“เข้าไปดูก่อนค่อยว่ากัน”
หมิงเยวี่ยอดรนทนไม่ไหว
หยวนโห่วเดินเข้าไปผลักประตู
เขาบำเพ็ญวิชาปาจิ่วเสวียนมา พูดได้ว่ามีพละกำลังแห่งเทพ สามารถขยับขุนเขาเคลื่อนย้ายหน้าผาได้ มีพลังกายเนื้อรองลงมาจากหลี่มู่เท่านั้น ทว่าเมื่อสองมือทาบบนห่วงประตู ไม่ว่าจะออกแรงสักเท่าใด บานประตูกลับไม่ขยับแม้แต่น้อย ใช้แรงจากการดื่มนมจนหมด ก็ยังไม่สามารถผลักประตูให้เปิดออกได้
“ไม่ไหว ประตูบานนี้มีวิชาเต๋าปิดผนึกไว้” หยวนโห่วสั่นศีรษะ เขาเปิดไม่ออก
“อ๋า? พี่วานรไหวไหมเนี่ย” หมิงเยวี่ยหัวเราะคิกคักเอ่ยต่อ “ให้ข้าลองดูหน่อย”
มือเล็กทาบลงบนประตู
ก็ไม่รู้ว่าตาลายหรืออย่างไร ทุกคนล้วนรู้สึกว่าขณะที่มือขาวนุ่มเล็กบางของหมิงเยวี่ยทาบลงบนบานประตูใหญ่ของวัดห้าแผ่นดิน เหมือนกับมีแสงกระแสวนเป็นชั้นขึ้นรางๆ ส่องสว่างและหายไปในทันที
เอี๊ยด!
ประตูใหญ่เปิดออกด้วยตัวเองแล้ว
“อะไรกัน?” หยวนโห่วถลึงตาจนแทบจะระเบิด
หมิ่งเยวี่ยลิงโลดขึ้นทันที หันหน้ากลับมาอวดอย่างภาคภูมิใจ “พี่วานร พี่ไม่ไหวแล้วนา ข้าแค่ผลักเบาๆ ประตูก็เปิดออกแล้วเนี่ย”
ชิงเฟิงราวกับครุ่นคิดอยู่
ทั้งสี่คนเข้าไปด้านในประตูใหญ่ ห้องหับเรือนหน้าของอุทยานเรียงเป็นระเบียบ ล้วนสร้างจากอิฐและกระเบื้อง ค่อนข้างมีอายุ เมื่อเดินเข้าไป มีทั้งสวนผัก สวนผลไม้ และยังมีพื้นที่เพาะปลูก เรียงอย่างเป็นระเบียบ บ่อน้ำนับสิบวางอยู่หัวแปลงนา เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งชีวิต
“ที่นี่เป็นวัดเต๋าแห่งหนึ่ง และเคยรุ่งเรืองอย่างมากในช่วงหนึ่ง”
ชิงเฟิงมองแล้ว ตัดสินพิจารณาขึ้นในใจ
สิ่งปลูกสร้างด้านในอุทยาน สอดคล้องกับความเร้นลับแห่งฮวงจุ้ย ต่อให้เป็นเพียงบ่อน้ำหนึ่งบ่อ กระเบื้องหนึ่งแผ่น ล้วนมีความหมายในการคงอยู่บนพื้นที่นั้นทั้งสิ้น ชิงเฟิงเพียงแค่มอง ก็รู้สึกว่าทั่วทั้งตัวได้ตกเข้าไปอยู่ในพลังงานแห่งความลี้ลับบางอย่าง
“ทำไมรู้สึกเหมือนเคยรู้จักที่นี่เลย” หมิงเยวี่ยสังเกตส่วนในอุทยานนี้อย่างแปลกๆ เอ่ยขึ้นว่า “พี่ชิงเฟิง พี่รู้สึกเหมือนกันไหม?”
ชิงเฟิงพยักหน้า “รู้สึกเหมือนเคยเห็นในความฝัน”
หมิงเยวี่ยเอ่ยขึ้นอย่างตกตะลึง “ใช่แล้วใช่แล้ว ข้าก็รู้สึก เหมือนกับเคยฝันเห็นฉากในนี้บางส่วน นี่มันแปลกประหลาดจริงๆ”
หยวนโห่วไม่พูดอะไร
แต่ในใจของเขา ก็เหมือนมีความใกล้ชิดจางๆ เช่นกัน ลักษณะสิ่งปลูกสร้าง การจัดวางรอบๆ ทำให้เขารู้สึกสบายเป็นอย่างมาก
หวางซืออวี่กลับไม่ได้รู้สึกมากมายเช่นนั้น
นางพยายามทวนความจำเรื่องที่เกี่ยวกับวัดห้าแผ่นดินในไซอิ๋วฉบับเก่าที่ตนเองเคยดูมาอยู่ตลอดในหัว หวังว่าจะสามารถยืนยันกับอุทยานที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้ได้ และหาตำแหน่งที่ตั้งของต้นโสมมนุษย์
ตลอดการเดินมาของทั้งสี่ภายในอุทยาน ได้เห็นห้องสงบใจ ห้องฝึกตัน ห้องฝึกฌานเป็นต้น เรียงกันสวยและสงบเงียบ ไม่มีฝุ่นแม้เพียงน้อย และไม่มีพวกหยากใย่แมงมุมอีกด้วย ราวกับว่าทุกวันมีคนมาคอยทำความสะอาดอุทยานแห่งนี้
ทว่าตลอดที่เดินมา ไม่พบกับผู้ใดเลย
บนชั้นหนังสือของห้องฝึกตัน ห้องฝึกฌานบางส่วนล้วนว่างเปล่า
ทั่วทั้งวัดห้าแผ่นดินล้วนว่างเปล่า ไม่พบคน ไม่พบสิ่งของใดๆ มีเพียงห้องว่างๆ เท่านั้น
ห้องเต๋าเรียงเป็นชั้นๆ กว่าร้อยห้อง
วิหารเต๋าที่อยู่ในกลางสุดใหญ่โตมโหฬาร แบ่งเป็นเจ็ดชั้น บนกำแพงด้านหน้า มีอักษรใหญ่สองตัวเขียนไว้ว่า ‘ฟ้าดิน’ ลายมือหม่นๆ มีไว้เพื่อเซ่นไหว้บูชาเทพเจ้า แต่กลับไม่มีเชื้อเพลิงใดๆ ด้านในกระถางธูป มีเขม่าธูปอยู่ครึ่งกระถาง กลิ่นหอมจรุง
ชิงเฟิงที่นั่งอยู่บนรถเข็นพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ใจสั่นกึก บอกกับหมิงเยวี่ยว่า “กระถางธูปนี้ เจ้าติดไปด้วยเถอะ เขม่าธูปด้านในก็ไม่ต้องเททิ้ง รู้สึกเหมือนจะนำมาใช้ประโยชน์ได้”
หมิงเยวี่ยกระโดดออกไป หยิบเอากระถางธูปมาพิจารณาอย่างละเอียด
นี่เป็นกระถางธูปสองหูสามขาที่ทำจากทองเหลือง ผ่านกาลเวลาไปนานแต่ยังดูใหม่เอี่ยม มีสีเหมือนกับทองคำ ไม่มีคราบสันดาปใดๆ ตีออกมาในลักษณะโบราณเรียบง่ายสวยงาม ตัวกระถางสลักอักษรไว้ ไม่รู้ที่มาที่ไป น้ำหนักน่าจะหนักหลายร้อยชั่ง
“ไปเถอะ” ชิงเฟิงมองว่าในวิหารไม่น่าจะมีสิ่งของอื่นใดอีก
หวางซืออวี่จ้องมองตัวอักษร ‘ฟ้าดิน’ บนกำแพงอย่างมึนงง ในใจอดตื่นเต้นเอาไว้ไม่ได้ เพราะในนิยายไซอิ๋วเคยเขียนไว้ ว่าในวัดห้าแผ่นดินของเจิ้งหยวน สิ่งที่กราบไหว้บูชาก็คือฟ้าดินสองคำนี้ เณรน้อยในวัดเคยบอกไว้ ว่าสิ่งที่นอกเหนือจากสองคำนี้ อาจารย์ของพวกเขาล้วนไม่กราบไหว้
นางในตอนนี้ สามารถยืนยันได้ ว่าอุทยานแห่งนี้ จะต้องเป็นวัดห้าแผ่นดินของเจิ้งหยวนต้าเซียนแน่นอน
เช่นนั้นแล้ว ต้นโสมมนุษย์อยู่ที่ใดกัน?
ทั้งสี่คนเดินออกจากวิหารใหญ่ เดินตรงไปทางเรือนหลัง
ครู่ต่อมา ก็ได้มาถึงด้านนอกของสวนผลไม้แห่งหนึ่ง กั้นไว้ด้วยกำแพงล้อม และรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมประหลาดบางอย่าง และมีพลังแห่งชีวิตที่เหมือนกับคลื่นดอกไม้ไร้รูปร่างทะลุกำแพงล้อม สีเขียวมรกตเป็นชั้นๆ
เปิดประตูเข้าไป
ต้นไม้ยักษ์สูงนับสิบจั้งต้นหนึ่ง กิ่งก้านหนาหนัก ต้นหลักขนาดสิบคนโอบ แตกแยกกิ่งที่ไม่เหมือนกันออกมา เปลือกไม้สีขาวหยาบให้ความรู้สึกมีอายุ จากพื้นดินขึ้นไปสูงราวสามจั้ง มีเพียงกิ่งแห้ง ไม่มีใบไม้ เหนือสามจั้งขึ้นไป กิ่งก้านแน่นขนัดไปด้วยใบไม้
ใบไม้ทุกใบ ล้วนมีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ ราวกับมรกตที่เจียรไนอย่างดีที่สุดบนโลกอย่างไรอย่างนั้น แผ่แสงสีมรตก ขึ้นๆ ลงๆ แสงไหลเต็มไปด้วยสีสัน สวยงามจับจิต
ส่วนยอดบนสุดของต้นไม้ มีผลไม้สีท้อชมพูแดงอยู่สี่ลูก
หมิงเยวี่ยเมื่อมอง ก็รู้สึกตกตะลึงทันที กระโดดเหยงถอยมาหลายก้าว เอ่ยขึ้นว่า “ให้ตายสิ แย่แล้ว ต้นไม้ต้นนี้แขวนเด็กเอาไว้ตั้งหลายคน หรือว่าต้นไม้นี้จะเป็นต้นไม้ปีศาจที่คอยจับเด็กกินกัน?”
หยวนโห่วก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน รีบร้อนลากรถเข็นถอยออกมาหลายก้าว
เด็กน้อยสีท้อแดงเหล่านั้น ทั้งหมดล้วนดูมีชีวิต ราวกับเป็นทารกน้อยแรกเกิดอย่างไรอย่างนั้น ใบหน้ามีรอยยิ้ม ถูกรากไม้เสียบเข้ามาจากด้านหลัง สั่นงกเงิ่นอยู่ที่ปลายกิ่ง มองดูแล้วเหมือนกับถูกรากไม้แทงจนทะลุแผ่นหลังแขวนเอาไว้ที่ปลายกิ่ง
“ไม่ใช่ นั่นเป็นผลไม้ ไม่ใช่เด็ก” ชิงเฟิงที่ใจเย็นที่สุดเอ่ยขึ้น “ออกผลอยู่บนต้นไม้ แต่นี่มันแปลกประหลาดมาก ทำไมผลไม้พวกนี้จึงมีรูปร่างเหมือนเด็กทารกกัน?”
ตอนนี้เอง หวางซืออวี่ได้เดินเข้าใกล้ต้นไม้ยักษ์ทีละก้าวๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา