ด่านเมืองมังกร ศูนย์กลางของสถานการณ์ความไม่สงบบนแผ่นดินใหญ่
ต้าเยวี่ยกำลังจัดการความพังพินาศของสิบเมืองเก้าพื้นที่ นอกจากด่านเมืองมังกรแล้ว สิบแปดเมืองที่เหลือถูกทัพฉินตะวันตกฆ่าล้างเมือง เมื่อเดินเข้าไปราวกับย่ำเข้าสู่นรกก็มิปาน คนที่มีสภาพจิตใจปกติมากมาย เมื่อได้เห็นภาพน่าสังเวชนี้ จิตใจล้วนพังทลายลงทั้งสิ้น
นี่ช่างเหมือนนรกโดยแท้
หลี่มู่เงียบงัน ติดตามกองทัพต้าเยวี่ยเข้าไปเก็บศพชาวเมืองแต่ละเมือง ทุกครั้งที่มาถึงจุดหนึ่ง ในใจของเขาก็เงียบงันลงระดับหนึ่ง
เขามองเห็นคนชราถูกแยกร่าง พ่อเฒ่าแม่เฒ่าถูกเผาตายในบ้าน เห็นมารดาอายุยังน้อยกอดลูกวัยไม่ถึงเดือนที่ถูกลูกธนูยิงตาย สีหน้าโศกเศร้าอาดูรท่อนล่างเปลือยเปล่า ทรวงอกมีรอยดาบหนึ่งแผล มองเห็นคนหนุ่มหลายสิบคนถูกแขวนคอบนต้นไม้ ชัดเจนว่าสตรีท่อนล่างเปลือยเปล่าที่ถูกสังหารอยู่ด้านล่างคือคนรักของพวกเขา…
ประตูเมืองของเมืองชายแดนมากมาย ภายในกรงเหล็กหนามแหลมมีร่างศพเนื้อเหวอหวะ…
แม่น้ำล้อมเมืองถูกย้อมด้วยเลือดจนแดงฉาน ศพกองทับเป็นภูเขา
หลายวันผ่านไป ศพมากมายเริ่มเน่าเฟะ ตัวอ่อนแมลงสีขาวชอนไชอยู่ในเนื้อเน่าของศพ อากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่า
สีหน้าของหลี่มู่ค่อนข้างชินชา
เขาคิดถึงสองย่าหลานไช่ไช่ที่อยู่ใต้สุสาน ไม่นานนักก็คงจะเป็นเช่นนี้…ชีวิตเป็นๆ ของคนเรา ตอนมีชีวิตล้วนมีความความมุ่งมั่น ความหวัง และความสุขของตนเอง แต่กลับถูกช่วงชิงไปในพริบตา
ยามหลับตาลง เขากระทั่งได้ยินถึงเสียงกรีดร้องแหลมก่อนตายของผู้บริสุทธิ์เหล่านี้ ด้วยการต่อสู้ดิ้นรนที่สิ้นหวัง สามีทำเพื่อปกป้องลูกและภรรยา คนชราทำเพื่อปกป้องคู่ชีวิตตน มารดาทำเพื่อปกป้องลูกน้อย…เสียงแต่ละอย่างประหนึ่งข้ามกาลเวลามา วนเวียนอยู่ข้างหูของหลี่มู่
หลี่มู่เข้าใจดี นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเขา
การตายของคนเหล่านี้ไม่ได้มีเหตุและผลอะไรกับตัวเขา
แต่เขาก็ยังรู้สึกว่างเปล่านัก
หลังจากที่มาถึงโลกใบนี้ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นคนตาย คนที่ตายด้วยน้ำมือเขาก็มีจำนวนไม่น้อย…แต่ว่ายามเดินในสิบแปดเมืองชายแดนที่เขาไม่เคยเหยียบเข้ามานี้ ในใจเขามีความรู้สึกร้อนรุ่มสะอิดสะเอียน แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจอาเจียนออกมาได้
กระทั่งบาดแผลของร่างกายที่ได้มาจากการใช้วิชาหมัด ‘พันคลื่นวารี’ ในวันนั้น เขาก็ยังไม่ได้จัดการรักษา
เขาอยู่กับนายทหารทั่วไป คอยจัดการศพของผู้บริสุทธิ์ นี่เป็นเรื่องที่หลี่มู่ทำติดต่อกันมาหลายวัน
สิบเมืองเก้าพื้นที่เป็นเส้นเขตแดนของฉินตะวันตกกับซ่งเหนือ ทอดยาวไปเกือบพันลี้ ทหารและประชาชนที่ถูกจักรพรรดิฉินหมิงสั่งเข่นฆ่ารวมกันแล้วไม่ต่ำกว่าสามล้านคน การสังหารที่โหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรมนี้ ทำให้กองทหารต้าเยวี่ยที่เหลือไม่ถึงหมื่นขุดหลุมฝังศพกันจนแทบไม่ได้พัก สามวันผ่านไปก็ยังเก็บกวาดไม่ได้ทั้งหมด
หนังสือโบราณเคยกล่าวไว้ เทวะมีชีวิตอยู่ด้วยการกุมดวงชะตาฟ้าดิน เข้าใจพลังแห่งฟ้าดิน ดังนั้นจิตใจของเทวะ จึงส่งผลกระทบต่อวิถีฟ้าได้
หลายวันนี้ หลี่มู่ใจสับสนกระสับกระส่าย รู้สึกหดหู่ ท้องฟ้าของสิบเมืองเก้าพื้นที่ขมุกขมัวไปหมด มีฝนตกเป็นบางครั้ง ช่วงเวลาเข้าสู่ปลายสารทฤดูแล้ว อากาศหนาวขึ้นทุกวัน ทำให้หลีกเลี่ยงการเกิดโรคระบาดไปได้
ท้ายที่สุด ภายใต้การจัดการของจางซานและชิงมู่ขุนนางใหญ่แห่งต้าเยวี่ย เหล่าจอมยุทธ์จอมเวทธาตุไฟในกองทัพก็เริ่มเผาศพ ส่วนจอมยุทธ์ธาตุดินรับผิดชอบการฝังศพ…
หลี่มู่ติดตามอยู่ตลอด
ใจของเขาอัดอั้นเกือบถึงขีดสุดแล้ว ขุดหลุม ฝังศพ ขุดหลุม ฝังศพไม่หยุดหย่อนอย่างด้านชา…
จนกระทั่งจางซานเดินเข้ามารายงาน “ใต้เท้า หลี่อวี้ซูเจ้าหอจาก ‘หอสรรพสิ่งคืนสูญ’ สำนักระดับหนึ่งของซ่งเหนือมาขอพบใต้เท้าขอรับ”
หลี่มู่ในตอนนี้น่าจะถือได้ว่าเป็นเสาหลักของต้าเยวี่ย แต่จะอยู่ในตำแหน่งอะไรนั้น ต้าเยวี่ยที่ย่อยยับแล้วย่อมไม่อาจอธิบายได้ ทหารต้าเยวี่ยทั้งหมดจึงเรียกหลี่มู่ว่า ‘ใต้เท้า’
“ไม่พบ” หลี่มู่กำลังใช้สองมือขุดหลุมฝังศพ เอ่ยขึ้นโดยไม่หันหน้ามอง น้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อย
จางซานพยักหน้า หันหลังเดินออกไป
ผ่านไปอีกหนึ่งวัน
ขณะหลี่มู่กำลังเก็บกวาดศพคนที่ถูกสังหารในด่านพยัคฆ์หมอบ จางซานเข้ามาอีกครั้ง เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าลำบากใจ “ใต้เท้า บุตรผู้สืบทอดจากตระกูลจูตระกูลพันปีมาขอเข้าพบใต้เท้า”
“ไม่พบ” คำตอบของหลี่มู่ยังเหมือนเดิม
จางซานอ้าปาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร หันหลังเดินจากไป
หนึ่งชั่วยามต่อมา เขาก็เข้ามาอีกครั้ง
“ฉีหวายบัณฑิตอาวุโสแห่งสำนักบัณฑิตถามเต๋าคนปัจจุบันมาขอพบใต้เท้าขอรับ” เว้นช่วงอยู่ครู่หนึ่ง จางซานก็เสริมขึ้นอีกประโยค “บัณฑิตอาวุโสฉีมาขอคำชี้แนะด้านการยุทธ์กับใต้เท้า ได้รับการยืนยันแล้ว ตอนนี้เขาเป็นยอดฝีมืออันดับที่สองของบัณฑิตถามเต๋าสำนักเทพจากฉู่ใต้ เป็นผู้อาวุโสที่เข้าขั้นเทวะเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน”
ฉีหวายจากสำนักบัณฑิตถามเต๋าเคยเป็นบุคคลมีความสามารถที่มีชื่อเสียง เป็นผู้ถูกเลือกเมื่อหนึ่งร้อยปีที่แล้ว เคยเป็นที่ฮือฮาอยู่ระยะหนึ่ง
“ไม่พบ” คำตอบของหลี่มู่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนกำลังมุดเขาวัวอยู่ (คิดในสิ่งที่ไม่มีทางออก)
เหมือนก๊วยเจ๋งในมังกรหยก สับสน ไม่อยากจะประลองยุทธ์กับใคร และกำลังคิดว่าหนทางที่แท้จริงอยู่ทางไหน ความหมายของการฝึกยุทธ์อยู่ที่ใดกันแน่
ผู้มีปัญญามากมายก้าวผ่านหมื่นพันอันตรายดุจเหยียบพื้นเรียบ แต่เมื่อพบเรื่องเล็กๆ บางเรื่องกลับคิดไม่ตก ไม่ยอมที่จะปล่อยวาง
หลี่มู่ถึงขั้นรู้ว่าตนเองเป็นแบบนี้ไม่ถูก
แต่ว่าเขาก็ปล่อยวางไม่ลง
สีหน้าจางซานลังเล สุดท้ายก็ยังคงไม่พูดอะไร หันหลังเดินจากไป
……
“อะไรนะ? ไม่พบ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา