หลายคนต่างคิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิฝูเฟิงฉินเป่าจิ้งจะกล้าตอบอย่างแข็งกร้าวเช่นนี้
ก่อนหน้านี้ยามจักรพรรดิฉินหมิงรุ่งเรือง เมืองฝูเฟิงเกือบจะถูกทำลายสิ้น เจิ้นซีอ๋องฉินเป่าจิ้งหวาดกลัวจนอยู่ไม่สุข เมืองฝูเฟิงถูกโจมตีหลายครั้ง ตราบจนจักรพรรดิฉินหมิงสู้ศึกตาย เขาถึงได้ยกพลไปโจมตีที่อื่นๆ ขยายอาณาเขตอิทธิพล ทั้งยังแสดงตัวว่าเป็นสายเลือดของเชื้อพระวงศ์ฉินตะวันตก ตั้งตัวเป็นจักรพรรดิ และจะโจมตีเมืองหลวงฉิน
อย่างไรเสีย ฉินตะวันตกตอนนี้ก็กลายเป็นมังกรไร้หัวเพราะการตายของจักรพรรดิฉินหมิง
อ๋องกบฏคนหนึ่งที่กลัวจักรพรรดิฉินหมิงเกือบตายกลับกล้าท้าทายหลี่มู่?
หลายคนต่างรู้สึกคาดไม่ถึง
ขณะเดียวกัน แทบจะทั้งใต้ฟ้าต่างรอดูปฏิกิริยาของหลี่มู่
คำตอบถูกประกาศมาอย่างรวดเร็ว
แสงดาบทางหนึ่งข้ามระยะพันลี้มาจากเมืองขาวพิสุทธิ์ในชั่วพริบตา ฟาดฟันสิ่งกีดขวางเป็นชั้นๆ สังหารจักรพรรดิเมืองฝูเฟิงฉินเป่าจิ้งที่กำลังสังสรรค์กับขุนนางทั้งหลายในวังจอมปลอมของเมืองตายคาที่
ผู้ที่ถูกสังหารด้วยในเวลาเดียวกัน ยังมีผู้แข็งแกร่งนอกพิภพที่คุ้มกันจักรพรรดิฝูเฟิงอีกสองคน
ผู้แข็งแกร่งนอกพิภพสองคนนั้นมีพลังน่ากลัวอย่างยิ่งยวด กลิ่นอายปะทุมาก็บดบังฟ้าดิน แต่ยังไม่อาจสู้ดาบเดียวของเทพดาบได้
อยู่ห่างออกไปพันลี้ เด็ดศีรษะคนง่ายราวล้วงมือหยิบของในกระเป๋า
ดาบเดียวปลิดวิญญาณ
ขุนนางของจักรพรรดิจอมปลอมที่อยู่ในงานเลี้ยงกลัวจนฉี่ราด
เหตุที่เจิ้นซีอ๋องกล้าแข็งข้อเช่นนี้ก็เพราะได้รับการสนับสนุนจากขั้วอำนาจนอกพิภพ คิดว่าจะต่อกรกับหลี่มู่ได้ ทว่ากลับล้มเหลวโดยสิ้นเชิงอย่างรวดเร็ว
รวมถึงขั้วอำนาจนอกพิภพที่ยุยงเขาก็ผิดหวังเช่นกัน
สำหรับคนมีใจมุ่งมั่นบางคนที่รู้เรื่องภายใน ขั้วอำนาจนอกพิภพนี่น่าจะเป็นสำนักใหญ่ในเขตดาราเทพวีรชน ส่งลูกศิษย์ลงมาสองคนในทีเดียว
ขั้วอำนาจนี้ไม่กล้าต่อกรกับสำนักมารฟ้าที่สนับสนุนจักรพรรดิฉินหมิง อย่างไรเสียสำนักมารฟ้าก็เป็นหัวหอกใหญ่ของเขตดาราเทพวีรชน ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงที่จะปะทะกับจักรพรรดิฉินหมิงซึ่งหน้า แต่กลับประมาทหลี่มู่ไป คิดว่าเขาเป็นแค่คนแข็งแกร่งไม่มีที่พึ่ง จึงต่อกรและท้าทายซึ่งหน้า คาดว่าอาศัยประโยชน์จากผู้อื่นเช่นกัน
ใครจะรู้ว่ากลับถูกหลี่มู่ใช้วิชาดาบเหินหาวไฟจักรพรรดิเด็ดศีรษะคนเหมือนตัดต้นกุยช่ายจากระยะหลายพันลี้
“หึๆ ไม่มีประสบการณ์สินะ มาต่อกรกับหลี่มู่…”
บางคนแอบหัวเราะเยาะ
ณ ขณะนี้ ขั้วอำนาจเจิ้นซีอ๋องล่มสลายแล้วโดยสมบูรณ์
นี่ก็คือคำตอบที่หลี่มู่มอบให้
เจิ้นซีอ๋องสิ้นชีพ อำนาจทางการเมืองของจักรพรรดิจอมปลอมพังทลาย
บุคคลอันดับสองของเมืองฝูเฟิงจนปัญญา ต้องเขียนจดหมายยอมแพ้ยื่นต่อเชื้อพระวงศ์ฉินตะวันตก
ทั่วหล้าฮือฮา
คำตอบของหลี่มู่ทรงพลัง แข็งแกร่งและเปี่ยมอำนาจถึงเพียงนี้ และได้ผลเช่นนี้อีก นี่แตกต่างไปจากรูปแบบการกระทำของเขาก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
หลายคนรู้สึกว่าหลังจากขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของแผ่นดิน เด็กหนุ่มจากเมืองขาวพิสุทธิ์คนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย กลายเป็นแข็งแกร่งและเฉียบแหลมขึ้น
“หากมีใครยังไม่ยอมเชื่อฟังอีก ก็จะมีจุดจบเช่นนี้”
เสียงของหลี่มู่ดังก้องไปทั่วทั้งสองจักรวรรดิใหญ่
บนแผ่นดินฉินตะวันตก ขุนนางศักดินาจากเมืองต่างๆ ทั้งหลายที่ตั้งธงกบฏ ตอนนี้เสียใจภายหลังเป็นอย่างยิ่ง ทำได้แค่เอาอย่างเมืองฝูเฟิง ขอโทษและรับผิดกับเมืองหลวงฉินตะวันตก อ้อนวอนขอขมา ไม่กล้าเคลื่อนกำลังพลอาวุธใดๆ อีก
สำนักและตระกูลต่างๆ ในดินแดนต่างจำต้องอดกลั้นและสงบลง
สถานการณ์บีบบังคับนัก
ในเวลาเดียวกันนี้ อ๋องกบฏทั้งเจ็ดของซ่งเหนือรวมถึงอี้อ๋องที่อำนาจอิทธิพลแข็งแกร่งที่สุดก็ยุติการโจมตีทันที จากนั้นถอยกลับไปยังที่ของตน ทั้งยังมอบดินแดนอื่นๆ ที่ฮุบไปก่อนหน้านี้คืนให้หมด
ไม่มีใครมั่นใจว่าจะรับดาบนั้นของหลี่มู่ได้
โลกวิถียุทธ์แผ่นดินใหญ่เสินโจวตอนนี้ ไม่อาจคาดคะเนได้แล้วว่าพลังของหลี่มู่แข็งแกร่งถึงขนาดไหนกันแน่ บางคนเดาว่าเทพดาบหนุ่มคนนี้น่าจะมองทะลุความลับของขั้นทะลวงสวรรค์แล้ว
ดาบชี้ไปใต้ฟ้า ใครเล่าจะสู้ได้?
ยุคสมัยของหลี่มู่มาถึงแล้วโดยสมบูรณ์
หนึ่งคนหนึ่งดาบ ก็ทำให้ทั้งแผ่นดินใหญ่สั่นสะท้าน
เวลาเคลื่อนผ่านไป
หลังจากหลี่มู่จัดเตรียมกิจธุระต่างๆ ในเมืองขาวพิสุทธิ์และสิบเมืองเก้าพื้นที่เรียบร้อย ก็เริ่มปิดด่านฝึกฝน
เขาก็เตรียมตัวไว้สำหรับขุมทรัพย์สุสานเทพที่กำลังจะเปิดขึ้นเช่นกัน
หลี่มู่มีลางสังหรณ์รางๆ ว่า โอกาสวาสนาที่ตัวเองจะทะลวงขั้นเหนือมนุษย์ก้าวสู่ขั้นเทวะอยู่ในการชิงขุมสมบัติสุสานเทพครั้งนี้ อีกทั้งเหล่าขั้วอำนาจนอกพิภพส่งลูกศิษย์มาโดยไม่สนใจว่าต้องเสียสิ่งใด เช่นนั้นก็ยืนยันได้แล้วว่าขุมทรัพย์สุสานเทพต้องน่าตกใจ เย้ายวนใจกว่าที่จินตนาการเอาไว้มากแน่นอน
สิ่งที่หลี่มู่ต้องทำในการปิดด่านคือทำให้พลังฝึกขั้นเหนือมนุษย์ก้าวที่สามของตัวเองเสถียร ก่อนผสมผสานพลังของจักรพรรดิเขียวแดนตะวันออก จักรพรรดิไฟแดนใต้ และจักรพรรดิเหลืองแดนกลางเข้าด้วยกัน
พลังสองอย่างแรกควบรวมจะปะทุไฟจักรพรรดิออกมา เช่นนั้นถ้าสามพลังผสานกันเล่า?
ในวันนั้น มือทรายที่ยื่นจากใต้ดินในด่านเมืองมังกรคว้าขาของพวกผู้แข็งแกร่งสำนักและตระกูลต่างๆ เอาไว้ ทำให้พวกเขาขยับไม่ได้ เป็นการใช้พลังของพลังธาตุดินจักรพรรดิเหลืองแดนกลาง
จอมยุทธ์ของโลกนี้ฝึกฝนห้าธาตุรวมเป็นหนึ่ง อันที่จริงคือฝึกฝนพลังหลักหนึ่งอย่าง ฝึกเสริมอีกสี่อย่าง และใช้วิชานึกนิมิตรหล่อหลอมปราณแท้ของตน น้อยคนนักจะเหมือนกับหลี่มู่ที่ฝึกห้าพลังในเวลาเดียวกัน นี่ขึ้นอยู่กับกำลังภายในกับวิชาที่ฝึกของจอมยุทธ์ และ ‘วิชาก่อนกำเนิด’ ของหลี่มู่เป็นวิชาประเภทฟ้าประทาน ช่วยเพิ่มโอกาสในการฝึกฝนห้าธาตุพร้อมกัน
เวลาผ่านไป
เพียงพริบตา หนึ่งเดือนก็ผ่านพ้น
แผ่นดินใหญ่เสินโจวสุขสงบและสันติอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
นับจากประกาศวิชาเต๋าทั้งสามของหลี่มู่ ในระยะเวลาอันสั้นก็ไม่มีใครกล้าท้าทายความน่าเกรงขามของผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งผู้นี้อีก ทุกที่คลื่นลมสงบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา