ชายชราร่างสูงที่สวมรัดเกล้าทองบนศีรษะ บนบ่ามีเด็กผู้หญิงนั่งอยู่หนึ่งคน ซัดหมัดออกทีละหมัดๆ คลื่นพลังสั่นกระเพื่อม พลานุภาพไร้เทียมทาน ส่วนคู่ต่อกรของเขาเป็นหญิงชราหลังค่อมคนหนึ่ง ไม้เท้ายาวสีดำในมือร่ายรำดุจสายลม สั่นสะท้านเสียงดังหึ่ง พลังแกร่งกล้าอาจหาญ ทุกท่าทุกกระบวนต้องการจะให้พินาศไปด้วยกัน และต้านทานชายชราสวมรัดเกล้าทองอย่างสุดกำลัง…
ส่วนอีกด้านเป็นพี่น้องสองสาวคู่หนึ่ง กำลังคุมเชิงกับชายหญิงเผ่าผู้วิเศษจากแผ่นดินสุดแดนใต้ แม้จะยังไม่ลงมือ ทว่ากลับมีพลังประหลาดบางอย่างลอยกระจายอยู่ระหว่างกันและกัน พลังงานราวกับเขื่อนที่เก็บน้ำฝนน้ำหลากจากภูเขาเอาไว้ ระเบิดทะลักออกไปกว่าพันลี้ได้ทุกเมื่อ
ในตำหนักเซียนเหิน สถานการณ์ตึงเครียดถึงขีดสุด
และตรงกลางระหว่างคนสี่กลุ่มนี้ บนแท่นบูชาหยกขาวมีระฆังยักษ์สีทองเหลืองใบหนึ่ง
ระฆังใบนี้หลอมจากทองเหลือง สูงสามฉื่อ ด้านบนเล็กด้านล่างใหญ่ ดูราวไม่มีน้ำหนัก ลอยอยู่ท่ามกลางรัศมีของแท่นบูชาหยกขาวและหมุนวนอย่างเชื่องช้า ตัวระฆังมีอักขระประหลาดเต็มไปหมด ส่วนด้ามจับระฆังยาวกว่าตัวระฆัง ความยาวเจ็ดฉื่อเต็ม ด้านบนสลักรูปนูนที่ราบลุ่มแม่น้ำเอาไว้ รูปร่างไม่สอดคล้องกันเลย แปลกประหลาดยิ่งนัก!
“ระฆังสะท้านวิญญาณ?” ครั้นชายจมูกงุ้มเห็นก็อุทานอย่างตกใจ
ลมหายใจของชายคิ้วติดกันและศิษย์สำนักกำเนิดฟ้าเปลี่ยนเป็นถี่กระชั้นทันที ดวงตาฉายประกายละโมบให้เห็น
“ใครกัน?”
ชายชราร่างกำยำสวมรัดเกล้าทองกับหญิงชราหลังค่อมที่กำลังต่อสู้กันตื่นตัวไวมาก ผละออกจากกันทันที และมองไปยังประตูทางเข้าตำหนัก
สองสาวพี่น้องกับคนจากเผ่าผู้วิเศษก็เก็บมือทันใด ป้องกันไม่ให้คนมาชุบมือเปิบ
หลี่มู่ที่แอบย่องเข้ามาจนถึงหน้าแท่นบูชาหินหยก ยื่นมือไปเกือบจะสัมผัส ‘ระฆังสะท้านวิญญาณ’ ได้แล้ว กลับรู้สึกได้ถึงกระแสปราณอันน่าสะพรึงกลัวสี่สายพุ่งเข้ามาประหนึ่งน้ำป่าไหลหลาก ยึดตัวเขาจนหยุดนิ่ง
หลี่มู่รู้สึกได้อย่างชัดเจนยิ่ง หากตนเองยื่นมือไปคว้า ‘ระฆังสะท้านวิญญาณ’ ละก็ จะต้องถูกสี่ยอดฝีมือรุมโจมตีในเวลาเดียวกันแน่
กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของแท้
“ทุกท่านอย่าเข้าใจผิด ข้าแค่อยากลองลูบๆ ดูเฉยๆ ดูว่านี่ใช่ทองเหลืองหรือไม่ แหะๆ…” หลี่มู่อึ้งๆ หัวเราะเสียงแห้ง จากนั้นค่อยๆ ดึงมือทั้งสองกลับมา หลีกเลี่ยงการตกเป็นเป้าโจมตีของทุกคน
ยอดฝีมือทั้งสี่แข็งแกร่งนัก ไม่ใช่คนที่พวกอัปลักษณ์อย่างสำนักกำเนิดฟ้าสี่คนนั้นจะเทียบได้ ค่อนข้างตึงมือทีเดียว หนึ่งต่อหนึ่งหลี่มู่ไม่กลัว แต่ถ้าหนึ่งต่อสี่ก็อันตรายไปหน่อย
ขั้วอำนาจทั้งสี่กลุ่ม เมื่อเห็นก็ผ่อนลมหายใจลงได้บ้าง สลายพลังที่รวมไว้ออกไป
หากดูจากแค่การแต่งตัวของหลี่มู่ เหมือนกับขอทานที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ มองถึงที่มาที่ไปอื่นไม่ออก และก็ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน ความเร็วในการลอบเร้นเมื่อครู่ถือว่ารวดเร็วจริงๆ ถ้าไม่ใช่ว่าที่ประตูตำหนักมีเสียงตกใจของคนดังขึ้น พวกเขาคงไม่ถูกพบตัว หลี่มู่คงคว้ามาได้ไปแล้ว
“นายท่านทั้งสี่ ขอโทษด้วย ถูกพบตัวเสียแล้ว ข้าทำพลาด” หลี่มู่เดินกลับมาที่ประตูทางเข้า ผงกศีรษะให้กับพวกชายจมูกงุ้มสี่คน จากนั้นกลับไปยืนด้านหลังศิษย์สำนักกำเนิดฟ้าทั้งสี่อย่างว่าง่าย
พวกชายจมูกงุ้มสี่คนมีสีหน้างงงวย
พี่ชายยอดฝีมือ เล่นอะไรล่ะนี่ มาเรียกว่านายท่านทำไมกัน?
“รีบแสดงให้เนียนหน่อยเร็ว เมื่อครู่ถ้าไม่ใช่เพราะคนโง่เง่าอย่างพวกเจ้าสี่คนเอะอะ ก็คงแย่ง ‘ระฆังสะท้านวิญญาณ’ มาได้แล้ว” หลี่มู่ส่งเสียงดุด่าทางจิต
พวกชายจมูกงุ้มสี่คนเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ได้รางๆ
ก็คือจะเอาพวกเขาสี่คนไปดึงดูดไฟสงครามสินะ
ทว่า พวกเขาต่อต้านได้หรือ? แน่นอนว่าไม่
“แค่กๆ…” ชายจมูกงุ้มไอเบาๆ เดินช้าๆ เข้าไปด้านในตำหนักใหญ่ก่อนเอ่ยว่า “สมบัติสุสานเทพ ผู้ที่พบถือว่ามีวาสนา ‘ระฆังสะท้านวิญญาณ’ ใบนี้พวกเราก็มีสิทธิ์จะแย่งชิงด้วยเช่นกัน”
“ถูกต้อง” ชายคิ้วติดกันยิ้มเย็นชาเอ่ยตาม
ศิษย์สำนักกำเนิดฟ้าที่เหลืออีกสองคนแยกไปยืนเรียงแถว
“สำนักกำเนิดฟ้า?” หญิงชราไม้เท้าดำกวาดตามอง หัวเราะกล่าว “ส่งลิ่วล้อที่เพิ่งผ่านขั้นสะพานเป็นตายมาได้อย่างพวกเจ้าสี่คนมา? ถ้าไม่อยากตายก็รีบไสหัวไป” หญิงชราที่ดูเหมือนถูกลมพัดวูบเดียวก็ล้มลงเอ่ยข่มอย่างวางท่าใหญ่โต
“แม่เล้าเฒ่า พูดจาใหญ่โตไม่กลัวลิ้นตัวเองหายหรือ” ชายจมูกงุ้มหัวเราะหยัน “ดูท่าทางเจ้า ก็เป็นแค่พวกผู้ฝึกไร้สังกัดเท่านั้น แก่จวนจะลงโลงอยู่แล้ว อย่าเอาชีวิตมาทิ้งที่ดาวขยะดวงนี้เลย รีบไสหัวไปเถอะ”
“เจ้าเด็กปากบอนรนหาที่ตาย” หญิงชราสะบัดไม้เท้าดำ พุ่งตรงเข้ามาราวกับมารคลั่ง ใช้วิชาไม้เท้าลึกลับ พลังสุดแสนน่ากลัว
“กลัวเสียที่ไหน” ชายจมูกงุ้มฟาดฝ่ามือทั้งคู่ แสงสว่างส่องวิบวับ กลางฝ่ามือมีค้อนใหญ่สีทองดำสองอันปรากฏออกมา ร่ายรำดุจสายลมแล้วพุ่งเข้าไปปะทะ
ตูม!
ไม้เท้าดำกับค้อนเหล็กปะทะกัน แสงทองสาดไปรอบทิศ
ชายจมูกงุ้มถอยออกมา สีหน้าซีดเล็กน้อย ตะโกนขึ้นว่า “ยายแก่บ้าคนนี้ร้ายกาจนัก พี่น้องเรา ลุยเข้าไปด้วยกัน”
ชายคิ้วติดกันเรียกกระบองยาวสีเหลืองที่มีอักขระสลักออกมา จากนั้นเข้าไปช่วยล้อมโจมตี
ในตำหนักใหญ่มีเสียงเคร้งคร้างดุจตีเหล็กดังสนั่น
สำนักกำเนิดฟ้าฝึกสายกายาทองกำเนิดฟ้า ฝึกฝนกายเนื้อ ศิษย์ในสำนักทุกคนมีพลังกายสูง ผิวหนังทนทาน อาวุธที่เลือกใช้ล้วนเป็นอาวุธหนักจำพวกค้อนกระบอง โจมตีแข็งแกร่งดุดัน เปิดเผยไม่อ้อมค้อม
ชายจมูกงุ้มและชายคิ้วติดกันร่วมมือกัน ครู่เดียวก็ต้านทานหญิงชราผมขาวหลังค่อมได้อยู่หมัด
ทว่าหลี่มู่มองออก รอนานอีกหน่อยทั้งสองจะแพ้แน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา