ทว่า สิ่งที่ทำให้หลี่มู่เกินคาดก็คือทั่วทั้งวังประสานฟ้านี้เขาไม่พบวัตถุโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ใดๆ เลย และก็ไม่พบเบาะแสเกี่ยวกับ ‘เต้าเต๋อจิง’ ที่เหล่าจื่อทิ้งไว้ด้วย
‘แปลกแล้ว ซืออวี่เคยบอกไว้ว่าวัตถุโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ถูกเก็บซ่อนไว้ในวังประสานฟ้า นี่เธอจำผิด หรือสถานที่เปลี่ยนไปอีก?’
หลี่มู่รู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล
ก่อนหน้านี้ ร่างสีเงินบอกว่าตัวเองคือเยวี่ยกั๋วเซียงศิษย์วังประสานฟ้า สำนักใหญ่ของดาราสมุทร จะต้องเกี่ยวข้องกับวังประสานฟ้านี้แน่นอน เขาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ไม่ได้ทำสิ่งใดไร้เป้าหมาย เพียงถูกตนบีบให้หนีไปเท่านั้น
หลี่มู่ไม่สบายใจ จึงเปิดใช้งานเนตรสวรรค์ ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ครั้งนี้ เขายิ่งพบจุดที่ไม่ธรรมดาของที่นี่ เพราะลวดลายเต๋าจำนวนมากผ่านระยะเวลามายาวนานแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ของโลกนี้สามารถจัดวางได้แน่นอน และนี่คือค่ายกลวิถีฟ้า อีกทั้งใต้พื้นดินยังมีลวดลายเต๋าลึกลับที่ไม่สมบูรณ์กำลังเคลื่อนไหวอีก พลังเนตรสวรรค์ของหลี่มู่ไม่อาจมองทะลุเข้าไป
หลี่มู่ลองใช้พลังจิตวิญญาณแทรกซึมลงไปใต้ดิน แต่หลังจากลงไปเพียงสามจั้ง ก็มีพลังที่ลึกลับยิ่งบางอย่างสัมผัสได้ สิ่งนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ราวกับจักรวาลอันไร้ขอบเขต ลึกลับเหลือคณา
เขาใช้วิธีต่างๆ มากมาย แต่ก็ไม่สามารถคลี่คลายได้
เรื่องนี้แปลกนัก
หลี่มู่เดินวนในวังประสานฟ้าอีกครู่หนึ่ง หลังจากลอบวางค่ายกลของตัวเองไว้ในห้องนอนและสิ่งปลูกสร้างบางส่วนแล้ว จึงค่อยหันกายจากมา เขามีลางสังหรณ์อย่างหนึ่งว่าที่นี่ซ่อนความลับยิ่งใหญ่เอาไว้
ห่างออกไปด้านนอกหลายสิบลี้ บนชั้นเมฆ เยวี่ยกั๋วเซียงศิษย์วังประสานฟ้าผู้มีเส้นผมและดวงตาสีเงินคนนั้นสัมผัสได้ว่าหลี่มู่จากไปแล้วผ่านค่ายกลสังหารหยก จึงพอโล่งอกได้แล้ว
“เขาไม่พบความลับด้านใน…ฟู่ ครั้งนี้ประมาทเลินเล่อจริงๆ ไม่คิดว่าจะไปยั่วโมโหคนที่น่าสะพรึงเช่นนี้เข้า” เขามีสีหน้าสับสน
ก่อนลงมาเยือน เขาเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน
บรรดาศิษย์หลายพันของวังประสานฟ้า ต้องผ่านการคัดเลือกและทดสอบแสนสาหัส ถึงจะเลือกออกมาได้สี่คน ขณะลงมาเยือน อีกสามคนที่เหลือถูกพลังสะท้อนกลับของดาวดวงนี้สังหาร มีเพียงเขาที่ลงมาสำเร็จ ในใจรู้สึกว่าชะตาสวรรค์คุ้มครองโดยแท้ ต่อให้ตนเองต้องเสียพลังฝึกไปมาก ลดขั้นพลังของตัวเองลง เมื่อมาดาวดวงนี้ก็ยังคงไร้เทียมทานได้ ไม่คิดว่าลงมาเพียงแค่ครึ่งเดือนกว่า ยังไม่ทันกินเครื่องสังเวยบำรุงตัวเองจนเพียงพอ ก็ต้องมาพบกับตัวอันตรายเช่นนี้ เกือบจะถูกสังหารเสียแล้ว
โลกใบนี้อันตรายจริงๆ
‘ต้องไปตรวจสอบที่มาของหนุ่มคนนี้เสียหน่อย น่ากลัวไปแล้ว’
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงตัดสินใจได้
เดิมทีเขาไม่คิดที่จะใช้ทางเส้นนั้นแล้ว แต่ดูจากตอนนี้ คงต้องไปพบผู้สนับสนุนบนโลกใบนี้ต่อหน้าเสียหน่อย
……
“เยวี่ยกั๋วเซียงแพ้แล้ว?”
บุตรเทวะเสียไห่ที่ซ่อนตัวอยู่ในน่านน้ำสัมผัสได้ถึงภาพฉากนี้
“ดูท่าข้าจะเดาไม่ผิด หลี่มู่คนนี้เป็นบุตรผู้ถูกสวรรค์เลือกของดาวดวงนี้ ดวงชะตาลึกล้ำ รับมือด้วยยาก เยวี่ยกั๋วเซียงเป็นหัวกะทิของศิษย์รุ่นห้าแห่งวังประสานฟ้า เป็นผู้ฝึกที่ข้ามผ่านสะพานเป็นตายแล้ว ถึงแม้ถูกกดพลังจากการลงมาเยือน แต่ก็ยังควรไร้เทียมทานกับพวกต่ำกว่ากลั่นปราณสิบสองระดับ ไม่คิดว่าจะมาถูกหลี่มู่ไล่ล่าสังหาร”
เขาพูดกับตัวเอง
จอมมารจันทราโลหิตที่อยู่อีกด้านเหลือบมอง เอ่ยขึ้นว่า “บุตรเทวะ กลั่นปราณสิบสองระดับคือขั้นพลังอะไร? ชี้แนะแก่ข้าน้อยได้หรือไม่ อย่างน้อยก็ให้ข้าน้อยได้เปิดโลกทัศน์ และสามารถช่วยเหลือท่านบ้าง”
บุตรเทวะเสียไห่มองเขาแวบหนึ่ง ตอบว่า “ครั้งนี้เป็นเจ้าที่เข้ามาเตือนข้าก่อน จึงยังไม่ต้องปะทะกับหลี่มู่ตรงๆ และให้ข้ามาหลบอยู่ในที่ลับ สามารถทำการได้สะดวก ดังนั้นจะอธิบายให้เจ้าเข้าใจก็ไม่เสียหาย
โลกใบนี้ของพวกเจ้าถือเป็นพื้นที่ห่างไกลกันดาร เป็นเพียงดาวขยะดวงหนึ่ง…ช่างเถอะ พูดเรื่องเหล่านี้ไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ เจ้ารู้ไว้แค่ว่าวิชาวิถียุทธ์ของดาวดวงนี้อยู่ในระดับต่ำมาก การแบ่งขั้นพลังก็ช่างน่าขัน ระดับไร้เทียมทานที่เรียกกันว่าขั้นทะลวงสวรรค์ ก็เป็นเพียงขั้นที่หนึ่งของวิถีการฝึกฝนสำหรับผู้ฝึกตนในดาราสมุทรเท่านั้น ในทางช้างเผือก พื้นฐานแรกสุดของผู้ฝึกตนคือกลั่นปราณ ฝึกฝนพลังวัตรแห่งแม่น้ำดารา จึงจะปลดเปลื้องพันธนาการแต่กำเนิดได้ ขั้นกลั่นปราณ แบ่งออกเป็นสิบสองระดับ กลั่นปราณระดับที่สิบสองเทียบเท่ากับขั้นทะลวงสวรรค์ของโลกพวกเจ้า สูงขึ้นไปอีก เมื่อกลั่นปราณจนผ่านสะพานเป็นตายในร่างกาย ก็จะเข้าสู่ขั้นถัดไป พลังของขั้นนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจินตนาการได้”
จอมมารจันทราโลหิตฟังแล้ว ในใจคล้ายมีคลื่นซัดปั่นป่วน ที่แท้เส้นทางแห่งวิถียุทธ์ยังมีหนทางยาวไกลไพศาลเช่นนี้อีก ก่อนหน้าเข้าใจว่าถึงขั้นทะลวงสวรรค์ก็เป็นผู้ไร้เทียมทานใต้ฟ้าได้ ทว่ามาดูตอนนี้…
ประตูแห่งโลกใบใหม่บานหนึ่งกำลังเปิดออกช้าๆ
“เช่นนั้น ‘คัมภีร์ทะเลโลหิตฉือหังตู้’ ที่ข้าน้อยฝึกฝน จะฝึกจนข้ามสะพานเป็นตายได้หรือไม่?” เขาอดถามไม่ได้
บุตรเทวะเสียไห่ยิ้มเล็กน้อย ตอบว่า “คัมภีร์นี้เป็นวิชาพื้นฐานของทะเลโลหิต ทั้งหมดแบ่งเป็นสี่ขั้น หนึ่งขั้นมีกลั่นปราณสามระดับ เมื่อเจ้าฝึกฝนขั้นที่สี่สมบูรณ์ ก็จะเทียบเท่ากลั่นปราณระดับที่สิบสอง ถ้าแบ่งตามขั้นของพวกเจ้า เทียบเท่าได้กับขั้นทะลวงสวรรค์ แต่คิดจะข้ามผ่านสะพานเป็นตายนั้นเป็นไปไม่ได้”
จอมมารจันทราโลหิตฟังแล้ว ในใจรู้สึกผิดหวัง
เขาในตอนนี้ใช้วิธีต่างๆ สุดกำลัง จนฝึกฝน ‘คัมภีร์ทะเลโลหิตฉือหังตู้’ มาถึงช่วงกลางของขั้นที่สี่ เท่ากับอีกครึ่งขั้นก็ฝึกจนสมบูรณ์ได้ ตอนแรกคิดว่าหลังจากขั้นที่สี่สมบูรณ์แล้วจะได้เป็นผู้ไร้เทียมทานใต้ฟ้า ที่แท้เป็นเพียงระดับผู้ฝึกตนธรรมดาของดาราสมุทรเท่านั้น
บุตรเทวะเสียไห่แค่มองก็อ่านใจเขาออก เอ่ยต่อว่า “ตอนนี้เจ้าไม่ต้องคิดมาก โลภมากไปมักเคี้ยวไม่หมด ขอแค่เจ้ารับใช้ข้าดีๆ ทุ่มเทกายใจ ข้าจะถ่ายทอดวิธีข้ามผ่านสะพานเป็นตายให้ เจ้าต้องเข้าใจว่าต่อให้มีวิชาที่พอจะใช้ผ่านสะพานเป็นตายได้ ก็เป็นเพียงวิชาระดับต่ำบางส่วนของทะเลโลหิตเท่านั้น หากอยากได้วิชาที่ดีกว่านี้ จะต้องหมั่นฝึกฝนไม่ขาด สร้างผลงานเข้าไว้ถึงจะถูก”
จอมมารจันทราโลหิตเอ่ยขึ้นอย่างยินดี “ข้าน้อยจะรับใช้ท่านบุตรเทวะจนตาย”
ส่วนที่ว่าบุตรเทวะผ่านสะพานเป็นตายหรือยังนั้น เขาไม่ได้ถาม เพราะคำถามเช่นนี้เป็นคำถามที่โง่เง่านัก
เหตุผลนั้นง่ายมาก
เมื่อข้ามผ่านสะพานเป็นตาย เหยียบขั้นทะลวงสวรรค์ขึ้นไป จะสามารถพิชิตโลกนี้ได้ แต่การที่บุตรเทวะหวาดกลัวหลี่มู่ถึงเพียงนี้ อย่างน้อยก็อธิบายได้ว่ากำลังรบของเขาตอนนี้สู้หลี่มู่ไม่ได้…หรืออาจเพราะระหว่างลงมาเยือนใช้พลังฝึกและกำลังไปมาก ไม่ว่าอย่างไร หากถามคำถามนี้ไปก็มีแต่จะทำให้บุตรเทวะรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกและไม่สบายใจ นอกจากนี้ยังไม่มีความหมายอะไรด้วย
“จับตัวเครื่องสังเวยต่อไป การเปิดสุสานเทพยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ข้าจำต้องเร่งฟื้นฟูพลังฝึกโดยเร็ว จะชักช้าไม่ได้” บุตรเทวะเสียไห่เอ่ย “พวกเราจะออกจากเมืองหลินอันไปพื้นที่อื่น เจ้าบอกที่อยู่ของสำนักต่ำกว่าระดับสามทั้งหมดมา นับจากตอนนี้ไป พวกเราจะเริ่มล่ากันแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา