ตอน บทที่ 425 เถียงข้างๆ คูๆ จาก จอมศาสตราพลิกดารา – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 425 เถียงข้างๆ คูๆ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน จอมศาสตราพลิกดารา ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
กร๊อบ
คอของฉีหวายถูกบิดจนหักทันใด
เขามองหลี่มู่อย่างไม่อยากเชื่อ
ในดวงตาที่นิ่งสงบราวบ่อน้ำเก่าแก่ร้อยปีของหลี่มู่ ฉีหวายมองเห็นใบหน้าหวาดกลัวลนลานของตัวเอง
ในพริบตาเมื่อครู่ ฉีหวายถึงกับไม่ทันได้แยกแยะว่าหลี่มู่ลงมืออย่างไรกันแน่ หนึ่งหมัดนั้นไม่มีควันไฟใดๆ ทั้งสิ้น แค่ส่งออกมาก็ทำลายอภินิหารกวีสองประโยคนั้นของเขาจนแหลกเป็นผง
นั่นเป็นถึงกวีเสริมพลังของหนังสือสวรรค์ถามเต๋าเลยทีเดียว
นี่…คือพลังที่สังหารจักรพรรดิฉินหมิงหรือ?
ใจของฉีหวายสั่นสะท้านถึงขีดสุด
และแทบจะในเวลาเดียวกัน ริมฝีปากของศีรษะที่หักเปล่งทำนองสุดท้ายออกมาอย่างยากเย็น
พริบตา หนังสือโบราณเย็บเล่มถูกกระตุ้น พลังประหลาดสีน้ำเงินสายหนึ่งทะลักล้นออกมาห่อหุ้มร่างฉีหวายเอาไว้ สะเทือนแขนของหลี่มู่ออกไป ก่อนจะพาฉีหวายถอยห่างออกมากว่าหกจั้ง
ฉีหวายใช้มือเดียวจับศีรษะของตน บีบเล็กน้อยราวกับปั้นดินโคลน แล้วบิดศีรษะกลับไปตั้งบนคอตามเดิม กระดูกที่หักฟื้นฟูสู่สภาพเดิมท่ามกลางเสียงดังกร๊อบๆ
ทว่า ใบหน้าของเขาเขียนความพรั่นพรึงเอาไว้จนเต็ม
แสงสีน้ำเงินที่ห่อหุ้มตัวแล้วช่วยเขาออกมาสายนั้นเป็นหน้าหนึ่งของหนังสือโบราณเย็บเล่ม มันลอยลงมาจากร่างของเขา ถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าไปก่อนที่จะปลิวตกถึงพื้น
หลี่มู่ค่อยๆ เก็บหมัดกลับมา ตกใจเล็กน้อย
หนังสือเล่มนี้ค่อนข้างน่าสนใจ
ทว่ามันไม่สามารถช่วยฉีหวายได้
หลี่มู่อุ้มทารกน้อยหลี่อันจือด้วยแขนซ้าย จิตสังหารยังไม่ลดลง เมื่อกระตุ้นมิติเก็บดาบ ดาบบินสิบสองเล่มแหวกผ่านอากาศ วิชาดาบเหินหาวพร้อมด้วยพลังแห่งไฟจักรพรรดิฟันออกไปอย่างไร้ความปรานี เห็นเพียงแสงดาบสว่างวาบ ฉีหวายก็ถูกจิตดาบอันไร้สิ้นสุดปกคลุมเอาไว้ด้านในแล้ว
ชาวยุทธ์ที่มายังด่านเมืองมังกรในช่วงนี้ ทุกคนสังหารทิ้งได้ ไม่มีข้อยกเว้น
ฉีหวายหน้าถอดสี
ตอนนี้พลังจากตัวเขาถูกสยบลงทั้งหมด ในใจเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว ภายใต้ดาบบิน เขาไม่มีกำลังที่จะต้านทานได้เลย
“ท่านอาจารย์ช่วยข้าด้วย” เขาตะโกนสุดเสียง
ยามนี้เอง ร่างหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นข้างกายฉีหวายปานภูตผีอย่างไม่น่าเชื่อ มือหนึ่งคว้าหนังสือโบราณมา พลิกเปิดหน้าหนังสือเสียงดัง ก่อนอ้าปากพูดอย่างรวดเร็ว “แสงมืดล่องลอยแสงสวรรค์หลบซ่อน สาดส่องไปไร้ซึ่งที่มา”
บนหนังสือโบราณเย็บเล่มมีแสงสว่างกลุ่มหนึ่งม้วนออกมา ห่อหุ้มคนทั้งสองไว้ ทำให้หลุดพ้นออกจากอาณาเขตฟันสังหารของดาบบินโดยพลัน เพียงไหววูบก็เคลื่อนย้ายในพริบตาไปยังจุดที่ห่างออกไปกว่าสามสิบจั้ง
บัณฑิตวัยกลางคนใบหน้าหล่อเหลาคนหนึ่งปรากฏขึ้นข้างกายฉีหวาย
เป็นบัณฑิตวัยกลางคนที่มาด่านเมืองมังกรพร้อมกับพวกไป๋ม่อโฉวนั่นเอง
“เทวะหลี่เหตุใดต้องเหี้ยมโหดเช่นนี้ ต้องเข่นฆ่ากันให้สิ้นเลยหรือ?” บัณฑิตวัยกลางคนใบหน้าสุขุม มีอิสระน่าเกรงขาม บนร่างมีกลิ่นอายอย่างผู้ศึกษาเล่าเรียนเข้มข้น ทว่ากลิ่นอายเช่นนี้ก็ยังปิดบังความเหี้ยมโหดของเขาไม่มิด
เขากับฉีหวายมีบุคลิกท่างทางที่คล้ายคลึงกัน
การลงมือเมื่อครู่ ในช่วงเวลาอันรวดเร็ว เขาสำแดงพลังระดับขั้นที่สูงกว่าฉีหวายออกมา ยามนี้เผชิญหน้ากับหลี่มู่คำพูดคำจาก็แข็งกร้าวนัก อำนาจของขั้นเทวะแผ่ซ่าน และยังไม่ใช่อำนาจขั้นเทวะธรรมดาด้วย
พวกผู้แข็งแกร่งสายยุทธ์ตระกูลกวนซาน เมื่อเห็นคนผู้นี้สีหน้าก็เผยแววยินดี
พวกเขามองตัวตนของชายคนนี้ออกแล้ว
หลี่มู่คิดในใจ ดาบบินสิบสองเล่มพลันบินกลับมาข้างกาย ลอยอยู่ด้านหลังราวนกยูงรำแพน พร้อมแผ่แสงเย็นเยียบน่าขนลุก ทำให้ใจคนสั่นผวา
หลี่มู่ยิ้มเย็นชา เอ่ยขึ้นว่า “เก้ายอดคนใต้หล้า? เก้าสุดยอดวิถียุทธ์ในแผ่นดินหายไปถึงห้าคนแล้ว เก้าชั้นฟ้าปิดภูผากับเจ้าอารามเต๋าดับสูญไปพร้อมกัน จ้าววิหารเทพอาทิตย์ก็ตายด้วยน้ำมือจักรพรรดิฉินหมิง ผู้ใช้คลื่นวารีกับมารศักดิ์สิทธิ์กระบี่ภูตดับดิ้นอยู่ที่วิหารเทพหมาป่า ส่วนที่เหลืออีกสี่คน จ้าววิหารเทพหมาป่า เสี่ยวเยาจากจวนปีศาจสวรรค์ เสี่ยวยูไลจากวัดฮว๋าจั้ง ก็ไม่ได้มีกลิ่นอายเหมือนอย่างเจ้า เจ้าคือเว่ยอู๋ปิ้งคนคลั่งตำราแห่งสำนักบัณฑิตถามเต๋า?”
เมื่อเอ่ยเช่นนี้ รอบข้างเกิดเสียงตกใจฮือฮาดังคาด
ว่าอะไรนะ?
ผู้ใช้คลื่นวารีกับมารศักดิ์สิทธิ์กระบี่ภูตดับสูญไปแล้ว?
ไม่ใช่ว่าปิดด่านอยู่ที่แผ่นดินสุดแดนใต้หรือ?
ไม่นึกว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นด้วย หลี่มู่รู้ได้อย่างไร?
นี่มันเรื่องใหญ่ครึกโครมเลยเชียว
แต่ว่าพริบตาต่อมา เหล่าผู้แข็งแกร่งในยุทธจักรที่นี่ก็ไม่มีเวลาจะสนใจเรื่องอื่น สีหน้าของแต่ละคนส่วนใหญ่มีความยินดีปรากฏ
เก้ายอดคนเป็นตำนานวิถียุทธ์แห่งยุค ถึงแม้การตายของจ้าววิหารเทพอาทิตย์จากน้ำมือของจักรพรรดิฉินหมิงจะก่อให้เกิดการล่มสลายของบารมีตำนานเก้ายอด แต่ก็ยังเป็นบุคคลที่มากพอจะทำให้คนมากมายต้องแหงนหน้ามอง ฉับพลันนั้น พวกเขารู้สึกว่ามีเสาหลักปรากฏแล้ว
อย่างน้อยต่อให้ฟ้าถล่ม ก็ยังมีผู้ยิ่งใหญ่คอยค้ำยันอยู่
และคนคลั่งตำราเว่ยอู๋ปิ้งก็คือผู้ยิ่งใหญ่ที่ว่า
ส่วนทางด้านต้าเยวี่ย พวกจางซานกับมู่ชิงตกใจเล็กน้อย
ทำไมกระทั่งคนเช่นนี้ก็มายังที่นี่ด้วย?
เว่ยอู๋ปิ้งกล่าวยิ้มๆ “เทวะหลี่ผงาดขึ้นมาจากจุดเล็กจ้อย ในหนึ่งปีกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่สายยุทธ์ อธิบายได้ว่าวิชาลับนี้เป็นโอกาสวาสนาจากสวรรค์ ไม่ใช่สิ่งที่อาจารย์ส่งต่อมา ในเมื่อเป็นพรจากสวรรค์ จะไม่เปิดเผยได้อย่างไรกัน? ภายในหนึ่งปี ทำให้เทวะหลี่เติบโตจากบัณฑิตที่ไม่มีแม้แต่แรงจะมัดไก่กลายเป็นขั้นเทวะ จะต้องมีวิชาเร่งความเร็วแน่ หากนำมาให้คนบนแผ่นดินใหญ่ได้ฝึกฝน ก็จะสามารถต่อกรพวกนอกพิภพได้”
พวกต้าเยวี่ยเช่นจางซานและมู่ชิงโมโหจนพูดอะไรไม่ออก
นี่มันทฤษฎีบ้าบอข้างๆ คูๆ อะไร
พูดไปพูดมา ก็แค่ต้องการจะเอาวิชาลับของใต้เท้าไปไม่ใช่หรือ? ยังจะมาหาข้ออ้างเสแสร้งเช่นนี้อีก ทำเอาคลื่นไส้จริงๆ
หลี่มู่อุ้มหลี่อันจือกลับมาในวงแขนซ้ายอีกครั้ง ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองไปยังเจ้าสำนักบัณฑิตถามเต๋าคนนี้ ก่อนกล่าวว่า “ถ้าข้าไม่มอบให้ล่ะ?”
เว่ยอู๋ปิ้งทำหน้าเสียดาย พูดขึ้นอย่างเข้มงวดเป็นธรรม “ถ้าเทวะหลี่ผิดแล้วยังไม่รู้สำนึก เช่นนั้นข้าจำต้องลงมือบังคับฝืนใจกันแล้ว”
หลี่มู่เอ่ยอย่างถากถาง “ลงมือกับข้า? นี่ใครมอบความกล้าให้เจ้ากัน เหลียงจิ้งหรู[1]หรือ?”
แน่นอนว่าเว่ยอู๋ปิ้งไม่รู้จักเหลียงจิ้งหรู แต่ก็ยังตอบกลับเรียบๆ “ถ้าเป็นเวลาปกติ ตัวข้าไม่กล้าบุ่มบ่ามมุทะลุแน่ แต่ครั้งนี้ เทวะหลี่ได้รับบาดเจ็บหลังสังหารจักรพรรดิฉินหมิง ยังจะเหลือแรงต่อสู้อยู่สักเท่าใด?”
ระหว่างพูด ด้านหลังศีรษะเขามีหนังสือโบราณเย็บเล่มด้วยเชือกลอยขึ้นมา ก่อนเปล่งแสงสีเงินที่อ่อนโยนยิ่ง ไม่มีพลังสังหารใดๆ
แสงสีเงินสาดลงบนร่างหลี่มู่ ส่องทะลุบาดแผลบนร่างเปลือกนอกของเขาทันใด รอยแตกร้าวแน่นขนัดกระจายทั่วราวกับลำน้ำที่แตกระแหง กระทั่งกระดูกยังมีจุดร้าวหมด น่ากลัวเป็นอย่างมาก ชัดเจนว่าเจ็บมาไม่น้อย
นี่คือบาดแผลที่ร่างกายรับภาระอย่างหนักจากวันที่หลี่มู่ฝืนใช้สิบสองหมัด ‘พันคลื่นวารี’ สังหารจักรพรรดิฉินหมิง
รอยประทับสีเลือดหลายเส้นนั้นดูเหมือนหนักหนาสาหัส แต่สำหรับหลี่มู่ แท้จริงแล้วหากคิดจะรักษาก็ทำได้ง่ายๆ เท่านั้น ทว่าช่วงนี้เขามีจิตมารพัวพัน จิตใจห่อเหี่ยว ดังนั้นจึงไม่ได้ขับเคลื่อนปราณรักษา
แต่เมื่อตกเข้าสู่สายตาคนอื่น ทั้งหมดใจสั่นสะท้านกันโดยพลัน
หลี่มู่บาดเจ็บแล้วจริงๆ หรือ?
หนำซ้ำยังสาหัสเช่นนี้?
ผู้แข็งแกร่งวิถียุทธ์หลายร้อยคนเช่นพวกตระกูลกวนซานพลันตั้งมั่นในใจ ในสายตาที่มองหลี่มู่ ความหวาดกลัวยำเกรงค่อยๆ หายไป เปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมแทน ประหนึ่งหมาป่าหิวโหยที่ได้กลิ่นคาวเลือดอย่างไรอย่างนั้น
ฉีหวายก็ยินดีเช่นกัน
หลี่มู่ยิ้มเรียบๆ เมื่อร่างกายภายนอกเปล่งแสงวิบวับ แสงเงินของหนังสือโบราณก็ไร้ผล ส่องทะลุร่างกายเขาไม่ได้อีก
เว่ยอู๋ปิ้งกลับยิ้มน้อยๆ เอ่ยขึ้นอย่างมีแผนพร้อมในใจ “ก่อนหน้านี้เทวะหลี่ใช้ความเร็วดุจสายฟ้า สังหารพวกสำนักวิญญาณเหนือ ปลิดชีพหมิงซานอ๋อง เข้ากระหน่ำโจมตีฉีหวายศิษย์ที่ไม่ได้เรื่องได้ราวของข้าคนนี้ ดูท่าพลังเฮือกสุดท้ายในร่างจะถูกใช้ไปหมดแล้วกระมัง? คิดจะใช้วิธีเช่นนี้ขู่ให้คนตกใจกลัว ให้ทุกคนเข้าใจว่าเจ้ารักษาบาดแผลเรียบร้อย ได้กำลังต่อสู้กลับมา น่าเสียดายที่เป็นดั่งลูกธนูแผ่วปลาย ข้าจะให้เกียรติเทวะหลี่และถามเป็นครั้งสุดท้าย หลี่มู่ เจ้าจะยอมส่งมอบของวิเศษวิชาลับของตนมาหรือไม่?”
……………………………………….
[1]เหลียงจิ้งหรู (Fish Leong) คือนักร้องสาวชาวมาเลเซียเชื้อชาติจีน ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแม่เพลงรักไต้หวัน ผลงานเพลงชิ้นหนึ่งของเธอมีชื่อว่า ‘ความกล้า’ (勇气)
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา