เขาเป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงเรื่องพละกำลังมหาศาล มีพลังเหนือมนุษย์แต่กำเนิด ย่อมต้องเข้าใจยิ่งกว่าว่าต้องใช้ความแข็งแกร่งทางกายระดับใดในการบีบแท่งเหล็กด้วยมือเปล่าเหมือนก้อนแป้ง นั่นคือความแข็งแกร่งที่มนุษย์ทั่วไปไม่มีทางครอบครองได้ เขารู้สึกสิ้นหวัง ชายรูปงามที่อยู่ตรงหน้าลึกล้ำเกินกว่าจะคาดเดา เขาไม่มีโอกาสสู้ชนะสักนิด แม้แต่โอกาสจะหลบหนียังไม่มีด้วยซ้ำไป
สายตาที่หวาดเกรงจำนวนนับไม่ถ้วนมองไปที่ศิษย์พี่ใหญ่ต้วนสุ่ยหลิว
ยอดฝีมือ!
ยอดฝีมือที่แท้จริง!
ชายหนุ่มรูปงามคนนี้เป็นจอมยุทธ์ตัวจริงที่น่าหวาดหวั่นถึงที่สุด
เกรงว่าเขาไปถึงขั้นรวมจิตแล้วกระมัง?
มีบุคคลที่น่ากลัวเช่นนี้ปรากฏขึ้นในอำเภอขาวพิสุทธิ์ตั้งแต่เมื่อไหร่?
หัวใจของเหล่าชาวยุทธ์ในที่นี้ต่างบีบรัด
“รับไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียวงั้นหรือ ช่างเสียเวลาข้านัก ยังไม่ยอมรับอีกว่าตัวเองเป็นเศษขยะ…ดูเหมือนเจ้าคงไม่มีอะไรจะพูดแล้ว” ศิษย์พี่ใหญ่ต้วนสุ่ยหลิวมองไปที่จ้าวหรงเฉิง จากนั้นหันไปกล่าวกับเฝิงหยวนซิงว่า “ตามกฎหมายของจักรวรรดิ ความผิดของพรรคป่าไผ่จะลงโทษอย่างไร?”
“เข่นฆ่าผู้คน ขืนใจสตรี ให้ลงโทษด้วยการตอน สักใบหน้า…”
เฝิงหยวนซิงคืนสติแล้วรีบร้อนพูด
ถึงเวลานี้ ในสายตาที่เขามองศิษย์พี่ใหญ่ต้วนสุ่ยหลิวมีความยำเกรงอย่างลึกล้ำอยู่แล้ว
ไม่ทราบท่านขุนนางเมืองมาจากสำนักแบบใด เหตุใดในสำนักถึงมีศิษย์ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้
“ดี เอาดาบมา” ศิษย์พี่ใหญ่ต้วนสุ่ยหลิวยื่นมือมา
ทหารนายหนึ่งก้าวออกมาทันที ชักดาบยาวข้างเอวตนแล้วส่งให้
ศิษย์พี่ใหญ่ต้วนสุ่ยหลิวคว้าด้ามดาบยาว สะบัดจนเกิดเสียงดังชัด เกิดเป็นประกายดาบเย็นเยือก ก่อนเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เถ้าแก่เนี้ยที่กอดบุตรสาวของนางซ่อนตัวอยู่ด้านข้าง ชายหนุ่มพูดขึ้นว่า “พาลูกสาวเจ้ากลับไปที่ห้องครัวก่อนเถอะ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้อาจมีเลือดตกยางออกเล็กน้อย ไม่เหมาะจะให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เห็น”
เถ้าแก่เนี้ยราวกับตื่นขึ้นมาจากความฝัน รีบพาบุตรสาวหนีไปยังห้องครัวด้านหลัง
ในเวลานี้ จ้าวหรงเฉิงประมุขพรรคป่าไผ่รู้ชะตากรรมของตนเองแล้ว ความดุร้ายปรากฏบนใบหน้าที่มีรอยบาก เขาฝืนลุกขึ้นยืนโดยไม่สนความเจ็บ คิดจะจับสองแม่ลูกเป็นตัวประกัน…
ทว่ามีคมดาบสายหนึ่งวาบผ่านไป
ร่างของเขาพลันหยุดนิ่ง แข็งทื่ออยู่กับที่
ความคิดเองก็สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้
ชั่วเวลานั้น ทุกคนในหอโบตั๋นเคลิบเคลิ้มลุ่มหลงราวกับตกอยู่ในความฝัน แสงดาบที่ปรากฏเพียงพริบตานั้นช่างงดงามดุจแสงจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วง มีสีสันเหมือนความฝันที่มอมเมาจิตวิญญาณ ช่างสวยงามนัก คล้ายล่อลวงสติและจิตใจของพวกเขาไปแล้ว
นี่คือแสงจากคมดาบแบบใดกัน
เป็นวิชาดาบประเภทใด
เปรียบดั่งอสุนีฟาดผ่า
ผู้คนที่เห็นประกายของดาบล้วนถูกมอมเมาจนยากจะถอนตัว
ใบหน้าของศิษย์พี่ใหญ่ต้วนสุ่ยหลิวปรากฏแววประหลาดใจ ราวกับเขาก็ไม่คาดคิดว่าดาบจะมีพลังขนาดนี้
บนดาบทหารมือปราบที่แสนจะธรรมดาเล่มนี้ไม่มีแม้แต่รอยเลือด
ไม่มีร่องรอยดาบ เลือดสักหยดก็ไม่มี
“ฮ่าๆๆ วิชาดาบดี เมื่อมีดาบอยู่ในมือ ข้าจะใช้มันตัดความอยุติธรรมทั้งหมด…” ศิษย์พี่ใหญ่ต้วนสุ่ยหลิวย้อนนึกถึงความรู้สึกช่วงที่ลงดาบนี้ ท้ายที่สุดจึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะงอนิ้วดีดตัวดาบเบาๆ
เสียงสั่นไหวจากโลหะดังขึ้น ปลุกคนที่จิตใจถูกมอมเมาให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ของแสงดาบสายนั้น
“วิชาดาบนั่น…”
“เหมือนข้าเห็นแสงดาวตกวิ่งผ่านไป…”
“เหมือนสายฟ้า”
คนส่วนหนึ่งอุทานโดยไม่ได้ตั้งใจ
ส่วนจ้าวหรงเฉิงยังคงแข็งทื่ออยู่กับที่เหมือนโดนสกัดจุด ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
“คนชั่วพรรคป่าไผ่ที่เหลือ พวกเจ้ามีใครยังอยากจะขัดขืนอีกหรือไม่?” ศิษย์พี่ใหญ่ต้วนสุ่ยหลิวเลื่อนสายตามามองสมาชิกพรรคคนอื่นๆ
‘บุรุษจอมยุทธ์’ ที่เคยอหังการทะนงตนมาจนถึงเมื่อครู่ ในเวลานี้ตกใจหวาดกลัวจนไม่กล้าก้าวออกไป ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น และไม่กล้าสบตากับต้วนสุ่ยหลิว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องขัดขืนต่อสู้เลย ภาพนิ้วทั้งสอง การสะบัดมือ รวมถึงดาบอันน่าสะพรึงปรากฏวนเวียนในห้วงความคิดของพวกเขา ท้ายที่สุดทั้งหมดทรุดตัวลงคุกเข่า ยอมให้จับแต่โดยดี
ฉึบ!
ศิษย์พี่ใหญ่ต้วนสุ่ยหลิวพลิกมือซัดไปโดยไม่หันมอง
ดาบยาวเหมือนสายอสุนีมีชีวิต พุ่งกลับไปยังฝักดาบในมือของทหารคนนั้นในพริบตา
“พวกเจ้า…ไปคุมตัวพวกมันให้ข้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา