ยอดคนยุคข้าสร้างความผันผวนใต้ฟ้า ย่ำเข้ายุทธภพมา กลับรู้สึกว่าเวลาไหลผ่านปานสายน้ำ
หลี่มู่จัดการข้าวของที่จักรพรรดิฉินหมิง ฉีหวาย เว่ยอู๋ปิ้ง รวมถึงพวกตระกูลเร้นกายและสำนักโบราณทิ้งไว้หลังตาย ก็พบวิชากับตำราลับมากมาย แต่น่าเสียดายนัก ไม่มีวิธีที่แก้ปัญหาการไม่สามารถฝึกบำเพ็ญของหวางซืออวี่ได้เลย
เส้นลมปราณของหวางซืออวี่จับตัวแข็งโดยธรรมชาติ ไม่มีรอยแตก จุดตันเถียนก็เป็นดั่งทะเลหิน สิ่งนี้ทำให้ทฤษฎีวิถียุทธ์ในโลกใบนี้ใช้กับเธอไม่ได้เลย
จักรพรรดิฉินหมิงฝึกวิชาพลังมารฟ้าของสำนักมารฟ้าจากนอกพิภพ น่าเสียดายที่วิชานี้ล้ำค่าจนเกินไป จักรพรรดิฉินหมิงจึงจดจำไว้ในหัวเท่านั้น ไม่มีสิ่งของใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับพลังลี้ลับนี้เลย จึงสืบสาวเรื่องราวไม่ได้
หนังสือสวรรค์ถามเต๋าของเว่ยอู๋ปิ้งก็อยู่ในลักษณะเดียวกัน
น่าเสียดายที่หลี่มู่ทดลองใช้สารพัดวิธีแล้ว ก็ยังไม่อาจมองเห็นตัวอักษรใดบนหน้าหนังสือ ซินแสเฒ่าเคยบอกเอาไว้ว่า หนังสือสวรรค์เป็นสมบัติที่มหัศจรรย์มากที่สุดในโลก หากมีวาสนาจะสามารถนึกนิมิตมองเห็นใต้ฟ้า หากไร้วาสนาจะนึกนิมิตได้เป็นกำแพงสูงใหญ่ หลี่มู่ดูท่าจะไร้ซึ่งวาสนาต่อหนังสือเล่มนี้
เขาลองให้หวางซืออวี่นึกนิมิตดู แต่ก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ
“เสี่ยวมู่ ฉันจะกลับซ่งเหนือแล้วนะ” หนึ่งวันต่อมา หวางซืออวี่บอกลาหลี่มู่ ตอนนี้สถานการณ์การเมืองของซ่งเหนือไม่มั่นคง อ๋องกบฏมีอำนาจมาก เริ่มเปิดฉากโจมตีเมืองหลินอันแล้ว เธอเป็นห่วงปาเสียนอ๋องบิดาบุญธรรมของตน
“เร็วจัง?” หลี่มู่ประหลาดใจ “รอฉันจัดการเรื่องทางนี้เสร็จ ก็จะไปซ่งเหนือเหมือนกัน ถึงตอนนั้นไปด้วยกันก็ได้นี่”
“ขอแค่นายไม่เป็นอะไร ฉันก็วางใจแล้ว จะอยู่ที่นี่ต่อทำไมกัน? นายวุ่นของนายไปเถอะ ฉันต้องกลับไปคลายความกังวลของพ่อบุญธรรมก่อน ท่านแก่แล้วช่วงนี้ความคิดเลยไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง ช่วงเวลาที่ลำบากที่สุด ฉันไม่อยู่ข้างกายท่านไม่ได้” หวางซืออวี่ยิ้มบอก เดินมาตบบ่าหลี่มู่ราวกับชายชาตรี “พอว่างแล้ว แวะไปหาฉันที่ซ่งเหนือด้วย”
หลี่มู่พยักหน้า ตอบกลับว่า “เธอวางใจเถอะ ฉันจะหาวิธีฝึกให้เธอให้ได้”
“ฮี่ๆ ถ้าย่างนั้นขอบคุณเลยแล้วกัน”
หวางซืออวี่หัวเราะคิกคักตัดสินใจว่าจะไปอย่างไม่ลังเล หลังจากปรึกษาหารือครั้งสุดท้าย ก็ขึ้นหลังมังกรดินหกปีกบินกลับซ่งเหนือไปพร้อมกับขุนนางใหญ่แห่งซ่งเหนือจ้าวจี้
หมิงเยวี่ยสั่งให้ยอดฝีมือพรรคกระยาจกคุ้มกันกลับไปด้วย
บนท้องฟ้า ขณะมองด่านเมืองมังกรที่ค่อยๆ ไกลออกไป สุดท้ายเปลี่ยนเป็นจุดดำเล็กๆ จุดหนึ่งและถูกชั้นเมฆบดบัง รอยยิ้มบนใบหน้าหวางซืออวี่เลือนหายไปแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไร น้ำตาไหลลงอาบหน้าโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ตอนมาถึงโลกใบนี้ เธอก็เคยร้องไห้ นี่เป็นครั้งที่สองที่เสียใจขนาดนี้
จ้าวจี้ที่อยู่อีกด้าน จู่ๆ ก็เกิดอาการทำตัวไม่ค่อยถูก
ท่านหญิงหวนจูผู้เย่อหยิ่งที่เคยก่อกวนจนทั้งเมืองหลินอันวุ่นวายมาแล้ว เมื่อไรกันที่อ่อนแอเช่นนี้
ส่วนสาเหตุเขาก็พอเข้าใจอยู่บ้าง เป็นอารมณ์ของหญิงสาวนั่นเอง
หญิงที่อยู่ข้างกายเทวะหลี่คนนั้น ฮวาเสี่ยงหรง ‘ยอดหญิงงามแห่งยุค’ ช่างมีรูปโฉมงามล้ำ เพริศพริ้งไร้ใครเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลิกที่อ่อนโยน สุภาพเยือกเย็น และยังมีพลังฝึกสูงส่งนัก ราวกับนางสวรรค์ลงมาเยือนก็ไม่ปาน
หนำซ้ำไม่ใช่แค่ฮวาเสี่ยงหรง ยังมีหญิงสาวคนอื่นอีก กระทั่งองค์หญิงแห่งจักรวรรดิฉินก็ยังเป็นหญิงองอาจที่งามเหนือใคร
จ้าวจี้ถอนใจ ไม่รู้ว่าจะปลอบโยนหวางซืออวี่อย่างไรดี
เขาทำได้เพียงแค่ยื่นผ้าเช็ดหน้าไปให้
หวางซืออวี่ไม่ได้รับไว้ แต่กลับพึมพำพูดกับตัวเอง
“นี่ไม่ใช่โลกของเราเลย ฝึกวรยุทธ์ไม่ได้ กระทั่งจะไปช่วยเขาก็ยังช้ากว่าคนอื่น เหมือนกับเป็นผู้ชมเท่านั้น”
“ถึงแม้จริงๆ แล้วเราจะไม่มีความสามารถอะไรไปช่วยเหลือเขา แต่อย่างน้อยในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด เราก็อยากจะยืนเคียงข้างเขา แต่ว่าแค่เรื่องนี้เราก็ยังทำไม่ได้ ตอนไปถึงทุกอย่างก็จบลงแล้ว เราทำอะไรไม่ได้เลย…”
“ช่วยเขาก็ไม่ได้”
“เหมือนคนที่อยู่คนละโลกกันแล้ว”
“เราไม่สามารถพึ่งพาเขาได้ตลอด จะต้องเรียนรู้เส้นทางของตัวเอง”
“ต้องคิดหาวิธีแล้ว”
แววตาของหวางซืออวี่ค่อนข้างสับสน ลมพัดเส้นผมสลวยสะบัดพลิ้วอยู่ด้านหลัง เธอนั่งกอดเข่าตัวเอง ยันคางอยู่บนหัวเข่าพลางจ้องมองเมฆข้างทางที่ลอยผ่านไป…
……
สำหรับหลี่มู่ ในศึกใหญ่สองครั้งที่ด่านเมืองมังกร เขาได้รับอะไรมามากมายนัก
นอกจากพวกตำราลับมากมายหลายประเภทแล้วยังมีสมบัติล้ำค่าอีกไม่น้อย ในนั้นมีหินดาราเป็นส่วนมาก ซ้ำยังมีมูลค่าสูงมากที่สุด ครึ่งหนึ่งในนั้นแฝงด้วยพลังวิญญาณและพลังแห่งกฎเกณฑ์จากนอกพิภพด้วย
แต่สำหรับหลี่มู่ในตอนนี้ สิ่งของเหล่านี้ไม่มีความหมายอะไรมากแล้ว ไม่ได้ช่วยในเรื่องการยกระดับพลังของเขา
ทั้งหมดเป็นสมบัติที่ไม่มีประโยชน์กับเขาแล้ว
ส่วนพวกอาวุธ อาวุธวิญญาณเหล่านั้น รวมไปถึงตำราลับมากมาย หลังจากอ่านดูไปรอบหนึ่งแล้ว หลี่มู่ก็มอบทั้งหมดให้เด็กรับใช้บัณฑิตชิงเฟิง ให้ชิงเฟิงจัดระเบียบและศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียด เมื่อเข้าใจแล้วค่อยส่งต่อให้กับหญิงสาวคนอื่นๆ รวมไปถึงทหารต้าเยวี่ยด้วย
หลี่มู่ทำตัวเป็นเถ้าแก่ร้านมอบงานให้คนอื่นทำอย่างที่ผ่านมา
ศึกครั้งนี้ล้มผู้แข็งแกร่งไปหลายร้อย ขั้นเทวะดับสูญปานสายฝน เลือดเทวะตกสู่โลกมนุษย์ ชโลมแผ่นดินให้ชุ่มฉ่ำ ดินแดนโล่งกว้างนับพันลี้ สิบเมืองเก้าพื้นที่ที่เคยมีแต่ดินถูกเผาไหม้ ยามนี้เปลี่ยนเป็นมีชีวิตชีวาขึ้นมา
ตอนที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดที่สุด พื้นที่มากมายทั้งในเมืองและนอกเมืองมีสภาพอากาศแหกกฎฤดูทั้งสี่ ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงเช่นนี้กลับมีต้นไม้ใบหญ้าแตกหน่อ สายน้ำไหลเพิ่มขึ้น บ่อที่แห้งแล้งกลับมาเอ่อล้น ดอกไม้เบ่งบาน ราวกับเข้าสู่ต้นฤดูใบไม้ผลิ
สิบเมืองเก้าพื้นที่ที่ท้องฟ้ามืดครึ้มจากการสังหารครั้งใหญ่ได้ต้อนรับแสงสว่างที่พบเห็นได้ยาก อาทิตย์สองดวงบนฟากฟ้าสาดแสงงามตระการตา
แรงอาฆาตของผู้ที่ตายไปค่อยๆ เลือนหาย
ไม่ต้องสงสัยเลย ในอนาคตที่ยาวไกลข้างหน้า สิบเมืองเก้าพื้นที่จะต้องเปลี่ยนเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์อย่างแน่นอน
วันที่หก หลังศึกใหญ่เสร็จสิ้น กองหนุนจากสำนักขุนคีรีก็มาถึงเสียที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา