“อะไรนะ เขา…พูดเช่นนี้รึ?” จักรพรรดิหนุ่มแห่งซ่งเหนือได้ยินคำตอบของปาเสียนอ๋องแล้ว หน้าก็เปลี่ยนสี ณ ตรงนั้นทันที “เขากล้ารังแกข้าเช่นนี้ เขา เขาเหมือนว่าจะกล้าจริงๆ ด้วย…เสด็จอา จะทำอย่างไรดี?”
จักรพรรดิหนุ่มปากบอกโมโห แต่ในใจลนลานแล้ว
ปาเสียนอ๋องตอบ “ฝ่าบาท มีเพียงยอมรับปากเท่านั้น ไม่มีวิธีอื่นแล้ว เทวะหลี่หากตัดสินใจแล้ว ไม่มีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงแน่ อีกทั้งหม่อมฉันยังรู้สึกว่านี่ก็ทำเพื่อประชาชนที่อยู่ในเมือง แผ่นดินไหวถี่ขึ้น ในเมืองหลินอันน่าจะเกิดเรื่องใหญ่บางอย่างขึ้น”
จักรพรรดิหนุ่มทอดถอนใจ
คราวนี้ไม่อาจละเลยได้แล้ว
จักรพรรดิก็ต้องดูสีหน้าของคนอื่นด้วย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าจะรีบถ่ายทอดราชโองการ” จักรพรรดิซ่งเหนือถึงแม้จะกลัดกลุ้ม แต่ก็เด็ดขาดและกล้าหาญ ในเมื่อตัดสินใจศิโรราบต่อหลี่มู่ เช่นนั้นก็จะไม่ยืดเยื้อเวลา รีบสั่งคนร่างราชโองการทันที
ด้วยเหตุนี้ หลังจากราชโองการฉบับหนึ่งร่างเสร็จ ก็ส่งม้าเร็วออกไปแจกจ่ายให้กับกรมการปกครองต่างๆ เริ่มย้ายประชากรในเมืองกันทั้งวันทั้งคืน
อำนาจการปกครองของจักรวรรดิขับเคลื่อน
ระบบการปกครองของซ่งเหนือเปลี่ยนไปมาหลายปี ถึงแม้ซับซ้อนมากแล้ว แต่อย่างไรเสียก็เหมือนกับเครื่องจักรเก่าขึ้นสนิมเครื่องติด มีผลลัพธ์ที่ขั้วอำนาจใดก็ไม่อาจเทียบได้
วันที่สอง ประชาชนค่อนเมืองหลินอัน รวมทั้งกองทัพที่ปักหลักและขุนนางระดับต่างๆ พากันย้ายออกไป ตอนบ่ายของวันที่สามก็มีประชากรทั้งหมดเจ็ดส่วนสิบย้ายออกไป
ยังเหลืออีกสามส่วน แต่คนพวกนี้ไม่เชื่อว่าจะมีภัยพิบัติมาเยือน ต่อให้สองวันนี้เกิดแผ่นดินไหวน้อยใหญ่หลายสิบครั้ง แต่กลับใช้เหตุผลต่างๆ ปฏิเสธไม่ยอมเคลื่อนย้าย
สำหรับคนพวกนี้ หลี่มู่ไร้ซึ่งคำพูด
เขาไม่ใช่พระโพธิสัตว์ที่ลงมาช่วยคนทุกข์ยาก ไม่อาจช่วยได้ทุกคน อีกทั้งต่อให้เป็นพุทธองค์ ก็ทำได้แค่โปรดคนที่มีวาสนาเท่านั้น คนจะอยู่รอความตาย หลี่มู่จะทำอะไรได้?
แผ่นดินไหวในเมืองหลินอันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
วันที่ห้า แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงเข้าโจมตี วังหลวงที่มีค่ายกลลายดาราคุ้มกันยังถล่มลงไปเป็นหลุมลึก ประหนึ่งถูกแผ่นดินกลืนลงไปอย่างไรอย่างนั้น สภาพเมืองหลินอันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง แม่น้ำหลายสายเปลี่ยนทางน้ำ ภูเขาพังถล่ม ทะเลสาบหนองบึงแห้งเหือด…
คนที่อยู่ในเมืองบาดเจ็บล้มตายไปกว่าครึ่ง ถึงจะทยอยกันย้ายออกไป
ข่าวภัยพิบัติต่างๆ เริ่มลือไปถึงนอกเมือง
ส่วนหลี่มู่ก็ยังคงจับตาอยู่ตลอด
ตอนนี้เขายิ่งแน่ใจ สุสานเทพที่ว่าน่าจะซ่อนอยู่ใต้ดินเมืองหลินอัน แผ่นดินไหวกับหลุมสวรรค์ที่เกิดขึ้นล้วนเกิดจากพลังชีพจรมังกรใต้ผืนดินเริ่มปั่นป่วนและทะลักล้นออกมาข้างนอก
หลังจากนั้นสิบวัน หลี่มู่ก็มั่นใจเต็มร้อย สุสานเทพจะต้องอยู่ใต้เมืองหลินอันแน่
เพราะเนตรสวรรค์ของเขาจับสัมผัสได้ว่าใต้เมืองหลินอันมีพลังเทพที่น่าหวาดหวั่นมหาศาลหล่อเลี้ยงอยู่ ในขณะเดียวกันก็มองเห็นกลุ่มสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมาใต้ดินได้รางๆ ดูประหนึ่งต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว งอกงามมาจากข้างใต้ ทะลุพื้นดินของเมืองหลินอันขึ้นมา
“ใช่แล้ว สุสานเทพ สุสานเทพ ในเมื่อมีคำว่าสุสาน คิดดูแล้วก็น่าจะเหมือนกับสุสานของมนุษย์ ซ่อนไว้ลึกใต้ผืนดินเหมือนกัน…”
หลี่มู่เฝ้ารอคอย
ถึงแม้จะรับรู้ว่าใต้ดินมีสุสานเทพ แต่ว่ากลับไม่อาจเข้าไปข้างในก่อนได้
เพราะหลังจากสำรวจในรอยแยกบนพื้นติดต่อกันหลายครั้ง หลี่มู่พบว่าพลังเทพที่น่ากลัวขุมนั้นราวเกราะคุ้มกันปกคลุมพื้นที่ใต้ดินสามสิบจั้งไว้ ด้วยความสามารถของเขาก็ยังไม่อาจทำลายได้
ในความทรงจำของปีศาจเพลิงทมิฬบอกเอาไว้ ยามสุสานเทพเปิดจะมีค่ายกลชั้นเลิศปกป้อง หลังจากที่เปิดออกเอง คนนอกถึงจะเข้าไปได้ มิฉะนั้น ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งที่ข้ามสะพานเป็นตายเปิดเส้นทางลงมาเยือน ก็ยังไม่อาจฝืนทำลายเข้าไป
ทำได้แค่รอต่อไป
เวลาเดียวกัน หลี่มู่สัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายพลังที่ซ่อนเร้นเป็นอย่างยิ่งหลายสิบสายเข้ามาในเมืองฉางอัน แอบซ่อนอยู่ในทุกที่
เห็นได้ชัดว่าผู้แข็งแกร่งชั้นยอดที่แท้จริงจากฝั่งต่างๆ รวมถึงผู้สืบทอดสำนักในห้วงดาราสมุทรนอกพิภพที่ลงมาเยือนแล้วบางคนก็กำลังรอสุสานเทพเปิด เตรียมพร้อมเข้าไปในสุสานเทพเพื่อชิงโอกาสวาสนาทุกเวลา
หลี่มู่ลองชิงลงมือก่อนได้เปรียบ ลากคนพวกนี้ออกมาจากในที่ลับ จัดการก่อนชุดหนึ่ง เพื่อลดความดุเดือดของการช่วงชิงหลังจากสุสานเทพเปิดอย่างแท้จริง
ทว่า หลังจากที่เขาใช้พลังอัสนีสังหารผู้สืบทอดของสำนักนอกพิภพสำนักหนึ่งชื่อว่าทะเลตาข่ายสวรรค์ไปสองคน ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการแหวกหญ้าให้งูตื่น ดังนั้นผู้แข็งแกร่งคนอื่นจึงต่างซ่อนกายอย่างระมัดระวัง หลี่มู่ไม่อาจหาพวกเขาพบในทันที…
อย่างไรเสียก็เป็นผู้สืบทอดของสำนักนอกพิภพ มีไม้เด็ดไร้เทียมทานที่เป็นของตัวเองกันทั้งนั้น
วันที่สิบห้าเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีก
แสงมารสีดำทะลักมาจากใต้ดินเมืองหลินอัน พวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้า ทะเลแสงท่วมเมืองหลินอันจนมิด มีเสียงหวีดร้องน่าขนลุกเหมือนวิญญาณแค้นในนรกดังออกมาจากทะเลแสงสีดำ ราวกับประตูนรกเปิดออก
วันนี้ นายแห่งวิหารเทพหมาป่ากัวอวี่ชิงมาถึงเมืองหลินอัน เพื่อมารวมตัวกับหลี่มู่
หลี่มู่เชิญกัวอวี่ชิงมา
การชิงสมบัติสุสานเทพสำคัญยิ่งนัก หลี่มู่ไม่กล้าประมาท ตอนที่ออกมาจากเมืองขาวพิสุทธิ์จึงส่งวานรภูเขาขนทองหยวนโห่วไปเชิญกัวอวี่ชิงมา กัวอวี่ชิงก็ไม่บ่ายเบี่ยง หลังจากจัดการที่พักอาศัยให้ภรรยาและลูกเรียบร้อยแล้ว ก็รับคำเชิญมายังเมืองหลินอัน
“พี่น้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ใช้พลังได้มหาศาล”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา