หลี่มู่ตกใจเป็นอย่างมาก
วิชาที่หมิงเยวี่ยใช้คือวิชาเต๋า ไม่ใช่วิชาวรยุทธ์สังหารอย่างในโลกใบนี้ เมื่อครู่นางบอกว่าตัวเองเป็นผู้สืบทอดของขอทานเฒ่าจั่วลู่อี้ หรือที่แท้จั่วลู่อี้จะเป็นคนจากนอกพิภพ?
มิฉะนั้นจะถ่ายทอดวิชาเต๋าให้นางได้อย่างไร
ส่วนคนพรรคกระยาจกคนอื่นๆ มองไม่ค่อยเข้าใจวิชาดอกบัวขาวกลางฟ้าครามที่ปรากฏเบื้องหลังหมิงเยวี่ย แต่กลับตกตะลึงที่คุณชายหน้าขาวเหลียงจื้อพ่ายแพ้เร็วขนาดนี้
ครึ่งปีที่ผ่านมานี้ เหลียงจื้อผงาดขึ้นมารวดเร็วมาก นอกจากจะมีการอบรมฝึกฝนจากประมุขพรรค ‘ยาจกเทพ’ ความแข็งแกร่งของพละกำลังและพลังฝึกก็เป็นเหตุผลสำคัญอีกข้อหนึ่ง วรยุทธ์ในกายแปรสภาพเข้าไปในพัด แต่ไหนแต่ไรไม่เคยพ่ายแพ้ ยามเผชิญหน้ากับศัตรู โดยพื้นฐานแล้วคือบดขยี้ผู้อื่น น้อยครั้งนักที่จะมีคนมองตื้นลึกหนาบางของเขาออก อีกทั้งผลงานการต่อสู้อยู่เหนือกว่าหลี่อวิ๋นเทา คนมมากมายเคารพยำเกรง
แต่ใครจะรู้ ไม่นึกเลยว่าจะแพ้ให้กับเด็กสาวคนหนึ่งที่จู่ๆ ก็โผล่มาเช่นนี้
คนที่มีปัญญายิ่งมองออกว่านี่ยังเป็นเพราะเด็กสาวชื่อหมิงเยวี่ยหยั่งเชิงเล็กน้อยด้วยซ้ำ หากนางสำแดงภาพเหตุการณ์ประหลาด ‘บัวขาวกลางฟ้าคราม’ ตั้งแต่ทีแรก เกรงว่าเหลียงจื้อคงรับมือได้แค่ไม่กี่อึดใจ
รู้ผลแพ้ชนะแล้ว
หมิงเยวี่ยชนะ ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ นางจะกลายเป็นประมุขพรรคคนใหม่
แต่พรรคกระยาจกหลายคนต่างมองหน้ากันไปมา
จะให้เด็กสาวอายุสิบกว่าปีคนหนึ่งปกครองดูแลพรรคอันดับหนึ่งของซ่งเหนือจริงหรือ จะเป็นเด็กเล่นขายของไปหน่อยกระมัง ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ดูจากคำพูดของเด็กคนนี้เมื่อครู่ก็พึ่งพาไม่ได้สุดๆ แล้ว
สีหน้าของเหลียงจื้อย่ำแย่ยิ่งนัก
ตำแหน่งประมุขพรรคที่อยู่ในกำมือกลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว เท่ากับเป็ดที่ต้มสุกบินหนีไปชัดๆ
แต่เขาก็หวาดหวั่นนัก
เพราะตอนที่คู่ต่อสู้สำแดงภาพวิชาเต๋า ใบบัวนั้นขยับเพียงเล็กน้อย พลังแห่งเต๋าก็กดอัดเข้ามาราวโม่หิน เขามั่นใจว่า หากเมื่อครู่ตนถอยมาช้าอีกแค่เล็กน้อย เกรงว่าคงจะถูกบดขยี้จนเป็นเศษผงเหมือนพัดนั่นไปแล้ว
“ว่าอย่างไร?” หมิงเยวี่ยมองไปยัง ‘ยาจกเทพ’ อย่างระริกระรี้
‘เคลื่อนกายไร้เงา’ ซุนฉางเฟิงและ ‘หมัดเทวะร้อยลี้’ กัวปู๋เอ้อร์ก็มอง ‘ยาจกเทพ’ ด้วยเช่นกัน
‘ยาจกเทพ’ หน้าเปลี่ยนสี แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ถอนหายใจ ยิ้มขื่นพลางเอ่ยว่า “ในเมื่อแม่นางหมิงเยวี่ยชนะ เช่นนั้นนับจากวันนี้ไป ประมุขพรรคกระยาจกก็คือแม่นางหมิงเยวี่ยแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าแม่นางเตรียมจะดูแลพรรคกระยาจกอย่างไร และจะสู้กับศัตรูภายนอกอย่างพรรคมารโลหิตอย่างไร?”
หมิงเยวี่ยกล่าวเหมือนเรื่องย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว “คำเดียว ฆ่า ไม่ฟังความ ฆ่า คัดค้านข้า ฆ่า เป็นปฏิปักษ์กับข้า ฆ่า พรรคจันทราโลหิต ฆ่ามันให้หมด”
‘ยาจกเทพ’ เอ่ยอันใดไม่ออก
ซุนฉางเฟิงกับกัวปู๋เอ้อร์นิ่งงัน
บ้าเลือดเกินไปกระมัง?
โดยรอบเวทีหิน ผู้แข็งแกร่งยอดฝีมือพรรคกระยาจกหลายหมื่นคนก็ฮือฮากันทั่วทันที ประมุขพรรคคนใหม่จะเรียบง่ายและป่าเถื่อนขนาดนี้เชียว?
แต่ว่า หากสังหารศัตรูอย่างพรรคจันทราโลหิตได้หมดจริง เช่นนั้น…แค่คิดก็เลือดร้อนฮึกเหิมแล้ว
มีแค่หลี่มู่กับชิงเฟิงท่ามกลางฝูงชนเท่านั้นที่อดหัวเราะไม่ได้ ใช้ได้เลย นี่ดูเป็นหมิงเยวี่ยมาก นางในตอนนี้ถึงจะนับว่ามีท่าทางอย่างเด็กหน้ามึนโดยธรรมชาติในตอนนั้น เป็นตัวตนที่แท้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย
“ดี เช่นนั้นข้าขอประกาศ นับจากวันนี้เป็นต้นไป ประมุขพรรคกระยาจกก็คือแม่นางหมิงเยวี่ย นี่คือสัญลักษณ์ของพรรคเรา แม่นางโปรดรับไว้ด้วย” ‘ยาจกเทพ’ ยิ้มขื่น พลิกมือดึงไม้เท้าที่ปักอยู่บนเวทีหินก่อนหน้านี้ขึ้นมา หลังใช้วิชาลับกระตุ้นก็เห็นผิวนอกหลุดลอกออกไป เผยให้เห็นหยกเขียวใสก้อนหนึ่งด้านใน ขนาดประมาณนิ้วมือ ยาวราวสี่ฉื่อ ผิวด้านนอกเป็นลวดลายธรรมชาติที่ประหลาด อีกทั้งเหมือนลวดลายเต๋าที่ใช้อิทธิฤทธิ์วิชาประทับลงไป ท่วงทำนองแห่งเต๋าเดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวจางหาย พิสดารเป็นที่สุด
หลี่มู่มองจากไกลๆ ในใจตื่นตะลึง
หรือจะเป็นไม้เท้าตีสุนัข?
ไม่หรอก หากไม้เท้านี่ชื่อไม้ตีสุนัขเหมือนกันจริง มันจะเหมือนกันเกินไปหน่อยแล้ว
หมิงเยวี่ยรับไม้เท้ามาด้วยรอยยิ้มกว้าง เมื่อสะบัดข้อมือ เส้นเงานับไม่ถ้วนก็สั่นไหวออกมาเหมือนงูเขียว อากาศทลายลงตรงหน้าไม้เท้าทันที เส้นแสงราวกับบิดเบี้ยว จากนั้นปะทุเสียงสายฟ้าฟาด ทว่าไม้เท้าอ่อนนุ่มแข็งแรงยิ่ง ไม่หักพังแต่อย่างใด
นางเอ่ยอย่างแปลกใจ “โอ๊ะ ทนทานดีนี่ นี่คือไม้เท้าเทพแห่งสรรพสิ่งที่ตาแก่หนังเหนียวตายยากจั่วลู่อี้บอกอย่างนั้นหรือ”
แม่เด็กนี่ เมื่อครู่มีความคิดจะทำลายไม้เท้านี้
พรืด
หลี่มู่เกือบหลุดหัวเราะออกมาแล้ว
ไม้เท้าเทพแห่งสรรพสิ่ง?
ชื่อนี้…ถึงจะไม่เหมือนกับไม้ตีสุนัข แต่ก็น่าตกใจมาก
เหล่าบรรพชนของพรรคกระยาจกไม่มีความรู้ก็เลยตั้งชื่อซี้ซั้วแบบนี้หรือ?
‘ยาจกเทพ’ พยักหน้าตอบ “ใช่แล้ว นี่ก็คือ ‘ไม้เท้าเทพแห่งสรรพสิ่ง’ ที่เป็นสัญลักษณ์แทนอำนาจสูงสุดของพรรคเรา ตอนนี้มันเป็นของเจ้าแล้ว ทั้งพรรคกระยาจกก็เป็นของเจ้าแล้วเช่นกัน หวังว่าเจ้าจะนำพาพรรคของเราให้เจริญรุ่งเรืองได้ ข้า…” พูดแล้วสีหน้าเขาก็ค่อยๆ ซีดเผือด ร่องรอยความตายอันรางเลือนปรากฏบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บภายในสาหัส เก็บอาการไม่อยู่อีกต่อไป ใกล้จะทนไม่ไหวแล้วเต็มที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา