‘ยาจกเทพ’ ตายไปแล้ว?
ในพริบตานี้ ไม่เพียงแค่หลี่มู่กับสองยอดผู้อาวุโสที่เข้าใจ ยอดฝีมือพรรคกระยาจกคนอื่นๆ ก็เข้าใจแล้วเช่นกัน
สายตาของคนบางส่วนมองไปยังเหลียงจื้อ
ครึ่งปีกว่าที่ผ่านมา เหลียงจื้อคนนี้ได้รับหน้าที่สำคัญและการเลื่อนตำแหน่งจากยาจกเทพ ก่อนนี้ยิ่งคิดจะมอบตำแหน่งประมุขพรรคต่อให้เหลียงจื้อ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่เหลียงจื้อยังอาศัยช่วงขับคันลอบโจมตีหมิงเยวี่ยอีก...ทั้งหมดในทั้งหมดนี้ อธิบายได้ว่าเหลียงจื้อก็ไม่ใช่คนดีอะไร
“หึๆๆๆ…” เหลียงจื้อก้มศีรษะ หัวเราะร่าขึ้นมา
เสียงหัวเราะราวกับสัตว์ป่าคำรามก่อนตาย เปลวไฟสีแดงเข้มกระจายออกมาจากใต้อาภรณ์ จากนั้นเขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ ประกายสีแดงเลือดแผ่ออกมาจากเบ้าตา ประหนึ่งเลือดรินไหลก็ไม่ปาน กลิ่นอายแห่งการสังหาร ความดุร้าย และความชั่วร้ายขั้นสูงสุดฟุ้งกระจายอยู่รอบตัวเขา
เขาวัวสีแดงสดที่โค้งงอดุจดาบโค้งคมกริบคู่หนึ่งงอกออกมาจากใต้ผิวหนังบนศีรษะของเขา
ไม่ใช่มนุษย์อย่างที่คิดไว้
หลี่มู่อยู่ในฝูงชน สีหน้าท่าทีไม่ได้เปลี่ยนไปนัก
นี่แตกต่างจากสถานการณ์ที่เขาเคยเจอมา ครั้งนี้ไม่นึกว่าจะเป็นร่างจริงของปีศาจร้ายนอกพิภพลงมาเอง พวกหวงเซิ่งอี้และองค์ชายสองก่อนหน้า ความจริงแล้วแค่รับพลังของปีศาจร้ายนอกพิภพมา จึงได้รับพลังพิเศษเท่านั้น แต่ครั้งนี้…ปีศาจร้ายนอกพิภพตัวจริงลงมาเยือนแล้ว
นี่เป็นการบุกโจมตีอย่างหนึ่ง
สำหรับโลกใบนี้แล้วถือเป็นข่าวร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย
“คืนนี้ พี่น้องพรรคกระยาจกของข้าจะล่ามารร้าย” ‘หมัดเทวะร้อยลี้’ กัวปู๋เอ้อร์ยิ้มเย็นชา พลังปีศาจในบาดแผลบนร่างถูกขับออกมา บาดแผลสมานตัว พลังคุกคามของขั้นเทวะม้วนตลบไปทั่วสารทิศ
เขาเคยใช้หมัดเดียวซัดทะลุทิวเขาร้อยลี้ ในอดีตก็เป็นคนเหี้ยมหาญที่พลังน่าเกรงขามและโดดเด่นคนหนึ่ง แล้วจะถอยหัวหดได้อย่างไร?
ส่วนร่างของ ‘เคลื่อนกายไร้เงา’ ฉุนซางเฟิงก็ค่อยๆ ผสานตัวกับความว่างเปล่า เสียงเหมือนภูตผีจากยมโลกดังขึ้นจากทุกทิศ “เป็นปีศาจร้ายนอกพิภพแล้วอย่างไร กล้าเข้ามาในพรรคกระยาจกข้าก็ต้องสังหารให้สิ้นซาก ศิษย์พี่น้องในพรรคข้าเคยกลัวเสียที่ไหน?”
ท่าทีของยอดผู้อาวุโสทั้งสองทำให้คนพรรคกระยาจกทั้งหมดรู้สึกถึงความเป็นศัตรูร่วมกัน ขวัญกำลังใจปะทุขึ้นมา
หลี่มู่ก็แอบพยักหน้า ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นปีศาจร้ายเพลิงดำที่ยึดครองร่างของยาจกเทพหรือเหลียงจื้อ กลิ่นอายก็แข็งแกร่งมาก ทว่าความแข็งแกร่งมีขีดจำกัดอยู่เช่นกัน หากจะสู้กับคนทั้งพรรคนั้นเป็นไปไม่ได้
ทว่าตอนนี้เอง ในชั่วพริบตา โดยรอบเกาะขอทานมีเสียงกลองศึกดังขึ้น ต่อมาเสียงร้องแปลกประหลาดก็ดังมาจากรอบทิศทาง
“พรรคจันทราโลหิต” หัวหน้าสาขาย่อยคนหนึ่งของพรรคตะโกนเสียงแหลม
จากนั้น ธนูโลหิตดอกหนึ่งพุ่งลงมาจากฟากฟ้า แทงทะลุหน้าอกของเขา แสงจันทร์สีเลือดที่แปลกพิลึกสาดออกมากลืนกินทั้งร่างเขาไป จนกลายเป็นโคลนเลือดกองหนึ่ง
ในเวลาเดียวกัน จันทร์คู่ที่เดิมลอยอยู่บนท้องฟ้ามืดดำเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาด ระหว่างที่สีเลือดคลุ้งกระจาย จันทร์คู่ที่เหมือนจานสีขาวหยกกลับกลายเป็นสีแดงเลือด สาดแสงเลือดลงมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ปกคลุมเกาะขอทานทั้งเกาะเอาไว้
ภายในจันทร์โลหิต ร่างเงาสีเลือดที่ประหนึ่งแมงมุมยักษ์หลายตัววนเวียนอยู่บนท้องฟ้า ส่งเสียงร้องประหลาดออกมา
“ฮ่าๆ วันนี้พรรคกระยาจกต้องพินาศสิ้น”
“สังหาร!”
“ใช้เลือดของพรรคกระยาจกสังเวยให้ท่านเจ้าวัง”
“ยุคสมัยของพวกเรามาถึงแล้ว”
เหล่าปีศาจมารลุกฮือ เสียงร้องประหลาดที่ชั่วร้ายแต่ละประเภทดังมาจากผืนฟ้ารอบทิศ ขณะเดียวกันยังมีร่างเงาทะยานมาดั่งกระแสน้ำขึ้น ร่างคน สัตว์ป่า อสุรกาย รวมถึงสัตว์ร้ายใต้น้ำมากมายจากเขตน้ำรอบเกาะ ก็พุ่งทะยานออกมาจากอุโมงค์ใต้เขาและหุบผายอดเขาอย่างมืดฟ้ามัวดินไม่ขาดสาย
สถานการณ์พลิกกลับในทันที
“ฮ่าๆๆ จันทราโลหิตส่องสว่างท่ามกลางการเข่นฆ่าสังหาร ค่ำคืนนี้ เป็นการเฉลิมฉลองของพวกเรา” เทพปีศาจเพลิงดำหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง คลื่นเสียงม้วนซัดออกไปสี่ทิศ
เขาลงมือทันที
เขาที่ถอดหนังของ ‘ยาจกเทพ’ ออกไปไม่ต้องพยายามข่มพลังไว้อีกแล้ว กลิ่นอายพลังไม่รู้ปะทุเพิ่มขึ้นกี่เท่าตัว แค่คนเดียวก็สามารถสกัด ‘เคลื่อนกายไร้เงา’ ซุนฉางเฟิงและ ‘หมัดเทวะร้อยลี้’ กัวปู๋เอ้อร์เทวะทั้งสองไว้ได้อยู่หมัด
“เปิดค่ายกล สังหารปีศาจร้าย”
เสียงของ ‘เคลื่อนกายไร้เงา’ ซุนฉางเฟิงดังขึ้นมา
เกาะขอทานเป็นถึงฐานหลักของพรรคกระยาจกที่ดำเนินการมากว่าพันปี มีค่ายกลและค่ายสังหารต่างๆ จัดวางไว้มากมาย ทั้งยังมีกลไกกับดักไม่รู้จบสิ้น ทั้งหมดเริ่มพัวพันสังหารศัตรูที่บุกเข้ามาเหล่านั้น
ทว่า ยามที่เทพปีศาจเพลิงดำแปลงเป็นยาจกเทพได้ลอบกระทำการต่างๆ ไปไม่น้อยแล้ว ค่ายกลลวงตากับค่ายกลสังหารกว่าเจ็ดแปดส่วนในนี้ถูกทำลายไปก่อนหน้า ทั้งเกาะขอทานแทบกลายเป็นศูนย์กลางที่ไร้การป้องกัน พริบตาที่ศึกใหญ่เปิดฉาก พรรคกระยาจกก็เสียหายอย่างหนัก
ยังดีที่คืนนี้พรรคกระยาจกมียอดฝีมือมากมายอยู่บนเกาะ
ศึกใหญ่เปิดม่านขึ้นด้วยประการนี้
หลี่มู่ก็ตื่นตกใจนัก ไม่คิดว่าเรื่องที่วกไปวนมานี้ สุดท้ายจะบานปลายกลายเป็นศึกวุ่นวายของพรรค เทียบได้กับการสังหารของสองกองทัพ กระทั่งโหดร้ายทารุณเสียยิ่งกว่า ศึกใหญ่ระหว่างผู้แข็งแกร่งสายยุทธ์เช่นนี้ เพียงพริบตาก็ทำให้เกาะขอทานโกลาหลวุ่นวาย เสียงกรีดร้อง เสียงตะโกนเดือดดาล เสียงคำราม เสียงโหยหวน และเสียงร้องบ้าคลั่งดังขึ้นจากทุกทาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา