เมื่อพูดถึงตรงนี้ ท่าทีของเว่ยอู่ปิ้งเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวในฉับพลัน จ้องมองหลี่มู่ด้วยท่าทีอย่างผู้อยู่เหนือกว่า
เหล่าทหารต้าเยวี่ยและจางซานโมโหจนตัวสั่น
นี่คือผู้สูงส่งในเก้ายอดคนใต้หล้าที่ว่ากันหรือ?
ต่างอะไรจากโจรกัน
พวกสวี่หว่านเอ๋อร์ลู่เซิ่งหนานก็ไม่คิดว่าบัณฑิตวัยกลางคนที่ช่วยพวกตนไว้จะไร้ยางอายถึงเพียงนี้ อดไม่ไหวจะเปิดปากต่อว่า แต่ถูกไป๋ม่อโฉวห้ามเอาไว้
“เจิ้งเอ๋อร์ เจ้าอย่าพูดอะไร ดูเอาไว้ให้ดี คิดให้ดีๆ นี่แหละคือยุทธจักร” ไป๋ม่อโฉวพูดผ่านจิต “เจ้าจงจำไว้ ในราชสำนักอันตรายเสียยิ่งกว่ายุทธจักร และต่ำช้ามากกว่านี้”
ฉินเจิ้งพยักหน้า
ทั้งหมดนี้ไม่เหมือนกับสิ่งที่พี่สาวเคยสอนเขาในยามปกติ
ในจิตใจ เขายืนอยู่ข้างเดียวกับหลี่มู่ ถึงแม้หลี่มู่จะสังหารผู้เป็นบิดาในนามของเขา
จิ้งจอกน้อยต๋าจี่กับหลงเอ๋อร์ยืนขนาบซ้ายขวาข้างไป๋ม่อโฉว
สีหน้าของเด็กน้อยทั้งคู่แตกต่างกัน
ดวงตาคู่โตของต๋าจี่มีความกังวล เริ่มแยกเขี้ยวอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไอปีศาจบนร่างไหลวน เตรียมจะลงมือช่วย ‘ท่านพ่อหลี่’ แล้ว ส่วนหลงเอ๋อร์มุมปากกลับมีรอยยิ้มสุขใจบนความทุกข์คนอื่น ใบหน้ารูปไข่ทรงเสน่ห์มีสีหน้าที่ไม่เหมือนใครยิ่ง
สีหน้าขององค์หญิงฉินเจินซับซ้อน
นางเป็นองค์หญิงแห่งต้าฉิน หากพูดตามหลักการ หลี่มู่คนเดียวสังหารเชื้อพระวงศ์ต้าฉิน นางควรจะเกลียดชังแต่กลับเกลียดไม่ลง นางรู้จักกับหลี่มู่มานานแล้ว เคยเข้าใจผิดอยู่เนิ่นนาน เคยพูดคุยกับหลี่มู่จริงๆ ก็ไม่มาก กระทั่งพูดด้วยเพียงไม่กี่ประโยคด้วยซ้ำ แต่หากพูดตามเหตุและผล นางยืนอยู่ข้างพลังของหลี่มู่
เพราะว่านางรู้ ราชวงศ์ฉินตะวันตกปัจจุบันอยู่ในสภาพใด
คำว่าครอบครัวสูญสิ้นจากจิตใจของคนเหล่านั้นไปนานแล้ว
นางเริ่มกังวลแทนหลี่มู่
ส่วนผู้แข็งแกร่งจากตระกูลและสำนักโบราณที่เร้นกายจากโลกเหล่านั้น จิตใจกลับเกิดอารมณ์ตรงกันข้าม ก่อนหน้านี้ถูกพลังของหลี่มู่กดดันจนหายใจไม่ทั่วท้อง ตอนนี้สถานการณ์พลิกกลับแล้ว ความคิดพวกเขาจึงติดขัดขึ้นมา
หากหลี่มู่ถูกคนคลั่งหนังสือเว่ยอู๋ปิ้งสังหาร พวกเขาน่าจะได้รับประโยชน์อะไรมาบ้างกระมัง?
ฉีหวายใบหน้าเหี้ยมเกรียม ยิ้มเย็นชาเอ่ยว่า “หลี่มู่ โอกาสครั้งสุดท้ายแล้ว อย่าคิดว่าจะโชคดีจนเลือกทางผิดเลย ไม่ใช่แค่เจ้าที่จะตาย พวกกากเดนต้าเยวี่ยในสิบเมืองเก้าพื้นที่ต้องตายทั้งหมดด้วย”
กวนซานเยวี่ยผู้นำตระกูลกวนซานก็พูดขึ้นอย่างไม่ยอมเสียโอกาส “ถูกต้อง เจ้าสำนักบัณฑิตเว่ยจิตใจเมตตากรุณา แต่ถ้าเจ้ายังไม่รู้จักรับความหวังดี วันนี้ไม่แน่เลือดเทวะคงได้ชโลมทั่วเมืองมังกร ตระกูลกวนซานข้าก็ไม่จะเป็นแค่ผู้ชมแน่”
“ฮ่าๆ เป็นเช่นนี้เอง”
“บาดเจ็บหนักขนาดนี้ ยังจะวางท่าบ้าเลือดอยู่อีก ก่อนนี้เกือบจะตกใจกลัวเจ้าเสียแล้ว ข้าว่าไม่ต้องถึงมือเจ้าสำนักเว่ยหรอก พวกเราบุกเข้าไปพร้อมกันแล้วสังหารเขาให้จบเลยดีกว่า”
“กับมารร้ายที่สังหารคนจนเป็นนิสัยเช่นนี้ ไม่ต้องยึดหลักคุณธรรมในยุทธจักรอะไรแล้ว ทุกคนลงมือพร้อมกัน ถึงต้องผลัดกันเข้าไปก็ต้องสังหารเขาให้ได้”
“กำจัดมารผดุงคุณธรรม ก็คือวันนี้”
ผู้แข็งแกร่ง สำนักโบราณ และตระกูลสูงศักดิ์ทั้งหลายบีบเข้ามาทางจวนเจ้าเมืองอีกครั้ง เผยโฉมหน้าน่ารังเกียจกันหมดสิ้น ไม่ต่างจากหมาในที่กินซากศพกลุ่มหนึ่ง เมื่อเห็นเจ้าป่าอ่อนเพลียก็แสยะยิ้มแยกเขี้ยวเข้ามาล้อมวง
“ปกป้องใต้เท้า”
พวกจางซานมู่ชิงทะยานขึ้นหน้า ล้อมปกป้องหลี่มู่ไว้หนาแน่น
เหล่านักรบ ขุนนางทหาร และผู้แข็งแกร่งจากต้าเยวี่ยทุกคนกล่าวคำสาบานอย่างโกรธแค้นในใจ วันนี้ต่อให้ต้องตายสิบครั้ง ก็ต้องปกป้องใต้เท้าหลี่มู่เอาไว้ให้ได้ ไม่ว่าต้องเสียอะไรไปก็ตาม
สถานการณ์ตึงเครียดถึงที่สุด
บนใบหน้าของหลี่มู่ จู่ๆ มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น
“จะเคร่งเครียดกันไปทำไม?” เขาโบกไม้โบกมือ “พี่น้องทั้งหลาย ถอยออกไปก่อนเถิด”
ฉีหวายหัวเราะลั่น “เหอะๆ ลำพังแค่มดแมลงอย่างพวกเจ้าจะปกป้องหลี่มู่ได้หรือ หลี่มู่ มารร้ายที่เข่นฆ่าคนเช่นเจ้า จนถึงตอนนี้ยังจะทำเสแสร้ง ผิดแล้วยังไม่สำนึกอีก เช่นนั้นก็ตาย…”
เสียงเอ่ยยังไม่ทันสิ้น
ฉัวะ!
แสงดาบวูบผ่าน
ร่างของหลี่มู่ราวเคลื่อนย้ายในพริบตา มาปรากฏตัวด้านหน้าเขาอย่างไม่น่าเชื่อ มือขวาชักกระบี่เล่มหนึ่งออกจากมิติเก็บดาบ ฟันออกไปเหมือนผ่าแตง ตัดศีรษะของฉีหวายขาดโดยพลัน จากนั้นมือซ้ายคว้าผมเอาไว้
ประดุจเด็ดแตงก็ไม่ปาน
กระทั่งคนคลั่งหนังสือเว่ยอู๋ปิ้งยังไม่ทันรู้สึกตัว หลี่มู่ก็กลับมายืนอยู่ที่เดิมแล้ว
ดาบยาวกลับเข้าไปในมิติเก็บดาบ
แขนขวาของหลี่มู่กลับมาอุ้มทารกน้อยหลี่อันจือเหมือนเดิม มือซ้ายหิ้วศีรษะฉีหวาย เลือดเทวะหยดเป็นสาย ไหลรินอยู่บนขั้นบันไดจวนเจ้าเมือง
มือข้างหนึ่งคือทารกเพิ่งเกิด มืออีกข้างคือศีรษะที่เลือดไหลริน
หนึ่งมือกุมชีวิต หนึ่งมือกุมความตาย
มือกุมชะตาเป็นตาย
หลี่มู่ในเวลานี้ราวกับเป็นเทพสวรรค์ที่เชี่ยวชาญวิชาเกิดและตายอย่างที่แท้จริง
“อาจารย์ อาจารย์…ช่วยข้าด้วย” ศีรษะของฉีหวายยังเปล่งเสียงร้องแหลม ชัดเจนว่ายังไม่ตาย ถึงอย่างไรเขาก็เป็นยอดยุทธ์อันดับสองของฉู่ใต้ มีชื่อเสียงมายาวนาน พลังกายลึกล้ำ จึงยังสามารถดิ้นรนได้
ทว่าเสียงนี้ เมื่อได้ยินถึงหูคนอื่นกลับเหมือนสายฟ้าจากสวรรค์ชั้นเก้าฟาดลงมาบนร่าง ทำเอาพวกเขาสั่นผวา ตกตะลึงลนลาน อกสั่นขวัญแขวน
ฉีหวายยอดยุทธ์อันดับสองของฉู่ใต้ก็เป็นผู้แข็งแกร่งรองจากคนคลั่งหนังสือเว่ยอู๋ปิ้งในที่แห่งนี้ แต่ศีรษะของเขากลับถูกหลี่มู่ที่ ‘เจ็บหนัก’ เด็ดลงมาราวกับเด็ดแตงโมที่ยังไม่สุกดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา