จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 421

ด่าน​เมือง​มังกร​ ศูนย์กลาง​ของ​สถานการณ์​ความ​ไม่สงบ​บน​แผ่นดินใหญ่​

ต้าเยวี่ย​กำลัง​จัดการ​ความ​พังพินาศ​ของ​สิบ​เมือง​เก้า​พื้นที่​ นอกจาก​ด่าน​เมือง​มังกร​แล้ว​ สิบ​แปด​เมือง​ที่​เหลือ​ถูก​ทัพ​ฉิน​ตะวันตก​ฆ่าล้าง​เมือง​ เมื่อ​เดิน​เข้าไป​ราวกับ​ย่ำ​เข้าสู่​นรก​ก็​มิปาน​ คน​ที่​มีสภาพ​จิตใจ​ปกติ​มากมาย​ เมื่อ​ได้​เห็นภาพ​น่าสังเวช​นี้​ จิตใจ​ล้วน​พังทลาย​ลง​ทั้งสิ้น​

นี่​ช่างเหมือน​นรก​โดยแท้​

ห​ลี่​มู่เงียบงัน​ ติดตาม​กองทัพ​ต้าเยวี่ย​เข้าไป​เก็บ​ศพ​ชาวเมือง​แต่ละ​เมือง​ ทุกครั้งที่​มาถึงจุด​หนึ่ง​ ใน​ใจของ​เขา​ก็​เงียบงัน​ลง​ระดับ​หนึ่ง​

เขา​มองเห็น​คนชรา​ถูก​แยกร่าง​ พ่อเฒ่า​แม่เฒ่าถูก​เผา​ตาย​ใน​บ้าน​ เห็น​มารดา​อายุ​ยัง​น้อย​กอด​ลูก​วัย​ไม่ถึงเดือน​ที่​ถูก​ลูกธนู​ยิง​ตาย​ สีหน้า​โศกเศร้า​อาดูร​ท่อน​ล่าง​เปลือยเปล่า​ ทรวงอก​มีรอย​ดาบ​หนึ่ง​แผล​ มองเห็น​คนหนุ่ม​หลาย​สิบ​คน​ถูก​แขวนคอ​บน​ต้นไม้​ ชัดเจน​ว่า​สตรี​ท่อน​ล่าง​เปลือยเปล่า​ที่​ถูก​สังหาร​อยู่​ด้านล่าง​คือ​คนรัก​ของ​พวกเขา​…

ประตูเมือง​ของ​เมือง​ชายแดน​มากมาย​ ภายใน​กรง​เหล็ก​หนาม​แหลม​มีร่าง​ศพ​เนื้อ​เหวอ​หวะ​…

แม่น้ำ​ล้อม​เมือง​ถูก​ย้อม​ด้วย​เลือด​จน​แดงฉาน​ ศพ​กอง​ทับ​เป็น​ภูเขา​

หลาย​วัน​ผ่าน​ไป​ ศพ​มากมาย​เริ่ม​เน่า​เฟะ ตัวอ่อน​แมลง​สีขาว​ชอนไช​อยู่​ใน​เนื้อ​เน่า​ของ​ศพ​ อากาศ​คละคลุ้ง​ไป​ด้วย​กลิ่น​เหม็น​เน่า​

สีหน้า​ของ​ห​ลี่​มู่ค่อนข้าง​ชินชา​

เขา​คิดถึง​สอง​ย่า​หลาน​ไช่ไช่ที่อยู่​ใต้​สุสาน​ ไม่นาน​นัก​ก็​คงจะ​เป็น​เช่นนี้​…ชีวิต​เป็น​ๆ ของ​คนเรา​ ตอน​มีชีวิต​ล้วน​มีความ​ความมุ่งมั่น​ ความหวัง​ และ​ความสุข​ของ​ตนเอง​ แต่กลับ​ถูก​ช่วงชิง​ไป​ใน​พริบตา​

ยาม​หลับตา​ลง​ เขา​กระทั่ง​ได้ยิน​ถึงเสียง​กรีดร้อง​แหลม​ก่อน​ตาย​ของ​ผู้บริสุทธิ์​เหล่านี้​ ด้วย​การต่อสู้​ดิ้นรน​ที่​สิ้นหวัง​ สามีทำ​เพื่อ​ปกป้อง​ลูก​และ​ภรรยา​ คนชรา​ทำ​เพื่อ​ปกป้อง​คู่ชีวิต​ตน​ มารดา​ทำ​เพื่อ​ปกป้อง​ลูก​น้อย​…เสียง​แต่ละ​อย่าง​ประหนึ่ง​ข้าม​กาลเวลา​มา วนเวียน​อยู่​ข้าง​หู​ของ​ห​ลี่​มู่

ห​ลี่​มู่เข้า​ใจดี​ นี่​ไม่เกี่ยว​อะไร​กับ​ตัว​เขา​

การตาย​ของ​คน​เหล่านี้​ไม่ได้​มีเหตุ​และ​ผล​อะไร​กับ​ตัว​เขา​

แต่​เขา​ก็​ยัง​รู้สึก​ว่างเปล่า​นัก​

หลังจากที่​มาถึงโลก​ใบ​นี้​ ไม่ใช่ว่า​เขา​จะไม่เคย​เห็น​คนตาย​ คน​ที่​ตาย​ด้วย​น้ำมือ​เขา​ก็​มีจำนวน​ไม่น้อย​…แต่ว่า​ยาม​เดิน​ใน​สิบ​แปด​เมือง​ชายแดน​ที่​เขา​ไม่เคย​เหยียบ​เข้ามา​นี้​ ใน​ใจเขา​มีความรู้สึก​ร้อนรุ่ม​สะอิดสะเอียน​ แต่​ทำ​อย่างไร​ก็​ไม่อาจ​อาเจียน​ออกมา​ได้​

กระทั่ง​บาดแผล​ของ​ร่างกาย​ที่​ได้​มาจาก​การ​ใช้วิชา​หมัด​ ‘พัน​คลื่น​วารี​’ ใน​วันนั้น​ เขา​ก็​ยัง​ไม่ได้​จัด​การรักษา​

เขา​อยู่​กับ​นายทหาร​ทั่วไป​ คอย​จัดการ​ศพ​ของ​ผู้บริสุทธิ์​ นี่​เป็นเรื่อง​ที่​ห​ลี่​มู่ทำ​ติดต่อกัน​มาหลาย​วัน​

สิบ​เมือง​เก้า​พื้นที่​เป็น​เส้นเขตแดน​ของ​ฉิน​ตะวันตก​กับ​ซ่งเหนือ​ ทอด​ยาว​ไป​เกือบ​พัน​ลี้​ ทหาร​และ​ประชาชน​ที่​ถูก​จักรพรรดิ​ฉิน​หมิง​สั่งเข่นฆ่า​รวมกัน​แล้ว​ไม่ต่ำกว่า​สามล้าน​คน​ การสังหาร​ที่​โหดเหี้ยม​ไร้​มนุษยธรรม​นี้​ ทำให้​กองทหาร​ต้าเยวี่ย​ที่​เหลือ​ไม่ถึงหมื่น​ขุด​หลุมฝังศพ​กัน​จน​แทบ​ไม่ได้​พัก​ สามวัน​ผ่าน​ไป​ก็​ยัง​เก็บกวาด​ไม่ได้​ทั้งหมด​

หนังสือ​โบราณ​เคย​กล่าว​ไว้​ เท​วะ​มีชีวิต​อยู่​ด้วย​การ​กุม​ดวงชะตา​ฟ้าดิน​ เข้าใจ​พลัง​แห่ง​ฟ้าดิน​ ดังนั้น​จิตใจ​ของ​เท​วะ​ จึงส่งผลกระทบ​ต่อ​วิถี​ฟ้าได้​

หลาย​วันนี้​ ห​ลี่​มู่ใจสับสน​กระสับกระส่าย​ รู้สึก​หดหู่​ ท้องฟ้า​ของ​สิบ​เมือง​เก้า​พื้นที่​ขมุกขมัว​ไป​หมด​ มีฝน​ตกเป็น​บางครั้ง​ ช่วงเวลา​เข้าสู่​ปลาย​สารทฤดู​แล้ว​ อากาศ​หนาว​ขึ้น​ทุกวัน​ ทำให้​หลีกเลี่ยง​การ​เกิด​โรคระบาด​ไป​ได้​

ท้ายที่สุด​ ภายใต้​การ​จัดการ​ของ​จางซาน​และ​ชิงมู่ขุนนาง​ใหญ่​แห่ง​ต้า​เย​วี่ย​ เหล่า​จอม​ยุทธ์​จอม​เวท​ธาตุ​ไฟใน​กองทัพ​ก็​เริ่ม​เผาศพ​ ส่วน​จอม​ยุทธ์​ธาตุ​ดิน​รับผิดชอบ​การฝังศพ​…

ห​ลี่​มู่ติดตาม​อยู่​ตลอด​

ใจของ​เขา​อัดอั้น​เกือบ​ถึงขีดสุด​แล้ว​ ขุด​หลุม​ ฝังศพ​ ขุด​หลุม​ ฝังศพ​ไม่หยุดหย่อน​อย่าง​ด้านชา​…

จนกระทั่ง​จางซาน​เดิน​เข้ามา​รายงาน​ “ใต้เท้า​ ห​ลี่​อวี้​ซูเจ้าหอ​จาก​ ‘หอ​สรรพสิ่ง​คืน​สูญ’ สำนัก​ระดับ​หนึ่ง​ของ​ซ่งเหนือ​มาขอ​พบ​ใต้เท้า​ขอรับ​”

ห​ลี่​มู่ใน​ตอนนี้​น่าจะ​ถือได้ว่า​เป็น​เสาหลัก​ของ​ต้าเยวี่ย​ แต่​จะอยู่​ใน​ตำแหน่ง​อะไร​นั้น​ ต้าเยวี่ย​ที่​ย่อยยับ​แล้ว​ย่อม​ไม่อาจ​อธิบาย​ได้​ ทหาร​ต้าเยวี่ย​ทั้งหมด​จึงเรียก​ห​ลี่​มู่ว่า​ ‘ใต้เท้า​’

“ไม่พบ​” ห​ลี่​มู่กำลัง​ใช้สอง​มือ​ขุด​หลุมฝังศพ​ เอ่ย​ขึ้น​โดย​ไม่หันหน้า​มอง​ น้ำเสียง​แหบแห้ง​เล็กน้อย​

จางซาน​พยักหน้า​ หันหลัง​เดิน​ออก​ไป​

ผ่าน​ไป​อีก​หนึ่ง​วัน​

ขณะ​ห​ลี่​มู่กำลัง​เก็บกวาด​ศพ​คน​ที่​ถูก​สังหาร​ใน​ด่าน​พยัคฆ์​หมอบ​ จางซาน​เข้ามา​อีกครั้ง​ เอ่ย​ขึ้น​ด้วย​สีหน้า​ลำบากใจ​ “ใต้เท้า​ บุตร​ผู้สืบทอด​จาก​ตระกูล​จูตระกูล​พันปี​มาขอ​เข้าพบ​ใต้เท้า​”

“ไม่พบ​” คำตอบ​ของ​ห​ลี่​มู่ยัง​เหมือนเดิม​

จางซาน​อ้า​ปาก​ แต่​สุดท้าย​ก็​ไม่ได้​พูด​อะไร​ หันหลัง​เดิน​จากไป​

หนึ่ง​ชั่ว​ยาม​ต่อมา​ เขา​ก็​เข้ามา​อีกครั้ง​

“ฉีหวาย​บัณฑิต​อาวุโส​แห่ง​สำนัก​บัณฑิต​ถามเต๋า​คน​ปัจจุบัน​มาขอ​พบ​ใต้เท้า​ขอรับ​” เว้น​ช่วง​อยู่​ครู่หนึ่ง​ จางซาน​ก็​เสริม​ขึ้น​อีก​ประโยค​ “บัณฑิต​อาวุโส​ฉีมาขอ​คำ​ชี้แนะ​ด้าน​การ​ยุทธ์​กับ​ใต้เท้า​ ได้รับ​การ​ยืนยัน​แล้ว​ ตอนนี้​เขา​เป็นยอด​ฝีมือ​อันดับ​ที่สอง​ของ​บัณฑิต​ถามเต๋า​สำนัก​เทพ​จาก​ฉู่ใต้​ เป็น​ผู้อาวุโส​ที่​เข้าขั้น​เท​วะ​เมื่อ​หนึ่งร้อย​ปีก่อน​”

ฉีหวาย​จาก​สำนัก​บัณฑิต​ถามเต๋า​เคย​เป็น​บุคคล​มีความสามารถ​ที่​มีชื่อเสียง​ เป็น​ผู้​ถูก​เลือก​เมื่อ​หนึ่งร้อย​ปี​ที่แล้ว​ เคย​เป็นที่​ฮือฮา​อยู่​ระยะ​หนึ่ง​

“ไม่พบ​” คำตอบ​ของ​ห​ลี่​มู่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง​

ตอนนี้​เขา​รู้สึก​เหมือน​กำลัง​มุด​เขา​วัว​อยู่​ (คิด​ใน​สิ่งที่​ไม่มีทางออก​)

เหมือน​ก๊วย​เจ๋งใน​มังกร​หยก​ สับสน​ ไม่อยาก​จะประลองยุทธ์​กับ​ใคร​ และ​กำลัง​คิด​ว่า​หนทาง​ที่แท้​จริงอยู่​ทาง​ไหน​ ความหมาย​ของ​การ​ฝึก​ยุทธ์​อยู่​ที่ใด​กัน​แน่​

ผู้​มีปัญญา​มากมาย​ก้าว​ผ่าน​หมื่น​พัน​อันตราย​ดุจ​เหยียบ​พื้น​เรียบ​ แต่​เมื่อ​พบ​เรื่องเล็ก​ๆ บาง​เรื่อง​กลับ​คิด​ไม่ตก​ ไม่ยอม​ที่จะ​ปล่อยวาง​

ห​ลี่​มู่ถึงขั้น​รู้​ว่า​ตนเอง​เป็น​แบบนี้​ไม่ถูก​

แต่ว่า​เขา​ก็​ปล่อยวาง​ไม่ลง​

สีหน้า​จางซาน​ลังเล​ สุดท้าย​ก็​ยังคง​ไม่พูด​อะไร​ หันหลัง​เดิน​จากไป​

……

“อะไร​นะ​? ไม่พบ​?”

ใบหน้า​ฉีหวาย​เผย​แวว​อำมหิต​แวบ​หนึ่ง​

ฉู่ใต้​เป็น​เมือง​น้ำ​ มีภูเขา​แม่น้ำ​มากมาย​ อากาศ​พิษ​แมลง​พิษ​ก็​มาก​เช่นกัน​ สถานที่​เป็น​เช่นไร​ก็​เลี้ยง​คน​เช่นนั้น​ออกมา​ คน​ฉู่ใต้​ส่วนใหญ่​จึงเป็น​คน​ดื้อด้าน​หัวแข็ง​ และ​ส่วนมาก​จะโหดร้าย​ ฉีหวาย​นับ​เป็น​ตัวอย่าง​ที่​ดี​ของ​นิสัย​คน​ฉู่ใต้​

เขา​ประสบความสำเร็จ​ตั้งแต่​อายุ​ยัง​น้อย​ เข้าขั้น​เท​วะ​เมื่อ​ร้อย​ปีก่อน​ ปัจจุบันนี้​อายุ​ร่วม​หนึ่ง​ร้อยห้าสิบ​กว่า​ปี​แล้ว​ จอม​ยุทธ์​ปกติ​อายุ​เท่านี้​ถือเป็น​วัย​ใกล้​ชรา​ แต่​สำหรับ​ขั้น​เท​วะ​ อายุ​เท่านี้​ก็​คล้าย​ช่วง​อาทิตย์​กำลัง​ขึ้น​ เป็นช่วง​ที่​กำลัง​องอาจ​เกรียงไกร​ สำนัก​บัณฑิต​ถามเต๋า​เป็น​สำนัก​เทพ​พิทักษ์​ดินแดน​ของ​ฉู่ใต้​ และ​เขา​ที่​เป็น​ผู้​แข็งแกร่ง​อันดับ​ที่สอง​ของ​สำนัก​ หรือ​ก็​คือ​ผู้​แข็งแกร่ง​อันดับ​สอง​ใน​ฉู่ใต้​ ฐานะ​ยิ่ง​สูงส่งอย่าง​มาก​

หลังจาก​เข้าขั้น​เท​วะ​ ฝึก​บำเพ็ญ​อย่าง​หนัก​หนึ่งร้อย​ปี​ พลัง​ฝึก​บรรลุ​ขั้น​ ออกจาก​ปิด​ด่าน​ครั้งนี้​เดิม​ก็​เพื่อ​มาท้า​ดวล​กับ​เหล่า​วีรบุรุษ​ใน​แผ่นดิน​ ครั้งนี้​ขึ้น​เหนือ​ มายัง​อาณาเขต​ของ​ต้า​เย​วี่ย​ บอ​กว่า​จะมาขอ​คำ​ชี้แนะ​จากห​ลี่​มู่ แต่​ความจริง​ก็​คือ​ท้า​ประลอง​ผู้​แข็งแกร่ง​อันดับ​หนึ่ง​ที่​เพิ่งจะ​นั่ง​ตำแหน่ง​มาด​ๆ คน​นี้​นั่นเอง​

ใคร​จะไป​คิด​ว่า​จะถูก​ปฏิเสธ​ตรงๆ​

“ใต้เท้า​ของ​พวก​เจ้า คง​ไม่ใช่ว่า​ยัง​ไม่ได้​รักษาตัว​กระมัง​?” ฉีหวาย​มอง​จางซาน​ ถามด้วย​สีหน้า​เหี้ยมเกรียม​

จางซาน​ตอบ​ “ใต้เท้า​สบายดี​ เพียงแค่​ช่วงนี้​ไม่อยาก​ลงมือ​กับ​ใคร​”

ฉีหวาย​หัวเราะ​เรียบๆ​ “ข้า​ได้ยิน​มาว่า​ห​ลี่​มู่แห่ง​ฉิน​ตะวันตก​คือ​ผู้​ที่​ไม่เกรงกลัว​สิ่งใด​ที่สุด​ คม​ดาบ​หันไป​ทาง​ไหน​ บุก​ไป​ไม่มีถอยกลับ​ ไม่คิด​ว่า​หลังจาก​ขึ้นแท่น​อันดับ​หนึ่ง​ใน​แผ่นดิน​กลับ​เริ่ม​ยึด​ติดกับ​ชื่อเสียง​ คิด​นั่น​คิด​นี่​?”

เมื่อ​เอ่ย​มาเช่นนี้​ คน​ทั้ง​ตำหนัก​ใหญ่​จวน​เจ้าเมือง​ใน​ด่าน​มังกร​เดือดดาล​ขึ้น​โดยพลัน​

เหล่า​ทหาร​ของ​ต้าเยวี่ย​มอง​ห​ลี่​มู่ประดุจ​เทพ​ จะยอมให้​คนอื่น​มาหมิ่น​หยาม​เช่นนี้​ได้​หรือ​?

มู่ชิงชาย​ชรา​ตาบอด​ราวกับ​ตา​เฒ่าโมโห​ ไม้เท้า​เหล็กใน​มือ​กระทุ้ง​ลง​บน​พื้น​หนัก​ๆ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “บัณฑิต​อาวุโส​ฉี ใน​เมื่อ​เป็น​ผู้​ที่​ไม่ยึด​ติดกับ​ชื่อเสียง​ เหตุใด​จึงต้อง​เลือก​มาท้า​ประลอง​กับ​ใต้เท้า​พวกเรา​ที่​ด่าน​เมือง​มังกร​ในเวลานี้​?”

ด้านนอก​เล่าลือ​กัน​ว่า​ห​ลี่​มู่บาดเจ็บ​หนัก​หลังจาก​สู้กับ​จักรพรรดิ​ฉิน​หมิง​

ข่าว​นี้​แพร่​มาถึงหู​ทหาร​ต้าเยวี่ย​นาน​แล้ว​ เหล่า​คน​ต้าเยวี่ย​เดิม​พยายาม​ทำให้​เรื่อง​เงียบ​ เพียง​ไม่นาน​ก็​กลืน​หาย​ไป​กับ​เสียง​ลม​ฝน​ต่างๆ​ ทว่า​ช่วง​ไม่กี่​วันนี้​ กลับ​มีพวก​คน​ชั่วช้า​ไม่น้อย​ปรากฏตัว​ที่​ด่าน​เมือง​มังกร​ทั้ง​แบบ​เปิดเผย​และ​แอบซ่อน​ ทั้ง​แอบ​ยั่วยุ​ ท้า​ดวล​ซึ่งหน้า​ สิบ​เมือง​เก้า​พื้นที่​รวมถึง​ด่าน​เมือง​มังกร​เกิดเรื่อง​ยุ่งยาก​ขึ้น​มากมาย​

ฉีหวาย​ที่​เป็นยอด​ยุทธ์​อันดับ​สอง​แห่ง​ฉู่ใต้​เดินทางไกล​มาท้า​ประลอง​ในเวลานี้​ เป้าหมาย​ของ​เขา​คือ​อะไร​ แม้แต่​คนโง่​ก็​ยัง​มองออก​ ถ้าไม่ใช่การฉวยโอกาส​ซ้ำตอน​คนอื่น​ล้ม​แล้​วจะ​เป็น​อะไร​ได้​?

ฉีหวาย​มอง​มู่ชิงด้วย​สีหน้า​เหี้ยมเกรียม​ ยิ้ม​เรียบๆ​ สอง​มือ​ไพล่หลัง​เดิน​ไปนอก​ตำหนัก​ ก่อน​ส่ายหน้า​กล่าว​ “คนตาบอด​ จะไป​รู้เรื่อง​ชื่อเสียง​กับ​ผลประโยชน์​อะไร​?”

เขา​เดิน​ถึงประตู​ใหญ่​แล้ว​หัน​กลับมา​กะทันหัน​ ใน​ดวงตา​ดำทั้งคู่​ปรากฏ​ลาย​รางๆ​ โดยเฉพาะ​ตา​ซ้าย​ ราวกับ​มีงูทอง​ตัวเล็ก​ตัว​หนึ่ง​เคลื่อนไหว​ แสงสีทอง​เปล่งประกาย​เล็กน้อย​จาก​ใน​ดวงตา​

พลัง​ที่​ไร้​รูปร่าง​ปะทุ​ขึ้น​มา

มู่ชิงรู้สึก​เพียง​ว่า​พลัง​ประหลาด​ขุม​หนึ่ง​พุ่ง​เข้ามา​ เขา​ใช้ไม้เท้า​สกัดกั้น​ได้​ทัน​กาล​ เสียง​ตูม​ดังสนั่น​ ไม้เท้า​ระเบิด​แตก​ออก​ ส่วนตัว​เขา​ลอยคว้าง​ออก​ไป​กระแทก​ผนัง​หิน​ตำหนัก​ทาง​ด้านหลัง​อย่าง​จัง เลือด​สด​ทะลัก​ออกจาก​ปาก​

“เจ้า…” จางซาน​กำ​มีด​หู​วัว​ใน​มือ​แน่น​

ฉีหวาย​ยิ้ม​เล็กน้อย​ “ต้าเยวี่ย​ยัง​เหลือ​ทหาร​ปลายแถว​อยู่​ไม่เท่าไร​ อย่า​ทำ​เรื่อง​เกินตัว​เลย​ มิเช่นนั้น​จะตาย​ทีละ​คน​ ลดลง​ทีละ​คน​”

พูด​จบ​ ก็​เดิน​วางก้าม​ออก​ไป​

จางซาน​มีสีหน้า​โกรธแค้น​ แต่กลับ​ไม่กล้า​พูด​อะไร​ออกมา​อีก​

ทหาร​ต้าเยวี่ย​ที่​หลงเหลือ​ผ่าน​ความทุกข์ทรมาน​นี้​มา และ​ตาย​ไป​ทีละ​นิด​จริง​ การ​พลีชีพ​ใดๆ​ ล้วน​มีสิ่งที่​ต้อง​แลก​ พลัง​ของ​ฉีหวาย​แข็งแกร่ง​เกินไป​ ปะทะ​ตรงๆ​ ก็​เหมือน​วิ่ง​เข้าหา​ความตาย​ ไร้​ซึ่งความแน่นอน​ เขา​ไม่อาจ​สู้ศึก​ที่​ไม่มีวัน​ชนะ​ได้​

ถึงอย่างไร​มู่ชิงก็​เป็น​ครึ่ง​ขั้น​เท​วะ​ เพียง​ปรับ​ลมหายใจ​เสียหน่อย​ก็​ตั้งสติ​กลับมา​ได้​

“สถานการณ์​ของ​ใต้เท้า​ไม่ค่อย​ปกติ​นัก​” จางซาน​กล่าว​อย่าง​กังวล​ ช่วงนี้​เขา​เห็น​สภาพ​ของ​ห​ลี่​มู่ เหมือนกับ​มีมาร​เข้า​แทรก​อย่างไร​อย่างนั้น​

มู่ชิงพยักหน้า​ เขา​ตาบอด​แต่​ใจกระจ่าง​ชัด​ “ใต้เท้า​มีปัญญา​เป็นหนึ่ง​ เพียงแต่​ฝึกฝน​รวดเร็ว​เกินไป​ พลัง​การ​สู้รบ​แข็งแกร่ง​ แต่​อย่างไร​อายุ​ก็​ยัง​น้อย​เกิน​ พลัง​เพิ่มขึ้น​รวดเร็ว​เกินไป​ จิตใจ​จึงยาก​ที่จะ​ปรับตัว​ให้​เข้ากัน​ หาก​ผู้ฝึก​ตน​ไม่ฝึก​จิตใจ​ จะถูก​มาร​เข้า​แทรก​โดยง่าย​ที่สุด​ และ​ไม่ใช่ธาตุ​ไฟเข้า​แทรก​อย่าง​ที่​จอม​ยุทธ์​ทั่วไป​พูด​กัน​ แต่​นี่​คือ​จิต​มาร​”

จางซาน​เอ่ย​ “เช่นนั้น​ก็​ไม่ดี​เสียแล้ว​ จิต​มาร​นี้​ หาก​ผ่าน​มัน​ไป​ไม่ได้​จะเป็น​เช่นไร​?”

มู่ชิงตอบ​ “หาก​ผ่าน​จิต​มาร​ไป​ไม่ได้​ก็​ไม่ส่งผล​ต่อ​พลัง​ฝึก​ ไม่ถูก​บั่นทอน​ แต่​จะกลายเป็น​เหมือน​ศพ​ที่​เดิน​ได้​”

“ใต้เท้า​จะผ่าน​มัน​ได้​หรือไม่​?” จางซาน​ขมวดคิ้ว​

มู่ชิงตอบกลับ​ “น่าจะ​ได้​กระมัง​”

น้ำเสียง​ของ​เขา​ไม่ค่อย​แน่ใจ​นัก​

“ต้อง​ใช้เวลา​สัก​เท่าใด​กัน​” จางซาน​ถามอีก​อย่าง​นิ่ง​ไว้​ไม่อยู่​

มู่ชิงเช็ด​เลือด​ที่​มุมปาก​ ตอบกลับ​ว่า​ “เรื่อง​นี้​ก็​พูด​ยาก​ ต้อง​ดู​ว่า​ใต้เท้า​เอง​จะคิดตก​หรือไม่​ อาจ​เข้าใจ​ได้​ใน​พริบตา​ หรือ​อาจจะ​ใช้เวลา​สิบ​ๆ ปี​ การ​เข้าใจ​จิต​มาร​นั้น​ขึ้นอยู่กับ​ตนเอง​ ไม่เกี่ยวข้อง​กับ​การฝึกฝน​”

จางซาน​ถอนหายใจ​

ต้าเยวี่ย​ทำไม​จึงมีทุกข์​มีเคราะห์​มากมาย​เช่นนี้​

“เรื่อง​การ​ท้า​ดวล​จาก​ทั่ว​สารทิศ​ ยัง​ไม่ต้อง​บอก​กับ​ใต้เท้า​ก็แล้วกัน​” จางซาน​บอก​

มู่ชิงพยักหน้า​และ​ตอบ​ว่า​ “ใช่แล้ว​ เรื่อง​บาง​เรื่อง​เจ้ากับ​ข้า​ต้อง​แบก​ไว้​บ้าง​ ต่อให้​จะยาก​สักหน่อย​ก็ตาม​”

“คน​จาก​สำนัก​ใหญ่​และ​ตระกูล​ขุนนาง​ต่างๆ​ ใน​เมือง​ก็​เพิ่มมากขึ้น​ทุกวัน​” จางซาน​เอ่ย​ต่อ​ “ต้องหา​สัก​วิธี​ มิเช่นนั้น​คน​เหล่านี้​จะเริ่ม​หยั่งเชิง​ ยิ่ง​กำเริบเสิบสาน​ขึ้น​ทุกที​”

“ยาก​อยู่​” มู่ชิงถอนหายใจ​กล่าว​

และ​เวลานี้​ ห่าง​จาก​ด่าน​เมือง​มังกร​ออก​ไป​สามร้อย​ลี้​ ใน​ซอย​เล็ก​ซอย​หนึ่ง​ที่​เมือง​พยัคฆ์​หมอบ​ เสียง​ร้องไห้​จ้าอัน​อ่อนแรง​ของ​ทารก​ดัง​ออก​มาจาก​ใต้​แผ่น​หิน​ของ​หอ​ที่​พัง​ถล่ม​ลงมา​ ดึงดูด​ความสนใจ​จาก​หลี่​มู่ที่​กำลัง​เก็บ​ศพ​อยู่​

เขา​ยก​แผ่น​หิน​ขึ้น​มา มองเห็น​ข้างใต้​ ใน​อ้อม​อก​สตรี​ที่​ตาย​แล้ว​มีทารก​หญิง​ซึ่งอ่อนแอ​จนถึงที่สุด​คน​หนึ่ง​กำลัง​ใช้แรง​เฮือกสุดท้าย​ของ​ชีวิต​ส่งเสียง​ร้องไห้​ พยายาม​ดูด​น้ำนม​จากอก​มารดา​ที่​ตัว​แข็ง​ไป​แล้ว​สุด​ชีวิต​ ทว่า​สิ่งที่​ดูด​มาได้​คือ​เลือด​…

ทั้งตัว​ของ​ห​ลี่​มู่ราวกับ​ถูก​ฟ้าผ่า​ใน​ฉับพลัน​

เขา​อุ้ม​ทารก​หญิง​ขึ้น​มา กอด​เอาไว้​ใน​อก​ทันที​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา