เจ้าคิดว่าเจ้าฆ่าข้าได้แล้ว?
ประโยคนี้มีความหมายสองชั้น ชั้นที่หนึ่งก็คือ เจ้าคิดว่าดาบเมื่อครู่ของเจ้าตัดหัวข้าก็ฆ่าข้าได้แล้วอย่างนั้นหรือ? ความหมายชั้นที่สองก็คือ ข้าก็คือจักรพรรดิฉินหมิง เจ้าคิดว่าวันนั้นเจ้าสังหารข้าได้แล้วจริงๆ หรือ?
หลี่มู่เอียงหัวขบคิดแวบหนึ่งก็เข้าใจ ที่หัวนี้พูดหมายถึงความหมายที่สอง
จอมมารสวรรค์ก็คือจักรพรรดิฉินหมิง
หรือจะบอกว่าจักรพรรดิฉินหมิงก็คือจอมมารสวรรค์
บนความสัมพันธ์ที่มีความสัมพันธ์หลักและความสัมพันธ์รอง จอมมารสวรรค์ครองตำแหน่งผู้นำ
ร่างแยก?
“หลี่มู่ เจ้าไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้เลยแม้แต่น้อย”
ระหว่างที่หัวนั้นพูดเลือดก็ไหลออกปากจมูกทั้งเจ็ดทวาร จากนั้นก็ตายสนิท รวมถึงร่างที่ไอมารสวรรค์หุ้มล้อมนั่นก็เสียพลังชีวิตไปในทันที แล้วล้มกระแทกลงไป
แต่ว่า ในขณะเดียวกัน หนึ่งในองครักษ์มารสวรรค์หลายสิบคนทั่วร่างไหลวนปะทุเพลิงสีดำเหมือนถูกปรับแก้ไข พลังชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายมารสวรรค์รวมมาในกายทั้งหมด แปลงเป็นร่างสูงใหญ่ทรงอำนาจ สวมเกราะจักรพรรดิ มีกระบี่โอรสสวรรค์แขวนที่เอว หน้าตาชัดเจน สีหน้าท่าทางทรงอำนาจ ไม่ใช่จักรพรรดิฉินหมิงแล้วจะเป็นใคร
“ตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่?” ‘จักรพรรดิฉินหมิง’ เดินออกมาจากกลุ่มองครักษ์มารสวรรค์หลายสิบคน กลิ่นอายทะลักล้น แข็งแกร่งไร้เทียมทาน กลิ่นอายมารสวรรค์พันล้มรอบกายประดุจพายุหมุน
“เข้าใจแล้ว” หลี่มู่พยักหน้า
ระฆังสะท้านวิญญาณดังขึ้นอีกครั้ง
หลี่มู่ลงดาบอีกครั้ง ความเร็วของร่างเมื่ออยู่ภายใต้การเพิ่มพลังจากกลวิชาขี่เมฆาเหินฟ้า ใต้หล้าไร้ผู้เทียบเทียม
“กระบวนท่าเดียวกันนำมาใช้อีกรอบ ไม่เป็นผลกับข้าแล้ว” ‘จักรพรรดิฉินหมิง’ พลิกมือจับกระบี่โอรสสวรรค์หัวเราะลั่น ในขณะเดียวกัน กระบี่เหินหาวเล่มหนึ่งลอยอยู่เหนือหัวของเขาเกิดเป็นภาพมายาออกมา แปรเปลี่ยนเป็นเงากระบี่รูปพัด สกัดกั้นเสียง ‘ระฆังสะท้านวิญญาณ’
กระบี่เหินหาวเล่มนี้เหมือนงูสองตัวพันรัดอยู่ด้วยกัน แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่ ‘จักรพรรดิฉินหมิง’ ได้มาจากตำหนักสุสาน
ทว่า กลับเป็นตอนนี้เอง คนจมูกงุ้มหนึ่งในสี่ศิษย์สำนักกำเนิดฟ้าพลันหยิบผีผาสีดำตัวหนึ่งออกมาจากมิติเก็บของ แล้วดีดมั่วซั่วขึ้นมาในทันที
เสียงผีผาเสียดหู เห็นได้ชัดว่ามีคลื่นโจมตีเหมือน ‘ระฆังสะท้านวิญญาณ’ ก็เห็นแสงเพลิงสี่สายลอยออกมาจากสายผีผา พันล้อมไปตาม ‘จักรพรรดิฉินหมิง’ ฝ่ายหลังหน้ามืดตาลาย โซเซเหมือนดื่มเมา
ส่วนหลี่มู่ก็เห็นได้ชัดว่าเตรียมตัวไว้นานแล้ว ร่างราวลำแสง แสงดาบส่องกะพริบ
ศีรษะของ ‘จักรพรรดิฉินหมิง’ ลอยอีกครั้ง
“สมควรตาย” เสียงแค้นเคืองของเขา ดังออกมาจากร่างขององครักษ์มารสวรรค์อีกคนหนึ่ง กลิ่นอายมารสวรรค์เดือดปุดเหมือนน้ำเดือด ร่างขององครักษ์มารสวรรค์ขยาย รูปกายเปลี่ยนไปเป็น ‘จักรพรรดิฉินหมิง’ คนใหม่
ในขณะเดียวกัน กระบี่เหินหาวงูคู่ตัวผู้ตัวเมียสั่นสะเทือนเล็กน้อย จากนั้นก็กลายเป็นเงาบินสองทางยิงพุ่งกัดกินไปยังหลี่มู่
จิตสังหารแปลกประหลาดไหลวน
เสี้ยวขณะนั้นหลี่มู่รู้สึกแค่ร่างกายแข็งค้าง ไม่อาจตั้งตัวกลับมาได้ เหมือนโดนมนต์สะกด ความรู้สึกอันตรายขนลุกขนพองปกคุลมเขาเอาไว้
เพียงเสี้ยวขณะ ที่คอของหลี่มู่ก็มีแถบผ้าสีม่วงเส้นหนึ่ง เหมือนผ้าโปร่งบางปลิวพลิ้วกลางสายลม
กระบี่เหินหาวงูคู่ตัวผู้ตัวเมียใกล้จะตัดหัวหลี่มู่แล้วเต็มที แต่แถบผ้าสีม่วงปลดปล่อยแสงสีม่วงลึกลับ อักขระตราประทับเต๋าสีม่วงหมุนวน ปะทุพลังสะท้อนมหาศาล ดีดกระบี่เหินหาวออกไป
ขณะเดียวกัน แสงอัสนีสายหนึ่งกะพริบ
กลับเป็นกัวอวี่ชิงลงมืออีกครั้ง หอกอัสนีทะยานแทงไปก็ทะลุร่าง ‘จักรพรรดิฉินหมิง’ จากนั้นพัดขนนกห้าสีแค่พัด เปลวไฟแสงห้าสีหอบม้วน เผา ‘จักรพรรดิฉินหมิง’ กลายเป็นเถ้าทันที
จากนั้น กระบี่เหินหาวงู่คู่ตัวผู้ตัวเมียก็ตกสู่มือกัวอวี่ชิง
ลงมือครั้งนี้ พอดียิ่งนัก
กัวอวี่ชิงเห็นได้ชัดว่าเชี่ยวชาญด้านลอบสังหาร เผาศพ ชิงสมบัติ ทำได้สำเร็จในรวดเดียว คล่องแคล่วเป็นอย่างยิ่ง
เป็นถึงนายของวิหารเทพหมาป่า บุคคลในเก้ายอด ตอนนี้กลับมาเริ่มลอบฆ่า ทิ้งมาดบุคคลต้นแบบ ปล่อยตัวเป็นอิสระ อาจจะเพราะผู้อยู่ใกล้ชาดติดสีแดง ผู้ใกล้หมึกติดสีดำ อยู่กับหลี่มู่เวลาค่อนข้างนานติดนิสัยเข้าเสียแล้ว
ในขณะเดียวกัน หลี่มู่หลังจากใช้แถบผ้าสีม่วงต้านทานการโจมตีกระบี่เหินหาวงูคู่ตัวผู้ตัวเมียก็ลงมือในชั่วพริบตา มิติดาบปะทุ ภายใต้การกระตุ้นจากวิชาดาบเหินหาวอัคคีจักรพรรดิ ดาบบินหนึ่งร้อยแปดเล่มก่อเป็นพายุโลหะทั่วฟ้า สับองครักษ์มารสวรรค์สิบกว่าคนพวกนั้นกลายเป็นฝุ่นผง…
“ดูสิแกจะฟื้นคืนชีพมายังไง” ยืนชี้ดาบเก๊กท่า
ที่ไกลลิบ เด็กหนุ่มเย็นชาแบกกระบี่ชุดดำที่ดึงระยะออกห่าง พลิกมือกำกระบี่เล่มยาวข้างหลัง อยากจะลองดูเต็มที แววตาร้อนระอุ นี่เป็นคนบ้าวรยุทธ์ ทำอะไรไม่สนใจค่าตอบแทน
ผ้าดิ้นทองแสงเมฆาคลุมสองพี่น้องปู้เฟยเหยียนเอาไว้ พวกนางหยุดอยู่บนต้นไม้มหึมาที่กลายเป็นหินต้นหนึ่งที่อยู่ห่างออกมาสองลี้ สังเกตการณ์อยู่เช่นกัน
ส่วนทารกเผ่าผู้วิเศษหนีไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ คนผอมสูงศิษย์สำนักกำเนิดฟ้าก็ไล่ตามทัน ของวิเศษเต๋ากระบองสั้นโลหะในมือโจมตีออกไป หนักดุจเขาไท่ซาน แสงทองเพียงส่องประกาย เสียงบทสวดดังออกมา พลังทำลายล้างอันเมตตาทะลักล้น จะสังหารชายหญิงเผ่าผู้วิเศษให้สิ้นซาก
“กระบองสังหารมาร?” ปู้เฟยเหยียนที่อยู่ไกลลิบสีหน้าตื่นตะลึง สายตาจับจ้องอยู่ที่กระบองโลหะสั้นนั่น พลางเอ่ยเสียงต่ำ
เด็กทารกนั่นกรีดร้อง กระเด็นหลุดจากคอของสาวน้อยหน้าตางดงามที่ขี่อยู่ ที่ขามีรอยเลือด…
ที่แท้ก่อนหน้านี้ ขาทั้งสองของเขาหยั่งรากอยู่ในกายของสตรีสาวงดงามคนนั้น เหมือนต้นไม้ใหญ่หยั่งรากดูดซึมสารอาหาร เลือดลมร่างกายของนางเป็นเพียงแค่เนื้อหนังที่เอาไว้ดูดซึมสารอาหารก็เท่านั้น
ทารกหลังจากหลุดไปแล้ว เด็กสาวงดงามบริสุทธิ์ราวดอกไม้สวยสดบานสะพรั่งคนนั้นดวงตาทั้งสองไหลรินด้วยน้ำตาเลือด จากนั้นก็ตัวอ่อนยวบล้มลงไปบนพื้น สูญสิ้นพลังชีวิตทั้งหมด
รูเลือดน่าตกใจสองรูที่คอด้านหลังของนาง เป็นตำแหน่งขาของทารกเผ่าผู้วิเศษที่เจาะลงไปก่อนหน้านี้นั่นเอง
“ ‘กู่ไสยเวทไร้มโนธรรม’? ” ปู้เฟยเหยียนเห็นฉากนี้ม่านตาก็หดลง “หรือมารผู้วิเศษจะกลับชาติลงมาเกิดบนโลกใบนี้? กัดกินร่างแม่ฟื้นฟูพลังฝึกตน?”
นั่นเป็นวิชาเวทที่ชั่วร้ายที่สุด มารผู้วิเศษใช้วิธีกลับชาติมาเกิดมาเยือนบนโลกใบนี้ จากนั้นก็กัดกินเลือดเนื้อมารดาผู้ให้กำเนิดเลี้ยงดูตนเอง มาชดเชย เสริมพลังเวทของตัวเองเพื่อฟื้นฟูวิชาไสยเวท วิชากู่ไสยเวทชนิดนี้ชั่วร้ายเหี้ยมโหด เป็นวิชากัดกินมารดา เป็นวิชาที่กฎแห่งธรรมชาติไม่ยอมรับมากที่สุด ดังนั้นจึงถูกขนานนามว่า ‘กู่ไสยเวทไร้มโนธรรม’
เผ่าผู้วิเศษก็มีแบ่งแยกดีชั่ว วิชา ‘กู่ไสยเวทไร้มโนธรรม’ เป็นหนึ่งในสายของวิชาไสยเวทต่างๆ ในห้วงดาราสมุทร เป็นประเภทวิชาต้องห้าม มีเพียงมารผู้วิเศษที่ตกเข้าสู่สายมารแล้วโดยสิ้นเชิงเท่านั้นถึงจะสำแดงวิชานี้ได้
“หลี่มู่ เจ้าตายแน่แล้ว ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่…” เพียงพริบตา ทารกเผ่าผู้วิเศษก็แปลงเป็นแสงเลือดทางหนึ่ง หนีหายเข้าไปในป่าต้นไม้กลายเป็นหินนอกอารามอู่จวง
คนผอมสูงศิษย์สำนักกำเนิดฟ้ากลับมาด้วยใบหน้าลนลาน เหมือนเด็กประถมทำการบ้านไม่เสร็จ เอ่ยอย่างตื่นตระหนก “นายท่าน ท่านฟังข้าอธิบาย ข้าสำแดงพลังที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว ไม่ได้แอบขี้เกียจแน่นอน”
หลี่มู่พยักหน้า ไม่พูดอะไร
วิชาของทารกเผ่าผู้วิเศษนั่นแปลกประหลาดชั่วร้ายยิ่งนัก ไม่ใช่วิชาดีอะไรแน่นอน
เขาเปิดเนตรสวรรค์กวาดมองรอบด้าน มองหาตำแหน่งที่พลัง ‘จักรพรรดิฉินหมิง’ ตั้งอยู่ ก็พลันเห็นไอมารสวรรค์สีดำดุจหมึกราวสายอัสนีหลบหนีไปนอกอารามอู่จวง กำลังหนีไปทางทิศตะวันตก…
“จะหนีไปไหน?”
ในเนตรสวรรค์ของหลี่มู่ แสงอัสนีเทพสีม่วงหมุนวน ดวงตากลางหน้าผากเปิดออกโดยสมบูรณ์ อักขระสายฟ้าละเอียดถี่แน่นไหลวน หลังจากรวบรวมพลังแล้ว อัสนีเทพทางหนึ่งก็ยิงออกมาจากดวงตา ราวกับเทพมังกร รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ฉีกทึ้งกลิ่นอายมารสวรรค์กลุ่มนั้นแหลกละเอียด
เนตรอัสนี
เสียงน่าอนาถดังออกมาจากไอมารสวรรค์ที่แหลกสลาย
ไอมารสวรรค์กลุ่มนั้นแปรเปลี่ยนละอองหมอกเป็นกลุ่มเป็นเส้นอีกครั้ง หนีไปทั่วทุกสารทิศ
“ตายแล้ว หรือยังไม่ตาย?” หลี่มู่ไม่แน่ใจ
ตอนนี้ เทวะเสียไห่ตัดสินใจหนีไปนอกสวนผลไม้อย่างเฉียบขาด
เขานับว่ามองปรุโปร่งแล้ว รู้ว่าคนมากมายที่นี่ไม่ใช่คู่มือของหลี่มู่เลย ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ลำพังอาศัยแค่อาวุธวิเศษเต๋าของล้ำค่าที่เป็นตัวช่วยมากมายพวกนั้น ก็มากพอจะบดขยี้พวกเขาแล้ว
หลี่มู่ได้ของวิเศษจากในตำหนักสุสานเทพสวรรค์ไปมากมาย เทียบกับพวกเขาที่คนหนึ่งถือว่าได้กันไปคนละชิ้นก็นับว่าเป็นผลเก็บเกี่ยวมหาศาลแล้ว โชคของหลี่มู่ค่อนข้างเหลือเชื่อนัก
หรือโชคจะอยู่กับเขาจริงๆ?
เทวะเสียไห่ดับความคิดที่จะสู้กับหลี่มู่ หนีเอาชีวิตรอดไว้ก่อน แต่ว่า เขาไม่ได้หนีออกไปข้างนอกอารามอู่จวง แต่กลับซ่อนไปในห้องฝึกพรตในที่ลึกห้องหนึ่งอย่างรวดเร็ว…
จอมมารจันทราโลหิตกลัวจนฉี่แทบราด ตามติดไปประหนึ่งเงา
หลี่มู่ความคิดเพียงขยับ ดาบบินร้อยแปดเล่มก็พุ่งสังหารไปข้างหลังเทวะเสียไห่
คนที่อยู่ที่นี่วันนี้ไม่มีดีสักตัว ผู้ฝึกฝนนอกพิภพที่มาเยือนล้วนสมควรสังหาร คดีสังหารโหดต่างๆ ล้างเมือง ล้างสำนักในซ่งเหนือและฉินตะวันตก หลี่มู่ได้ยินมาจากปาเสียนอ๋องอยู่บ้าง รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
กลับเห็นเทวะเสียไห่ร้องเสียงประหลาด ยกมือโยนค้อนสีม่วงทองขนาดเล็กอันหนึ่งไปข้างหลังอย่างไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง
ค้อนนั่นพลังเพิ่มพูน ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุบดาบบินร่วงในทีเดียว ท่ามกลางเสียงโลหะเคร้งๆ ดังระรัว ดาบบินหนึ่งร้อยแปดเล่มหักไปอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ส่วนค้อนสีม่วงทองก็บินกลับไปสู่มือเทวะเสียไห่อีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา