรดิ อยู่ในชุดคลุมมังกร สวมรองเท้าจักรพรรดิ ข้างเอวมีกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง ทำให้ผู้คนแค่มองก็เกิดความรู้สึกชั่ววูบว่าอยากจะลงไปหมอบกราบอย่างอดไม่ได้
“เป็นจักรพรรดิฉิน”
สวีเซิ่งพลันร้องเสียงหลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา