ปราณดาบนับพันหมื่นสายประดุจด้ายเล็กละเอียด แผ่ออกไปรอบด้านจากร่างของหลี่มู่ ดูเหมือนไม่มีกฎเกณฑ์แต่แท้จริงกลับผนึกเฉือนตัดความว่างเปล่าทั้งหมด ปกคลุมเป็นชั้นทับซ้อนลงมาในทุกตารางนิ้วรอบตัวเทพปีศาจเพลิงดำ
“เจ้าเป็นใคร?”
เทพปีศาจเพลิงดำพยายามทุ่มแรงต่อต้าน เรือนร่างปานหินผาสีดำ ด้านในร่องคล้ายกล้ามเนื้อที่ปูดนูนขึ้นมาราวกับมีหินหลอมเหลวสีแดงฉานเป็นประกายไหลวน จนกลายเป็นตราประทับเต๋าแปลกประหลาดอันแล้วอันเล่า หมุนวนไปทั่วกาย ดูเหมือนเกราะตราประทับชั้นหนึ่ง
หลี่มู่ไม่ตอบอะไร
เขาใช้จิตดาบกระตุ้นท่าศึกราตรีแปดทิศในหกดาบวายุเมฆา เสริมให้ละเอียดอ่อนมากยิ่งขึ้น รัดเทพปีศาจเพลิงดำเอาไว้ จากนั้นหันกายกลับมาที่ด้านหน้าเหลียงจื้อร่างมารดุจสายฟ้าแลบ หนึ่งหมัดซัดออกไป คราวนี้กลับเปลี่ยนมาใช้หมัดยุทธ์แท้แล้ว
ตูม!
อากาศระเบิดออก ถล่มลงเป็นชั้นๆ เหมือนความว่างเปล่าพังทลายก็มิปาน
เหลียงจื้อร่างมารยกมือขึ้นต้านไว้ แต่รู้สึกเพียงว่ามีพลังมหาศาลที่น่าเหลือเชื่อประหนึ่งทลายภูเขาถล่มสมุทรทะลักเข้ามา เสียงเปรี๊ยะดังลั่น ท่อนแขนร่างมารของเขาระเบิดกระจายโดยพลัน ร่างทั้งร่างม้วนกระเด็นออกไป
“เป็นไปได้อย่างไร?” เหลียงจื้อร่างมารตะโกนลั่น รู้สึกไม่อยากเชื่อ
ร่างของเขาได้รับการเสริมพลังจาก ‘น้ำพุจันทราโลหิต’ ในเบ้าตาทั้งสอง แข็งแกร่งไร้พ่าย ต่อให้เป็นขั้นเทวะก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ แต่กลับถูกขอทานน้อยผู้นี้ซัดระเบิดได้ในหมัดเดียว?
จากนั้นร่างของหลี่มู่ยืนอยู่ที่เดิม ยกมือขึ้นมา และง้างหมัดชกไปทางหน้าผากเด็กสาวที่มีภาพ ‘ดอกบัวขาวฟ้าคราม’ ฉายอยู่เบื้องหลังอีกหมัดหนึ่ง
ฉากนี้ทำให้ยอดฝีมือพรรคกระยาจกที่กำลังส่งเสียงเอะอะอยู่รอบๆ นิ่งอึ้งไปทันที
เกิดอะไรขึ้น
ขอทานน้อยไม่ใช่ว่ากำลังโจมตีปีศาจร้ายนอกพิภพอยู่หรือ ทำไมจึงหันมาลงมือกับประมุขพรรคคนใหม่?
ที่ประหลาดยิ่งไปอีกก็คือ หมิงเยวี่ยประมุขพรรคคนใหม่ก็เหมือนตกใจจนบื้อไปแล้ว เงยหน้าขึ้นมอง ยืนแข็งอยู่ที่เดิม จ้องมองขอทานน้อยคนนั้น
“ประมุขพรรค…” หลู่ฉางฟู่ที่อยู่ห่างออกไป เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ก็ตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง
เขามองไม่ออกแล้ว ขอทานน้อยคนนั้นเป็นสหายของท่านหญิงหวนจูที่ตนพามา เดิมทีคิดว่าเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์อะไรเทือกนั้น ไม่คิดเลยว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งยอดยุทธ์ที่น่ากลัวเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังลงมือกับประมุขพรรคคนใหม่อีก หรือว่าจะเป็นไส้ศึกของพรรคจันทราโลหิต? ไม่ถูกต้องสิ เมื่อครู่เขายังต่อกรเทพปีศาจเพลิงดำกับเหลียงจื้อร่างมารอยู่เลย…เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ยอดฝีมือและผู้แข็งแกร่งพรรคกระยาจกซึ่งกำลังทำศึกอยู่รอบๆ เห็นประมุขพรรคคนใหม่ที่เพิ่งออกจากเตาสดๆ ร้อนๆ ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมดุจคนบื้อ มองหมัดที่ซัดเหลียงจื้อร่างมารจนปลิวจะปะทะหน้าผากประมุขพรรคคนใหม่กันตาปริบๆ คิดจะเข้าไปช่วยเหลือก็ไม่ทันกาลแล้ว
กระทั่งเทพปีศาจเพลิงดำที่เพิ่งดิ้นหลุดจากจิตดาบ ‘ศึกราตรีแปดทิศ’ มาได้ ปฏิกิริยาตอบสองก็ยังติดขัดอยู่บ้าง
แต่ว่า พริบตาที่หมัดกำลังจะไปถึงหน้าผากหมิงเยวี่ย กลับเปลี่ยนเป็นงอนิ้วดีดอย่างกะทันหัน เสียงเพียะดังขึ้นมา นิ้วดีดลงกลางหน้าผากของหมิงเยวี่ย
หลี่มู่เอ่ยขึ้น “ถูกคนลักตัวไปก็ไม่รู้จักหนีกลับมา”
บนใบหน้าเล็กรูปไข่ที่ขาวผ่องงดงามของหมิงเยวี่ย นางลูบหน้าผากด้วยสีหน้ากรุ่นโกรธ กล่าวว่า “เจ็บ….” จากนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้อีก แขนสองข้างกางออก พุ่งเข้าไปในอ้อมอกของหลี่มู่ และกอดเอวเขาเอาไว้แน่น ความรู้สึกเช่นนั้นราวกับกลัวว่าถ้าปล่อยมือ หลี่มู่จะหายไป
“คุณชาย หมิงเยวี่ยคิดถึงพวกท่านจังเลย” นางเอ่ยเสียงสะอื้น
ทำให้โลลิน้อยซื่อบื้อที่ไม่ค่อยใช้สมองพูดคำเช่นนี้ออกมาได้ เห็นได้ชัดว่านางสะเทือนใจจริงๆ
เบ้าตาของหลี่มู่ก็ชื้นขึ้นมาเล็กน้อย ลูบศีรษะของโลลิน้อยเบาๆ เอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “ข้าก็มาแล้วไม่ใช่หรือ ชิงเฟิงก็อยู่ด้วยนะ หนึ่งปีกว่าไม่เจอกัน นึกไม่ถึงว่าเด็กโง่ทึ่มอย่างเจ้าจะได้รับพลังฝึกที่สะเทือนฟ้าดินเช่นนี้ เดิมทีข้าอยากหาตัวเจ้าขอทานเฒ่าจั่วลู่อี้มาซัดให้น่วมเสียรอบหนึ่ง จากนั้นจับสุนัขสีน้ำตาลของเขาต้มหม้อไฟกินเสีย แต่ตอนนี้ในเมื่อเขาเป็นอาจารย์ของเจ้าแล้วก็ช่างมันเถิด เว้นเขาไว้สักครั้ง”
“ไม่เป็นไร คุณชายซัดตาเฒ่านั่นให้ตายไปเลย…” หมิงเยวี่ยบอกพลางเช็ดน้ำตา
หลี่มู่พูดไม่ออก
ตั้งแต่มาถึงโลกใบนี้ คนที่ดีต่อหลี่มู่อย่างจริงใจไม่หวังผลตอบแทนมีแค่ไม่กี่คน แน่นอนว่าในนั้นรวมถึงชิงเฟิงและหมิงเยวี่ย สองคนนี้ก็เป็นคนกลุ่มแรกที่หลี่มู่ได้พบหลังจากมายังดาวอื่น สำหรับหลี่มู่แล้ว เขาเห็นชิงเฟิงและหมิงเยวี่ยเป็นเหมือนน้องชายน้องสาวของตนเอง วันนี้ ความรู้สึกเช่นนี้สัตย์ซื่อจริงใจยิ่งกว่าความรู้สึกใดๆ
น้องสาวที่หายสาบสูญไปนาน ในที่สุดก็ตามหาจนเจอแล้ว
ห่างออกไป หวางซืออวี่ที่อยู่ใต้การคุ้มครองจากค่ายกลลวงตาของหยวนโห่ว เมื่อเห็นภาพนี้แววตาพลันซับซ้อน
เด็กน้อยที่งามดุจตุ๊กตาเครื่องเคลือบหยกคนนี้ ว่าแล้วว่าต้องเป็นคนของหลี่มู่ด้วย พลังสูงขนาดนั้น ทั้งยังมีพลังวิญญาณเหลือล้นขนาดนั้น เหมาะสมกับหลี่มู่มากจริงๆ
หลังจากความรู้สึกยินดีที่ได้พบหน้าในตอนแรกหายไป หวางซืออวี่ค่อยๆ รู้สึกถึงความห่างเหินบางอย่าง ต่อให้อยู่ข้างกายเขา ก็แต่ยังรู้สึกเหมือนอยู่กันคนละโลก
หลี่มู่สูงส่งราวกับเทพเซียน ส่วนตัวเธอทำได้เพียงเงยหน้ามองชื่นชม ต่อให้หลี่มู่สามารถเปิดเส้นทางการฝึกฝนให้เธอได้จริง ตอนไหนกันที่จะไล่ตามหลี่มู่ทัน? แม้แต่โลลิน้อยที่อยู่ในอ้อมอกเขาตอนนี้ก็ไล่ตามไม่ทันกระมัง
ด้านหยวนโห่วกำลังควบคุมค่ายกลลวงตารอบกาย ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือพรรคกระยาจกหรือคนของพรรคจันทราโลหิต ก็ล้วนไม่พบตัวพวกเขา
หลังจากที่มันฝึกวิชา ‘ปาจิ่วเสวียน’ ฉบับสมบูรณ์ พลังก็รุดหน้าอย่างรวดเร็ว วิชานี้คล้ายจะเหมาะกับการฝึกของมันแต่กำเนิด ตอนนี้มันฝึกฝนการแปลงร่างได้ถึงสิบสองแบบแล้ว ทั้งยังมีวิชา ‘สาดเม็ดถั่วจำแลงทหาร’ และฤทธิ์ควบคุมค่ายกลลวงตา เมื่อวางค่ายกลลวงตาไว้รอบๆ แล้วจะไม่มีใครสามารถสัมผัสเจอพวกมันได้ และไม่อาจเข้าใกล้ได้ด้วย
ใบหน้าของชิงเฟิงกลับมีรอยยิ้มบางๆ ดีใจจากใจจริง
หลังเขาผ่านความเป็นความตายมาได้ พลังจิตวิญญาณก็เพิ่มขึ้นมหาศาล และยังมี ‘วิชาก่อนกำเนิด’ ที่หลี่มู่ถ่ายทอดให้ ในตอนนี้สามารถเปิดจุดหนีหวานกงได้แล้ว พลังจิตวิญญาณมากล้นดั่งมหาสมุทร ถึงแม้จะตื่นเต้นอย่างยิ่ง แต่ภายนอกดูไปแล้วกลับสงบเยือกเย็น
ส่วนคนพรรคกระยาจกที่เหลือ รวมไปถึงสองยอดผู้อาวุโสและพวกหลู่ฉางฟู่ ต่างตะลึงงันกันไปหมดแล้ว
นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีก?
ประมุขพรรคคนใหม่ที่เพิ่งขึ้นครองตำแหน่งหมาดๆ ทำไมเหมือนกำลังจะถูกคนเอาตัวไปแล้ว?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา