ข่าวเมืองหลินอันแห่งจักรวรรดิซ่งเหนือทรุดลง ถูกแสงมารจากใต้พิภพทะลักออกมาพันวนเอาไว้ ได้แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่เสินโจวอย่างบ้าคลั่ง ก่อให้เกิดการให้ความสำคัญจากสามจักรวรรดิใหญ่ เหล่าสำนักใหญ่ และตระกูลขุนนางต่างๆ
ต่อมาไม่กี่วัน ไม่รู้ว่าใครคนไหนปล่อยข่าวออกไป ว่าใต้เมืองหลินอันมีสมบัติลับปรากฏขึ้นบนโลก กลบซ่อนแก่นแท้การทะลวงสวรรค์ เพียงพริบตาก็ได้ดึงดูดเอาขั้วอำนาจต่างๆ ราวกับปลาฉลามที่ได้กลิ่นคาวเลือดทยอยมารวมตัวกัน
กองทหารราชวงศ์ซ่งเหนือที่อยู่ชานเมืองหลินอัน ได้มีท่าทีเปิดกว้าง ไม่ได้ห้ามปรามขัดขวางเหล่าขั้วอำนาจที่จะเข้ามาในพื้นที่ แต่ทว่าได้อธิบายอย่างชัดเจนว่าด้านในอันตรายเป็นอย่างมาก
ขั้วอำนาจวิถียุทธ์มากมายไม่ได้สนใจคำเตือนของจักรวรรดิซ่งเหนือ เดินทางเข้าสู่เมืองหลินอันที่กลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว และได้พบกับหลุมสวรรค์ที่เป็นทางเข้าสุสานเทพ เหล่าผู้แข็งแกร่งวิถียุทธ์มากมายได้เข้าสู่ด้านในราวกับฝูงเป็ดเดินขบวน
“ศิษย์พี่เต้าหล่าน ท่านแน่ใจว่าในนี้มีโอกาสอยู่?” เต้าเจินสีหน้ากร้านโลก ชุดพรตเต๋าบนร่างขาดวิ่น สะพายกระบี่โบราณลายสนยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าสุสานเทพตรงหลุมสวรรค์หลุมหนึ่งด้วยท่าทีลังเล
เต้าหล่านยังคงอยู่ในท่าทีสันหลังยาวเช่นเดิม ตอบว่า “อืม…ก็น่าจะมีอยู่นั่นล่ะ”
ยอดฝืมือแห่งเขาเมืองมรกตที่อยู่ฝั่งเต้าเจินคนอื่น เมื่อได้ยินก็รู้สึกพูดไม่ออก
รู้สึกว่าตัวท่านเองก็ยังไม่แน่ใจเลย แล้วทำไมต้องลากคนกลุ่มใหญ่มาที่นี่ ถึงแม้ก่อนหน้าจะบุกไปยังเขาเลื่อนลอยหลายต่อหลายครั้ง ตีแตกไม่ได้จนต้องถอยร่น ซ้ำยังเสียหายอย่างสาหัส ทว่าก็ยังมีความหมายมากกว่ามาเสียเวลาอยู่ที่นี่นา
เต้าฉินรีบร้อนอธิบาย “ข้าได้ข่าวมาว่า พวกของเต้าหลิงกับเสวียนฉงจื่อ ได้นำคนเข้ามายังเขาวงกตแห่งนี้แล้ว ถ้าหากพวกเขาพบกับสมบัติ การจะแย่งคืนเขาเลื่อนลอยคงจะยากยิ่งกว่ายากแล้ว ครั้งนี้พวกเขาออกมาจากเขาเลื่อนลอย นี่ถือเป็นโอกาสของพวกเรา”
ก่อนหน้าได้รับข่าวสารที่เชื่อถือได้ เต้าหลิงนำยอดฝีมือจากเขาเลื่อนลอยนับสิบเข้าไปด้านในเขาวงกตใต้เมืองหลินอันแล้ว นั่นจึงเป็นสาเหตุที่หลังจากเต้าหลิงออกด่านมา ไม่ได้จัดสรรทหารเข้ากวาดล้างพวกของเต้าเจินนั่นเอง
“ไปเถอะ” เต้าเจินไม่ลังเลอีก เดินนำหน้าเข้าสู่ทางเข้าสุสานที่มีแสงมารสีดำแผ่ซ่านออกมาไป
จากคำแนะนำของหลี่มู่ และผ่านศึกใหญ่มาอีกหลายครั้ง เต้าเจินในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปอย่างมาก ละทิ้งความฝันไร้เดียงสาที่ไม่เหมาะกับกาลเวลาไป เปลี่ยนเป็นตัดสินใจได้เด็ดขาดและมั่นคงมากขึ้น
คนทั้งหมดเดินตามเข้าไป
เวลาเดียวกัน วังจักรพรรดิชั่วคราวที่สร้างขึ้นติดกับภูเขาของราชวงศ์ซ่งเหนือ ได้มีการต้อนรับแขกที่พิเศษคนหนึ่ง จนทำให้จักรพรรดิซ่งเหนือต้องออกมาเผชิญหน้าอย่างจำใจ
“ท่านเสี่ยวเยา” จักรพรรดิหนุ่มแห่งซ่งเหนือรู้สึกใจไม่เป็นส่ำ
ทั่วทั้งราชวงศ์ล้วนไม่รู้ว่าหนึ่งในเก้ายอดที่ลึกลับที่สุดคนนี้ เจ้าสำนักจวนปีศาจสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นยังวังจักรพรรดิซ่งเหนือชั่วคราวด้วยเรื่องใด ถึงอย่างไรตอนนี้ก็มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย เผ่าปีศาจเป็นเผ่าที่มีพลังเพียงพอที่จะต่อกรกับเผ่ามนุษย์ เพียงแต่ว่ากระจัดกระจายกันมากเกินไป พวกเผ่าปีศาจใหญ่ๆ ส่วนมากหลบลี้เข้าไปอยู่ในเขาลึกใต้บาดาลกันหมด ถึงแม้จะไม่ได้สร้างอำนาจการปกครองและประเทศของเผ่าปีศาจขึ้น ทว่าพลังที่แฝงเอาไว้ หากสำแดงเดชขึ้นมา ก็แทบจะไม่ได้แตกต่างจากกำลังของเผ่ามนุษย์เลย
และจวนปีศาจสวรรค์ หลายปีมานี้คอยปกป้องเผ่าปีศาจ ถ่ายทอดวิชา สั่งสอนปีศาจเรือนหมื่น เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สูงสุดในใจของเผ่าปีศาจ ฐานะการเลื่อมใสศรัทธาห่างชั้นจากฐานะของราชวงศ์แห่งสามจักรวรรดิที่อยู่ในใจของเผ่ามนุษย์เป็นอย่างมาก
“ข้ามาครั้งนี้ ก็เพื่อมารับตัวเพื่อนเก่าคนหนึ่งกลับไป รบกวนราชวงศ์ซ่งให้ความสะดวกด้วย” เสี่ยวเยาจากจวนปีศาจสวรรค์เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพราย
บุคคลในตำนานแห่งเผ่าปีศาจคนนี้ ไม่ทราบอายุอานาม พันปีก่อนหน้าได้เข้ามาควบคุมเผ่ามารแล้ว เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งเผ่ามาร ลึกลับอย่างที่สุด เวลานี้ดูแล้วกลับเป็นเพียงชายวัยกลางคนที่อบอุ่น ชุดคลุมยาวผ้าหยาบ เหมือนอาจารย์ในโรงเรียนคนหนึ่งจากหมู่บ้านเล็กๆ อย่างไรอย่างนั้น ไม่มีพลังคุกคามพลังบีบคั้นใดๆ แม้แต่น้อย ทำให้คนรู้สึกเหมือนนั่งอยู่กลางสายลมฤดูใบไม้ผลิ
เพื่อนเก่า?
พวกของจักรพรรดิซ่ง ล้วนมองหน้ากันเอง
ในราชวงศ์ มีเพื่อนเก่าของบุคคลในตำนานแห่งเผ่าปีศาจคนนี้ด้วยหรือ?
เสี่ยวเยาชี้ไปที่จิ้งจอกน้อยต๋าจี่ที่นั่งน่าเอ็นดูอยู่ในอ้อมกอดของปาเสียนอ๋อง เอ่ยขึ้นว่า “ก็คือเด็กสาวคนนี้”
……
“เจ้าเลือกที่จะหนีออกมาหรือ?”
กลางป่าต้นไม้หิน ชายชราในชุดดำจอนสูง ใบหน้ามีลายเส้นหนาวเหน็บเข้ากระดูกราวกับมีดสลักน้ำแข็งคนหนึ่ง สีหน้าบนใบหน้าเหมือนกับได้เห็นผีตอนกลางวันอย่างไรอย่างนั้น
“สู้ไม่ไหว” ชายหนุ่มชุดดำสะพายดาบตอบกลับสามคำ
“จอมบ้าคลั่งอย่างเจ้า แต่ก่อนไม่ใช่ว่าจะสู้ได้หรือไม่ได้ ก็ต้องสู้จนเจียนตายก่อนไม่ใช่หรือ? ดาราจักรเทพวีรชนมีศิษย์สำนักใหญ่มากมายจุติลงมา มีคนที่เจ้าต้องกลัวด้วยหรือไร?” ชายชราชุดดำจอนสูงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจอีกครั้ง ถามขึ้นอย่างมีอารมณ์ขัน
ใบหน้าของชายหนุ่มชุดดำสะพายดาบ ปรากฏสีหน้าความอับอาย แต่ยังตอบมาว่า “คนพื้นเมือง แสนร้ายกาจ หน้าไม่อาย และปลิ้นปล้อน….นางตายแล้ว”
พูดออกมาอย่างมั่วซั่ว แต่ชายชราชุดดำจอนสูงเมื่อฟังก็เข้าใจ ชายหนุ่มถูกคนพื้นเมืองคนหนึ่งจากดาวโลกทำให้ต้องร่นถอยมา หนำซ้ำหญิงชราไม้เท้าดำก็ถูกสังหารไปแล้ว
“ไป ไปเปิดหูเปิดตาเสียหน่อย ว่าคนแบบไหน ทำให้ ‘ชายคลั่งชุดดำ’ อย่างเจ้าต้องถอยหนีมา” ในใจของชายชรารู้สึกอยากรู้อยากเห็น
…
“ซี๊ด เจ็บจะตายอยู่แล้ว…ในที่สุดข้าก็ฟื้นฟูความสามารถกลับมาได้ครึ่งหนึ่งเสียที หลี่มู่ เจ้าเตรียมตัวตายได้เลย” กลางป่าหิน เด็กชายเผ่าผู้วิเศษสูดลมหายใจร้องเสียงต่ำออกมา
เขาเหมือนกับตัวไหมลอกคราบ ถอดเอาผิวหนังเลือดเนื้อด้านนอกออกจนหมด หมอกเลือดพันล้อมครู่หนึ่ง ได้กลายเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีอายุสิบกว่า ร่างกายสมบูรณ์พร้อม มีเพียงแค่ขาทั้งสองตั้งแต่หัวเข่าลงมาที่พิกลพิการอยู่บ้าง
นี่เป็นเพราะเขาใช้วิชา ‘กู่ไสยเวทไร้มโนธรรม’ ไปก่อนหน้า ยังไม่ทันจะเสร็จสมบูรณ์ ก็ถูกหลี่มู่บีบจนต้องแยกออกมาจากร่างมารดาให้กำเนิด จนเกิดอาการตกค้างภายหลัง
“เพิ่มอายุมาสิบห้าปี พลังของข้า ฟื้นคืนกลับมาครึ่งหนึ่งแล้ว ถ้าเจอหลี่มู่อีก ข้าจะกำเจ้าจนขี้แตกเลย”
เขาตัดสินใจเด็ดขาด เดินกลับเข้าไปในวัดห้าแผ่นดินอีกครั้ง
…
ลำแสงสีดำกลุ่มหนึ่ง บินราบพื้นดินราวสามจั้งด้วยความเร็วสูง วนเวียนอยู่รอบพื้นที่รัศมีสองร้อยลี้ของวัดห้าแผ่นดิน
ผ่านไปชั่วหนึ่งก้านธูป
“เจอแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา