ศิษย์สำนักกำเนิดฟ้าสี่คนนี้ก็ช่างไม่มีอนาคตจริงๆ
ตัวเองก็ดาษดื่นธรรมดาอยู่แล้ว ยังจะไปรับคนพื้นเมืองไม่ได้เรื่องมาเป็นคนรับใช้ ซ้ำยังพามาที่สุสานเทพเพื่อช่วยพวกเขาเก็บอาวุธเต๋าชั้นเยี่ยมตามเมืองต่างๆ อีก...
เป็นเนื้อสุนัขที่ไม่มีวันได้ยกขึ้นโต๊ะดังคาด
ในใจของเหล่ายอดฝีมือต่างรู้สึกเหยียดหยาม
พวกเขามองออกตั้งแต่แรกแล้ว หลี่มู่กับกัวอวี่ชิงเป็นชาวพื้นเมืองของดาวดวงนี้ มองออกได้จากกลิ่นอายวิถียุทธ์ซึ่งโกหกไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น หลี่มู่ยังเป็นเพียงก้าวที่สามขั้นเหนือมนุษย์เท่านั้น ก็แค่นกที่อ่อนแอไม่ใช่หรือ?
การต่อสู้ยิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
เหล่ายอดฝีมือพากันแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา
สำนักกำเนิดฟ้าทั้งสี่คนมีกำลังอ่อนแอมากที่สุด ค่อยๆ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถอยร่นอยู่ตลอด ดูท่าจะต้านไม่ไหวแล้ว
ตูม!
เสียงสนั่นดังขึ้นมา
ชายจมูกงุ้มและชายคิ้วติดกันสองคนถูกหญิงชราซัดจนกระอักเลือดลอยถอยออกไป
อีกด้าน วิชาฝ่ามือของพี่สาวรูปร่างเย้ายวนราวกับกวนอิมพันกร รอยประทับฝ่ามือที่ทับซ้อนเป็นชั้นๆ บดขยี้เข้ามาประดุจผีเสื้อหยกไร้ซึ่งขอบเขต ทุกฝ่ามือแฝงไว้ด้วยพลังสะเทือนฟ้า ศิษย์ร่างผอมสูงกับพวกก็ทานไว้ไม่ได้ ถูกโจมตีจนหัวหมุนมึนงง ลอยม้วนออกไปเหมือนตุ๊กตาผ้าขาด…
“เหอะๆ เป็นแค่สำนักระดับสองยังกล้ามาชิง ‘ระฆังสะท้านวิญญาณ’…ตายด้วยน้ำมือแม่เฒ่าคนนี้เสียเถอะ” หญิงชราผมขาวมีจิตสังหารไหลเวียน โบกสะบัดไม้เท้าดำ ต้องการจะช่วงชิงชีวิตของชายคิ้วติดกันกับชายจมูกงุ้มให้ได้
การแย่งชิงสมบัติสุสานเทพเดิมทีต้องเดิมพันด้วยชีวิตอยู่แล้ว เมื่อได้เปรียบต้องสังหารให้สิ้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ลมวสันต์พัดฟื้นกลับมาใหม่ ถึงอย่างไรนอกจากระฆังสะท้านวิญญาณแล้วก็ยังต้องแย่งชิงสมบัติอื่นๆ อีก ใครจะรู้ว่าครั้งต่อไปจะได้เจอกันอีกหรือไม่
ดังนั้นสังหารในครั้งเดียวคือการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด
พี่สาวรูปร่างเย้ายวนคนนั้น บนใบหน้าเผยยิ้มพราย แต่พลังฝ่ามือกลับไม่ออมแรงสักนิด อีกทั้งเหยียบซ้ำคนล้มให้จมดิน ประทับเข้าใส่ศิษย์สำนักกำเนิดฟ้าสองคนที่เหลือราวฟ้าถล่ม จิตสังหารรุนแรงนัก
ตูม!
เสียงดังกระหึ่ม แสงเลือดสาดกระเซ็น
ครั้งนี้เป็นชายชราสวมรัดเกล้าทองซัดหนึ่งหมัดใส่ชายเผ่าผู้วิเศษที่ร่างกายขยายใหญ่จนระเบิด ราวกับหนึ่งหมัดซัดแตงโมแตกกระจุย ของเหลวสีขาวสีแดงกระเซ็นไปสี่ทิศ…
แสงขาวสายหนึ่งบินออกจากร่างที่แหลกเละ กลับมายังถาดหยกในมือของเด็กชายเผ่าผู้วิเศษ
“สมควรตาย ร่างของนักรบเผ่าผู้วิเศษบนโลกนี้ช่างอ่อนแอเสียจริง ไม่อาจรองรับพลัง ‘ถาดหยกนำโชค’ นี้ได้….” ในดวงตาของเด็กชายมีความชั่วร้ายและเดือดดาลที่ไม่สมกับอายุสักนิด
ระหว่างที่พูด ถาดหยกขาวในมือเขาบินออกมาครั้ง และตกลงไปในร่างนักรบหญิงเผ่าผู้วิเศษสองคน หญิงสาววัยแรกแย้มสองคนนี้สายตาแข็งทื่อในฉับพลัน จากนั้นความรู้สึกคล่องแคล่วอย่างคนมีชีวิตหายไป ร่างกายขยายออกจนเสื้อผ้าอาภรณ์ขาดวิ่น ร่างกายบนล่างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ไม่เหลือความงามอ่อนช้อยของสตรีอยู่เลย ราวกับเป็นลิงยักษ์ตัวสีขาวอย่างไรอย่างนั้น
“สังหารเจ้าลิงยักษ์สวมรัดเกล้าทองนั่นเสีย” เด็กน้อยคำรามอย่างดุร้าย
นักรบหญิงสองคนตรงเข้าล้อมสังหารชายชราผมขาวสวมรัดเกล้าทองโดยไม่รีรอ
ทว่าชายชรากลับคำรามครั้งหนึ่ง หนึ่งหมัดหนึ่งคน ดังสนั่นสองที ก็จัดการนักรบหญิงทั้งสองจนระเบิดกลายเป็นละอองเลือดทันใด
“อะไรกัน?” เด็กชายตกตะลึง ดวงตามีแต่ความพยาบาท
เขาร้องเสียงแหลม เผยเขี้ยวแหลมคมเต็มปากราวสัตว์ป่าออกมาให้เห็น ดวงตาดำสนิท จากนั้นคำรามเดือดดาล “เจ้าลิงเฒ่า เจ้าถูกคนสวมรัดเกล้าทองให้ โดนตัดพลังบำเพ็ญไปจนหมดเหมือนกับบรรพบุรุษเจ้า กลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่ถูกเลี้ยงไว้ในคอก ยังจะกล้ามาแยกเขี้ยวเช่นนี้อีก วันนี้ข้าจะสังหารเจ้าเสีย”
เสียงแหลมนี้ราวกับจะแทงทะลุแก้วหู
“หุบปาก หนวกหูจริง” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา
จากนั้นจึงเป็นเสียงระฆังสั้นๆ เสียงหนึ่ง
ทุกคนในตำหนักเซียนเหินรู้สึกคล้ายถูกตีจนดาวขึ้นในพริบตา เวียนหัวตาลายจนแทบจะยืนไม่อยู่ ตื่นตระหนกอย่างฉับพลัน ไม่สนใจการต่อสู้อีกและรีบดึงตัวถอยฉากออกมา ต่างฝ่ายต่างรวมพลังระมัดระวังตัว พลางจ้องมองไปยังใจกลางตำหนัก
เห็นร่างคนผู้หนึ่งที่สวมเกราะระเกะระกะยืนอยู่บนแท่นบูชาหยก มือข้างหนึ่งถือ ‘ระฆังสะท้านวิญญาณ’ ใบหน้ามีรอยยิ้มได้ใจที่ยากจะสะกดเอาไว้ เกือบจะแหงนหน้าหัวเราะร่าแล้ว
หลี่มู่นั่นเอง
ทุกคนมึนงงไปหมด
เกิดอะไรขึ้น?
เจ้าคนรับใช้ของสำนักกำเนิดฟ้าไปหยิบตั้งแต่เมื่อไร?
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้สึกตัวเลยหรือ?
คราวนี้แย่แล้ว ‘ระฆังสะท้านวิญญาณ’ ดันไปตกอยู่ในมือคนรับใช้นี่เสียได้
“เจ้าหลอกกันหรือ?” เด็กชายเผ่าผู้วิเศษหายใจติดขัดด้วยความโกรธ
พี่สาวรูปร่างเย้ายวนก็มีสีหน้าตกตะลึง ดึงตัวน้องสาวที่ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่มาไว้ข้างกาย ทำท่าทางไม่สนว่าฝ่ายหลังจะควงดาบยาวพุ่งเข้าไปสังหารคนหรือไม่ แต่ใช้สายตาทำความรู้จักเสียใหม่สำรวจตัวหลี่มู่ ตอนนี้เองถึงรู้ว่าเมื่อครู่ถูกการแสดงหลอกเอาเสียแล้ว
“ว้า พี่ชาย ท่านนี่หน้าเนื้อใจเสือจริงๆ” เด็กน้อยที่ใส่ตู้โตวสีแดงกลับไปนั่งบนบ่าของชายชราสวมรัดเกล้าทองหัวเราะคิกคักพลางมองไปที่หลี่มู่ ไม่รู้ว่าเป็นคำชมหรือคำประชด
สองตาของหญิงชราไม้เท้าดำมีไฟลุกโชน “เจ้าเศษสวะ เจ้ากล้าวางแผนหลอกแม่เฒ่าอย่างข้ารึ?”
เหตุใดยังมาด่าคนอื่นเสียๆ หายๆ อีก?
หลี่มู่ตอนนี้ก็ไม่ยินดีด้วยแล้ว “หลอกเจ้านั่นแหละยายแก่”
“รนหาที่ตาย” หญิงชราไม้เท้าดำอึ้งงัน ถูกยั่วโมโหจนแทบบ้าทันที ร่างไหววูบราวสายฟ้าพุ่งเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง เงาไม้เท้าสีดำเข้มกระจายอยู่ทั่ว หมายจะเข้าไปทุบศีรษะของหลี่มู่
หลี่มู่ยกมือชกไปหนึ่งหมัด
หมัดพุ่งผ่านเงาไม้เท้า ไม่เฉไม่เอียง ซัดเข้าไปตรงๆ ที่กลางไม้เท้าดำ
ตูม!
หญิงชราไม้เท้าดำรู้สึกเหมือนมีพลังขนาดยักษ์โถมเข้ามา ควบคุมตนเองไม่ได้เสมือนลอยวนอยู่กลางพายุ ถูกกระแทกจนกระอักเลือดลอยออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา