จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 43

บทที่ 43 ชักดาบสะบั้น
ProjectZyphon
‘ฉันไม่ได้หมายถึงแก ฉันหมายถึงทุกคนที่นี่คือขยะหมด’

นี่เป็นประโยคเด็ดที่หลี่มู่ชื่นชอบที่สุดตอนเขาอยู่บนดาวโลก

และหนึ่งในภาพยนตร์ที่หลี่มู่โปรดปรานที่สุดก็คือ ‘โลกบอกว่าข้าต้องใหญ่’ ซึ่งโจวซิงฉือแสดงนำ เขาเป็นแฟนคลับตัวยง รุ่นพี่ต้วนสุ่ยหลิวที่เป็นนักคาราเต้ชาวญี่ปุ่นผู้เย่อหยิ่งในเรื่องคือตัวละครที่มีเอกลักษณ์มาก ขณะเลือดเย็นจริงจังยังทำหน้ายิ้มชวนขันได้ หลี่มู่จึงตั้งชื่อร่างแปลงของเขาว่าต้วนสุ่ยหลิวเสียเลย

นี่เป็นความชื่นชอบที่ค่อนข้างประหลาดของเขา

หลี่มู่พอใจกับผลงานของตัวตนสมมุติของเขามาก

ตอนนี้เหล่าจอมยุทธ์ในเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ทราบข่าวที่แน่นอนแล้ว นั่นคือขุนนางเมืองไม่ได้ต่อสู้คนเดียว เขายังมีศิษย์พี่ผู้ใช้วิชาดาบยอดเยี่ยมคนหนึ่ง และข้อมูลที่เบื้องหลังนี้เปิดเผยให้รู้ก็คือหลี่มู่ไม่ได้ฝึกฝนวิชาเอง แต่มีอาจารย์คอยหนุนหลัง อาจารย์ที่สามารถอบรมคนรุ่นใหม่มีฝีมืออย่างหลี่มู่และต้วนสุ่ยหลิวมาได้ย่อมไม่ใช่คนทั่วไป ผู้ที่ต้องการลงมือกับหลี่มู่ควรไตร่ตรองกำลังของตนให้ดี

“ฮ่าๆ เรานี่มันอัจฉริยะจริงๆ ร่างแปลงสามารถสร้างได้ไม่มีข้อจำกัด เราแปลงเป็นคนหลายคนได้ และใช้กำลังตัวเองคนเดียวสร้างสำนักลึกลับขึ้นมา สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คนบนแผ่นดินใหญ่เสินโจวได้ ฮ่าๆๆ!”

หลี่มู่หัวเราะจนกรามแทบค้าง

โชคดีที่ได้ ‘ยอดวิชาเปลี่ยนร่างย้ายกล้ามเนื้อแปรกระดูก’ มาทันเวลา

“จะว่าไปแล้ว อยากขอบคุณชายหลี่ปิงคนนั้นจริงๆ ลูกชายคนเล็กของเจ้าเมืองฉางอัน ฮ่าๆ ให้ความรู้สึกเหมือน Npc กับ Boss เลย เดินทางเป็นพันลี้มาแสร้งทำเป็นแพ้ที่อำเภอขาวพิสุทธิ์ เพื่อมอบไอเทมวิชาและค่าประสบการณ์ให้ ฮ่าๆๆ เวลาช่างประจวบเหมาะจริง!”

หลี่มู่ขยิบตาไปที่กระจก

เขากำลังทดลองควบคุมกล้ามเนื้อบนใบหน้า

ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวของ ‘ยอดวิชาเปลี่ยนร่างย้ายกล้ามเนื้อแปรกระดูก’ หรืออาจกล่าวว่าเป็นจุดอ่อนจากการควบคุมกล้ามเนื้อร่างกายของหลี่มู่ นั่นคือเขาสามารถเปลี่ยนเป็นคนอื่นได้ประมาณแปดชั่วโมงเท่านั้น หากเวลาผ่านไปนานกว่านั้น กล้ามเนื้อจะแข็งตัว อีกทั้งกระดูกจะเคลื่อนตำแหน่ง ทำให้ร่างเดิมปรากฏออกมา

อีกอย่างการเปลี่ยนแปลงนี้เปลี่ยนรูปร่างโดยทั่วไปและเครื่องหน้าได้เท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางอย่างเช่นเส้นผม ลักษณะผิว ปาน และอื่นๆ หากคนละเอียดอ่อนสังเกตอย่างถี่ถ้วนจะยังค้นพบข้อบกพร่องนี้

แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว

คราวหน้าเขาอยากมอบรางวัลให้กับหลี่ปิงที่อยู่ในคุกสักหน่อย

หลี่มู่เปลี่ยนใบหน้ากลับเป็นเหมือนเดิม จากนั้นนั่งขัดสมาธิลงบนเบาะรองนั่ง และเริ่มปิดตาทบทวนกระบวนการต่อสู้กับเหล่าชาวยุทธ์ทั้งหลายในวันนี้

ในสายตาของคนนอก ศิษย์พี่ใหญ่ต้วนสุ่ยหลิวร่างแปลงของเขาแทบจะจัดการเหล่าจอมยุทธ์เสียจนตรอกด้วยดาบเดียว ดูเหมือนจะไม่มีความแตกต่างใดๆ แต่สำหรับหลี่มู่แล้ว ในความเป็นจริงการต้องเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ที่ต่างกัน อีกทั้งแต่ละคนยังมีระดับฝีมือต่างกันไป ความรู้สึกยามลงดาบและผลที่ได้ล้วนไม่เหมือนกัน

ผลที่ได้เหล่านี้คล้ายกับการตระหนักรู้ ต้องนำมาย่อยทำความเข้าใจโดยเร็วที่สุดและศึกษาให้ถ่องแท้ จึงจะนำมาปรับปรุงศักยภาพในการต่อสู้ของตัวเองอย่างแท้จริงได้

มิฉะนั้นเมื่อเวลาผ่านไป เขาจะลืมความเข้าใจที่ลึกซึ้งนี้

หลี่มู่คอยนั่งทบทวนภาพการต่อสู้ทั้งหมดในวันนี้อย่างเงียบๆ

ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่า ประสบการณ์ต่อสู้จริงเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนาตนเองของนักสู้

ในการเก็บตัวฝึกตนครั้งล่าสุด หลี่มู่ผสมผสานกลยุทธ์การต่อสู้ระดับเก้ามากมาย แล้วสร้างวิชา ‘หกดาบวายุเมฆา’ ของตนเองขึ้น ในนั้นกระบวนท่าที่เขาประสบความสำเร็จและเชี่ยวชาญมากที่สุดคือ ‘ชักดาบสะบั้น’ กับ ‘ตัดอสุนี’ การต่อสู้ตั้งแต่ต้นจนจบในวันนี้ หลี่มู่ใช้เพียง ‘ตัดอสุนี’ ทำให้ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับกระบวนท่านี้ลึกล้ำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความเข้าใจเรื่องการยุทธ์ในโลกนี้ของหลี่มู่พัฒนาในเชิงคุณภาพอีกครั้งแล้ว

ก่อนหน้านี้เขาเข้าใจเพียงแค่ทฤษฎี

ในวันนี้เข้าใจการต่อสู้จริง

ผู้ยิ่งใหญ่นับไม่ถ้วนบนโลกมักพูดกันว่า เมื่อนำทฤษฎีมารวมกับประสบการณ์จริงจะเป็นช่วงเวลาที่น่ากลัวที่สุด

หลี่มู่นั่งอยู่ที่เดิมหนึ่งชั่วยามเต็มจึงผุดลุกขึ้นยืน เงาร่างขยับไหววูบ คว้าดาบด้ามยาวมาจากชั้นวางอาวุธ ก่อนจะตั้งท่าเก็บดาบยืนตรง

เขากำลังสั่งสมพลัง

เสี้ยวขณะต่อมา กลางอากาศมีแสงดาบดุจภาพลวงกะพริบผ่าน

ดาบถูกชักออกจากฝักแล้ว

‘ชักดาบสะบั้น’!

พลังของดาบนี้ไม่น้อยไปกว่า ‘ตัดอสุนี’ เลย

บนโลกมีวิชาดาบญี่ปุ่นที่ร้ายกาจยิ่งวิชาหนึ่งเรียกว่า ‘เพลงดาบอิไอ’ เน้นเรื่องคนและดาบประสานเป็นหนึ่งตั้งแต่ช่วงที่ดาบยังอยู่ในฝัก ขณะสะสมพลังจะเหมือนอ่างเก็บน้ำจากป่าเขา ตอนนี้นักดาบจะอยู่ในสภาพที่ไม่มีข้อบกพร่องใดๆ ศัตรูไม่มีโอกาสรุกโจมตี ทันทีที่ฐานกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณผสานเป็นหนึ่ง กำลังสั่งสมถึงขีดสุด ยามนั้นพลังที่เปรียบเหมือนน้ำพุ่งทลายเขื่อนจะไปรวมอยู่ในดาบ แทบจะทำลายศัตรูให้สิ้นซากได้

‘เพลงดาบอิไอ’ คือหนึ่งในหลักการขั้นสูงที่สุดในบรรดาวิชาดาบของญี่ปุ่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา