สรุปตอน บทที่ 419 ที่หนึ่งในแผ่นดิน – จากเรื่อง จอมศาสตราพลิกดารา โดย Internet
ตอน บทที่ 419 ที่หนึ่งในแผ่นดิน ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง จอมศาสตราพลิกดารา โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
กลางท้องฟ้า พลังมารฟ้าสีดำหมุนวนปานน้ำเดือดในหม้อ เดือดพล่านอย่างบ้าคลั่ง แต่สุดท้ายก็กลับสู่ความสงบแล้วสลายไปช้าๆ เหมือนกับความไม่ยอมแพ้สุดท้ายในชีวิตของจักรพรรดิฉินหมิง ที่สุดท้ายก็หายไปอยู่ดี
หลี่มู่ลงมาบนพื้นอย่างเนิบช้า
ตอนนี้ด่านเมืองมังกรกลายเป็นเมืองผีไปแล้ว
เมื่อครู่ที่จักรพรรดิฉินหมิงสำแดงวิชากลยุทธ์มารฟ้า ก็ดูดกลืนเลือดและปราณของกองกำลังโองการฟ้าและทหารรักษาวังซึ่งตั้งมั่นอยู่ที่นี่จนกลายเป็นศพแห้งๆ หมดแล้ว เหมือนที่ ‘ดาบจักรพรรดิ’ อิ้งซานเสวี่ยอิงสำแดงวิชาปีศาจนอกพิภพสูบกลืนจากกองกำลังรักษาวังที่นำทัพไปในวันนั้น
ทั้งกองทัพพินาศย่อยยับ
วิชาลับมารฟ้าเป็นวิชาสังหาร ชั่วร้ายเหลือพรรณนา
หลี่มู่กำตราสะกดมารฟ้าเอาไว้ในมือ หายใจเหนื่อยหอบ ร่างกายสั่นสะท้านจนแทบยืนไม่อยู่
จักรพรรดิฉินหมิงพูดถูกอยู่เรื่องหนึ่ง
วิชาหมัด ‘พันคลื่นวารี’ ไม่ใช่จะกระตุ้นขึ้นมาได้โดยไร้ที่มาจริงๆ
กระบวนท่าใดๆ ก็ตามในหมัดยุทธ์แท้ล้วนมีเงื่อนไขด้านความแข็งแกร่งของกายเนื้อผู้ใช้สูงมาก ด้วยความแข็งแกร่งของกายเนื้อหลี่มู่ก่อนหน้านี้ พูดได้ว่าอยู่ในขั้นเทวะไร้พ่าย แต่ก็ยังไม่อาจรับพลังของ ‘พันคลื่นวารี’ ได้ มีเพียงผ่าน ‘วิชาก่อนกำเนิด’ ขั้นที่สามจึงจะสามารถรับพลังของกระบวนท่านี้ ฝึกฝนสำเร็จ และสำแดงพลังออกมา
พลังของ ‘พันคลื่นวารี’ มหาศาล แก่นแท้ในนั้นเป็นถึงวิชาสายเซียน ไม่ต้องสะสมพลังก่อน แค่ต้องสำแดงหมัดออกมาพอ พลังของทุกหมัดเพิ่มทบ ไม่ผลาญอายุขัย ไม่ต้องการเลือดลมปราณ เงื่อนไขเพียงอย่างเดียวคือกายเนื้อจะต้องแบกรับพลังของวิชาหมัดได้
ชามใบหนึ่งไม่อาจบรรจุธารน้ำทั้งสาย
บ่อน้ำบ่อหนึ่งไม่อาจกักเก็บน้ำทั้งมหาสมุทร
กายเนื้อหากเหมือนบ่อน้ำ แน่นอนว่าไม่อาจสำแดงพลังดั่งมหาสมุทรออกมาได้
ความแข็งแกร่งของกายเนื้อหลี่มู่ในตอนนี้ พูดได้ว่าไร้พ่ายเป็นรองแค่ขั้นทะลวงสวรรค์แล้ว จึงสำแดงหมัดสุดยอดสุดท้ายออกมาได้ แต่สำหรับหลี่มู่ พลังของหมัดสุดยอดนี้อยู่เหนือทะลวงสวรรค์ ทำให้กายเนื้อเขาแบกรับพลังกดดันมหาศาล และเกิดอาการบาดเจ็บ
“ใต้เท้า…”
“เทวะหลี่ชนะแล้ว”
“จักรพรรดิฉินหมิงตายแล้ว”
จางซาน มู่ชิง และกองกำลังที่เหลือของต้าเยวี่ยพุ่งเข้ามาจากนอกเมือง ส่งเสียงโห่ร้องยินดีอย่างบ้าคลั่ง
คิดไม่ถึงจริงๆ
พวกเขาล้วนตัดสินใจที่จะตาย กลับมาสู้เคียงบ่าเคียงไหล่หลี่มู่ ตัดสินใจจะสละชีพเพื่อความถูกต้องอย่างมุ่งมั่น ไม่คิดว่าจะมีชีวิตกลับไปได้เลย
มนุษย์มีเกิดมีตาย ก็เดินไปสู่ความตายอย่างเยือกเย็นในวันนี้
แต่ว่า ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นท่ามกลางความสิ้นหวังแล้ว
เทวะหลี่พลิกสถานการณ์ สังหารจักรพรรดิฉินหมิงที่ด่านเมืองมังกรได้จริงๆ
จักรพรรดิฉินหมิงนั่งอยู่บนตำแหน่งสุดยอดผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งในใต้หล้าอย่างกลายๆ
หลี่มู่สังหารเขาลงหมายถึงอะไร?
ที่หนึ่งในแผ่นดินคนใหม่ถือกำเนิดแล้ว?
พวกเขาพุ่งมาประหนึ่งคลื่น หยุดฝีเท้าลงห่างจากหลี่มู่หนึ่งจั้ง สายตาจ้องไปยังเด็กหนุ่มผมสั้นชุดขาวด้วยความเคารพบูชา ราวมองเทพเทวะอย่างไรอย่างนั้น
หลี่มู่สูดลมหายใจลึก โคจร ‘วิชาก่อนกำเนิด’ ปรับลมหายใจ ฝืนกดบาดแผลปริแตกของกายเนื้อลงไปก่อน จากนั้นเริ่มสำรวจตราประทับมารฟ้าในมือ อยากจะช่วยสามจิตเจ็ดวิญญาณของอวี๋ฮว่าหลงที่ถูกขังอยู่ในนั้นออกมา
ต้องยอมรับว่าวิชารวมวิญญาณของจักรพรรดิฉินหมิงเลิศล้ำนัก ในตราประทับมารฟ้า คนตัวเล็กซึ่งเหมือนอวี๋ฮว่าหลงนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลาง ดวงตาทั้งสองปิดสนิท บาดเจ็บไม่มีสติรับรู้ แต่คลื่นพลังวิญญาณชัดเจน วิญญาณรักษาไว้ได้ครบสมบูรณ์มาก
เพียงแต่จะดูถูกความลึกล้ำในตราประทับมารฟ้าไม่ได้เลย หลี่มู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสไม่กล้าลองคลายผนึกตอนนี้ ถึงอย่างไรข้างในก็เป็นวิญญาณของอวี๋ฮว่าหลง วิญญาณนั้นสุดแสนจะอ่อนแรง ทั้งยังพิเศษยิ่งกว่า ไม่หยาบเหมือนกายเนื้อ หากไม่ระวังเสียหายไปเพียงนิดเดียว ก็อาจทำให้เกิดผลร้ายที่คาดไม่ถึงในภายหลังได้
หลี่มู่คิดๆ ดูแล้ว พลันรู้สึกว่าตราประทับมารฟ้าอันนี้มอบให้เด็กรับใช้บัณฑิตน้อยชิงเฟิงจัดการจะเหมาะกว่า
ตอนนี้ตำแหน่งของชิงเฟิงในใจหลี่มู่สูงมากๆ แล้ว
“ใต้เท้า ต่อไปควรจะทำอะไรดี?” จางซานมองหลี่มู่ด้วยแววตาเคารพเลื่อมใส
หลี่มู่เก็บตราประทับเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยอย่างค่อนข้างอ่อนแรง “ได้วิญญาณกับกายเนื้อของรัชทายาทมาแล้ว บางทีอาจจะมีโอกาสฟื้นคืนชีพ แต่ต้องค่อยๆ วางแผนไป ใจร้อนไม่ได้ ตอนนี้จักรพรรดิฉินหมิงตายแล้ว สิบเมืองเก้าพื้นที่กลับมาเป็นของต้าเยวี่ย อาจต้องให้พวกท่านสร้างบ้านแปงเมืองขึ้นใหม่”
“เรื่องพวกนี้มอบให้พวกข้าน้อยจัดการเถิด” จางซานเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ
ครั้นได้ยินว่าองค์รัชทายาทมีความหวังที่จะฟื้นคืนชีพ ในใจทุกคนก็ยากจะเก็บความลิงโลดยินดี
นี่เป็นข่าวที่น่ายินดียิ่งกว่าความตายของจักรพรรดิฉินหมิงเสียอีก
หลี่มู่พยักหน้า
น่าเสียดาย วันที่หนิงจิ้งกับตงเสวี่ยตาย เขาหาวิญญาณของทั้งสองในสนามรบไม่เจอ ดังนั้นจึงไม่อาจฟื้นคืนชีพได้ เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับโอกาส และเป็นวาสนาของแต่ละคน
โชคชะตาของอวี๋ฮว่าหลงไม่เลวเลย
หากเขาถูกจักรพรรดิฉินหมิงสังหารจนร่างกายและจิตวิญญาณสลายสิ้น เช่นนั้นต่อให้หลี่มู่มีความสามารถเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่อาจฟื้นคนตายให้กลับมามีชีวิตได้
หลี่มู่ให้จางซานส่งคนไปรายงานเรื่องความปลอดภัยที่ซ่งเหนือ เมืองขาวพิสุทธิ์ และสำนักขุนคีรี จากนั้นเก็บตัวฝึกฝนในด่านเมืองมังกรเล็กน้อยเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของกายเนื้อ
สังหารจักรพรรดิฉินหมิงไปแล้ว ในใจของหลี่มู่ไม่ได้ยินดีอะไรเท่าไร
เพราะย่าหลานไช่ไช่ตายเสียแล้ว
สำหรับหลี่มู่ นี่คือเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจเรื่องที่สองนับจากความตายของหนิงจิ้งและตงเสวี่ย การจากไปของญาติสนิทมิตรสหาย ทำให้หลี่มู่ที่ตอนนี้พูดได้ว่าเป็นหนึ่งในใต้หล้าแล้วรู้สึกจนปัญญาและเศร้าสลดเช่นกัน
วันนั้นตอนบ่าย กองทัพต้าเยวี่ยหาศพของประชาชนในเมืองที่ถูกสังหารตรงเนินเขาสิบลี้เจอ
หลี่มู่มาด้วยตัวเอง
ชาวบ้านพวกนี้ตายอย่างน่าสังเวชนัก ทั้งหมดถูกคมดาบแยกร่าง ซากแขนขามีอยู่ทุกที่ ถูกม้าเหยียบแหลกเละเป็นโคลนเลือด ไม่อาจแยกแยะรูปร่างหน้าตาของพวกเขายามมีชีวิตได้อีก ซากศพหลายหมื่นร่างกองรวมอยู่ด้วยกัน ทุกคนมีความรู้สึกร่วมกัน ผู้พบเห็นล้วนน้ำตานอง
“กองทัพฉินตะวันตกพวกนี้สมควรตายเป็นหมื่นครั้ง”
“ไม่มีความเป็นคนแม้แต่น้อย”
ทหารกองทัพเยวี่ยมากมายน้ำตาไหล กัดฟันกรอด
หลี่มู่หาอยู่นานมาก แต่สุดท้ายก็หาศพของย่าหลานไช่ไช่ไม่เจอ
หลี่มู่ค่อนข้างสับสน
เมื่อก่อนตอนเขาดูมังกรหยก หลังจากที่มารดาของก๊วยเจ๋งตายในค่ายของเจงกิสข่าน ก๊วยเจ๋งบุกฝ่าออกมายังท้องทุ่งหญ้าตัวคนเดียว ระหว่างทางในใจเกิดความสับสน ขบคิดอยู่นานว่าความหมายของการฝึกยุทธ์คืออะไรกันแน่ จนถึงขั้นเกิดความเบื่อหน่ายที่จะใช้วรยุทธ์ ตอนดูฉากนี้ หลี่มู่ที่เพิ่งขึ้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งยังดูถูกความเหยาะแหยะอ่อนแอของก๊วยเจ๋งด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้ เขาเพิ่งจะเข้าใจว่าความรู้สึกสับสนคลุมเครือในใจของก๊วยเจ๊งเป็นเช่นไร
ยามดูครั้งแรกไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ เมื่อดูอีกครั้งกลายเป็นตัวละครในนั้นเสียเอง
ความคิดของหลี่มู่สับสนมาก ยืนคนเดียวเงียบๆ อยู่หน้าสุสานหมื่นคนตลอดทั้งบ่าย
หลายวันต่อมา หลี่มู่ไม่ฝึกวรยุทธ์อย่างที่เห็นได้ยากยิ่ง เขาเงียบงัน หลายครั้งก็มายืนเงียบอยู่หน้าหลุมศพของแม่เฒ่าไช่สองย่าหลาน
จางซาน มู่ชิง และทหารของต้าเยวี่ยคนอื่นๆ ต่างคิดว่าหลี่มู่โศกเศร้ากับการตายของพวกไช่ไช่เหลือประมาณ ในใจรู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่ง เพราะอย่างไรพวกเขาก็ปกป้องแม่นางน้อยที่สำคัญต่อเทวะหลี่ถึงเพียงนี้ไม่ได้
และในช่วงหลายวันนี้ ข่าวการตายของจักรพรรดิฉินหมิงแพร่สะพัดไปอย่างบ้าคลั่งแล้ว
ข่าวนี้กระจายไปเหมือนโรคระบาด ทุกครั้งที่ไปถึงที่ที่หนึ่งล้วนสร้างความแตกตื่นฮือฮา
จักรพรรดิฉินหมิงสังหารราชันในเก้ายอดคนได้ ได้รับการยอมรับว่าเป็นราชันผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งในแผ่นดิน ประกายที่ส่องเจิดจ้าในครึ่งปีที่ผ่านมาเรียกได้ว่าไม่มีใครเทียบเทียม และอยู่บนจุดสูงที่สุดของโลกวิถียุทธ์ในรอบพันปี
ไม่ว่าจะยินดียอมรับหรือไม่ แต่ขั้วอำนาจในโลกทั้งหลายต่างรู้สึกกันว่า ต่อไปอย่างน้อยๆ หลายร้อยปี จักรพรรดิแห่งราชวงศ์คนนี้จะสร้างยุคที่เป็นของเขาโดยสิ้นเชิงขึ้นมา
ยุค ‘พันปีหนึ่งจักรพรรดิ’ ใกล้จะเริ่มอยู่ต่อหน้าแล้ว
ทว่าเพียงชั่วพริบตา ไม่นึกว่าจักรพรรดิที่ก้าวสู่จุดสูงสุดวิถียุทธ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในรอบพันปีคนนี้จะแตกดับเสียแล้ว?
ไม่สัญญาณเตือนแม้แต่น้อย
ถูกหลี่มู่สังหารดับดิ้นที่นอกด่านเมืองมังกร
ข่าวนี้ทำให้บุคคลยิ่งใหญ่นับไม่ถ้วนต่างมองหน้ากัน ขณะเดียวกันใจก็รู้สึกสลับซับซ้อน เชื้อพระวงศ์ตระกูลฉินแห่งฉินตะวันตกทำเวรกรรมอะไรไว้หนอ ถึงได้เจอดาวพิฆาตอย่างหลี่มู่เข้า ถูกเขาสังหารจากองค์ชาย ตามด้วยรัชทายาท มาจนถึงโอรสสวรรค์ในรวดเดียว
หลี่มู่ก็โหดเหี้ยมนัก มีความแค้นอะไรกับราชวงศ์ฉินตะวันตกกันแน่ ถึงได้ไล่สังหารเชื้อพระวงศ์ตระกูลฉิน จะปลิดชีพองค์ชายสองกับองค์รัชทายาทอะไรก็ช่างเถอะ แต่แม้แต่จักรพรรดิฉินหมิงผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งในแผ่นดินยังสังหารด้วย
เรื่องแบบนี้คิดๆ ดูแล้วช่างน่าขันนัก แต่ในเรื่องตลกขบขันนี้แฝงความน่าหวาดกลัวที่ชวนขนลุกเอาไว้
เวลาเปลี่ยนทุกอย่างเปลี่ยน
จักรพรรดิฉินหมิงตายในการต่อสู้ ร่วงลงจากบัลลังก์อันดับหนึ่งในใต้หล้า เช่นนั้นก็หมายความว่าที่หนึ่งคนใหม่ถือกำเนิดขึ้นแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
และคนคนนี้ก็มาจากฉินตะวันตกเช่นกัน คือหลี่มู่นั่นเอง
หลี่มู่ ตำนานคนใหม่
กอปกรกับว่ากบฏตัวสำคัญของซ่งเหนืออย่างจิ้นอ๋องก็ตายในเงื้อมมือเขาด้วย ไม่ใช่แค่เชื้อพระวงศ์ฉินตะวันตกเท่านั้น ดังนั้นฉายาใหม่อีกฉายาหนึ่งจึงเล่าลือไปทั่วแผ่นดินใหญ่…ผู้จบชีพราชนิกุล
แน่นอน ปัญหาใหม่หลังจากการตายของจักรพรรดิฉินหมิงก็เกิดขึ้นเป็นพรวน
ปัญหาแรกคือ ฉินตะวันตกในภายภาคหน้าควรจะให้ใครเป็นผู้ปกครอง?
……………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา