ตอนที่หาที่พำนักของเซียนพบในที่สุด ใจของหวางซืออวี่กอดความหวังที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ ทว่าเมื่อได้เห็นท่านเซียนแล้ว ความหวังในใจนางก็หม่นแสงลงทันตา เพราะชายชราที่เหมือนสิ้นลมได้ทุกเมื่อคนนี้พูดจาเหมือนลมรั่ว ต่อให้เคยโดดเด่นเป็นหนึ่งกำราบใต้หล้ามาอย่างไร ตอนนี้กลับมีดินเหลืองฝังกลบจนถึงในคอแล้ว จะไปทำอะไรได้
ทว่าไม่คิดเลย พอจักรพรรดิเซียนหมิงกวงคนนี้เอ่ยปากก็บอกความพิเศษของร่างกายหมิงเยวี่ยออกมาหมด จากนั้นยังบอกว่าร่างกายของเธอเองไม่ใช่ว่าฝึกฝนไม่ได้ แต่เป็น ‘กายศักดิ์สิทธิ์จรัสแสง’
กายศักดิ์สิทธิ์จรัสแสงคืออะไร?
หวางซืออวี่ไม่รู้
แต่เธอรู้ ฟังจากน้ำเสียงของจักรพรรดิเซียนหมิงกวงแล้ว ตนเองเหมือนว่าจะฝึกฝนได้
ตั้งแต่เธอมาถึงโลกใบนี้ นี่คือข่าวที่น่าดึงดูดใจมากที่สุด
เมื่อก่อนถูกปรามาสมามากมาย ต่อให้เป็นหลี่มู่ก็ยังไม่อาจแก้ไขปัญหาเรื่องร่างกายของเธอได้ ทำให้หวางซืออวี่แทบจะหมดหวัง ผลทารกก็ยังรังเกียจนาง ฟ้าสาปสวรรค์ลงทัณฑ์ ราวกับเธอเป็นคนบาปอย่างไรอย่างนั้น ทว่ายามนี้ หลังจากความมืดมิดอันนานแสนนาน ในที่สุดรุ่งอรุณก็มาถึงแล้วหรือ?
“อาวุโส ข้าไม่มีสำนักไม่มีพรรค ไม่สามารถบำเพ็ญวรยุทธ์ได้ ข้า…ฝึกฝนวิชาของท่านได้จริงหรือ?” เสียงของหวางซืออวี่สั่นเครือเล็กน้อย
“ฝึกได้ วิชาธรรมดาเจ้าไม่อาจฝึกฝนได้แน่นอน เพราะเส้นลมปราณเจ้าหยุดนิ่ง ตันเถียนแห้งเหือด มีกายจรัสแสงแต่กำเนิด เสมือนเหล็กชั้นดี” จักรพรรดิเซียนหมิงกวงหายใจหอบ พูดไม่กี่คำก็ต้องหยุดครู่หนึ่ง “นั่นเป็นเพราะร่างกายของเจ้า เป็นหนึ่งในร่างทำศึก….ที่แข็งแกร่งที่สุดประเภทหนึ่งในจักรวาลนับแต่อดีตจนปัจจุบัน ขอแค่ได้ฝึกฝนวิชาที่ถูกต้อง เจ้าก็จะเข้าไปอยู่ในกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดได้”
“นี่มัน…จริงหรือ?” หวางซืออวี่รู้สึกเหมือนเห็นภาพฝันที่ต้นร้ายปลายดี กลัวว่าทั้งหมดจะเป็นเพียงความฝัน
หลี่มู่ที่อยู่อีกด้าน ในใจเต็มก็ไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง
ปัญหาเรื่องการฝึกของหวางซืออวี่เป็นความทุกข์ในใจเขามาโดยตลอด ถึงแม้เพื่อนนักเรียนเก่าคนนี้ ปกติแล้วจะแสดงท่าทีที่ดูเหมือนไม่ได้ร้อนใจอะไร ทว่าพลังจิตวิญญาณของหลี่มู่แข็งกล้านัก สัมผัสความรู้สึกในใจเธอได้ว่าร้อนรนเพียงไหน
ทว่าหลี่มู่ก็ทดลองด้วยวิธีมากมายแล้ว แต่ล้วนไม่ได้ผล
ขนาดพบตำราลับวิถียุทธ์และวิชาเซียนมากมายในมิติเก็บของของพวกเยวี่ยกั๋วเซียง จักรพรรดิฉินหมิง กับหญิงชราไม้เท้าดำซึ่งเป็นผู้ฝึกตนจากนอกพิภพ ก็ไม่พบวิธีที่จะเปลี่ยนร่างกายหวางซืออวี่ให้สามารถฝึกวิชาได้
ตอนนี้ ในที่สุดก็แก้ปัญหาได้แล้วหรือ?
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงเผยยิ้มใจดีบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยย่น กล่าวตอบว่า “แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง กายศักดิ์สิทธิ์จรัสแสงเป็นถึงกายศักดิ์สิทธิ์เชียว ไม่ว่าร่างกายใด เมื่อเกี่ยวข้องกับคำว่าศักดิ์สิทธิ์จะเป็นหนึ่งในร่างชั้นยอดของจักรวาล หมื่นปีจะพบสักครั้ง ขอแค่ฝึกฝนวิชาของข้า ตีฝ่าด่านแรกไป ก็จะพัฒนารุดหน้าเร็วยิ่ง….เด็กน้อย เจ้ายินดีฝากตัวเป็นศิษย์ข้าหรือไม่?”
หวางซืออวี่หันไปมองหลี่มู่ตามสัญชาตญาณ
หลี่มู่ยิ้มพลางพยักหน้าให้
ตุบ!
หวางซืออวี่คุกเข่าลงบนพื้น พูดอย่างศรัทธาเลื่อมใส “ข้าหวางซืออวี่ ขอฝากตัวเป็นศิษย์ท่านอาจารย์”
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงพยักหน้าขณะหายใจหอบ เอ่ยว่า “อืม ก้มศีรษะคารวะบุญคุณอาจารย์ อาจารย์คนนี้รับเจ้าเป็นศิษย์แล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อเข้าเป็นศิษย์ข้าต้องปฏิบัติตามวินัยของข้า หากล้มบรรพจารย์ ทรยศสำนัก ฟ้าดินจะประณามเจ้า” เขาพูดกฎสิบห้าข้อออกมาด้วยอาการหายใจหอบ ทั้งหมดเป็นความคิดเก่าแก่โบราณ แต่ไม่ได้ฝ่าฝืนศีลธรรมฟ้าดิน พูดจบแล้วจึงถามอีกครั้ง “เจ้ายอมรับใช่ไหม”
“ศิษย์ยอมรับเจ้าค่ะ” หวางซืออวี่น้อมคำนับ
เรื่องด่วนเรียบง่ายไว้ก่อน กฎข้ออื่นละเอาไว้ชั่วคราว
หลี่มู่เห็นว่าจักรพรรดิเซียนหมิงกวงสีหน้าเริ่มแย่ลงเนื่องจากพูดติดต่อกัน ลมหายใจอ่อนระโหย กังวลว่าเขาจะหายใจต่อไม่ไหว จึงรีบเอาโอสถเทพบางส่วนที่ได้จากฟ้านิจนิรันดร์ออกมา
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงก็ไม่รอช้า กินโอสถเทพลงไปหลายเม็ด สีหน้าจึงดีขึ้นบ้าง
ทว่าเขาพักผ่อนไปครู่หนึ่งก็ส่ายศีรษะ ปฏิเสธโอสถเทพที่หลี่มู่ส่งมาให้อีก บอกว่า “ขอบคุณเด็กน้อยอย่างเจ้ามาก อาการบาดเจ็บของข้าอยู่ที่รากฐานพลัง โอสถสมุนไพรเหล่านี้แม้จะไม่ใช่ของธรรมดา แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่โอสถไร้เทียมทาน ยากจะชดเชยรากฐานพลังของข้าได้ คล้ายดื่มเหล้าพิษเพื่อดับกระหายเท่านั้น”
ขณะที่เขาพูด แขนซ้ายกวัดแกว่งอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ลมพัดเข้ามาเลิกแขนเสื้อเขาเปิดขึ้น สิ่งที่อยู่ข้างใต้คือท่อนแขนขาดที่ไม่มีฝ่ามือ ตรงรอยตัดกล้ามเนื้อฝ่อดุจส้มที่แห้งเหี่ยว ไม่เป็นธรรมชาติอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าถูกตัดขาดไปนานมากแล้ว
จักรพรรดิเซียนที่มีอภินิหารไร้ที่สิ้นสุด ไม่มีมือได้อย่างไรกัน?
คนแบบไหนที่ตัดมือเขาได้
หลี่มู่เห็นแล้วหัวใจสะดุดกึก
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงสังเกตเห็นสีหน้าของหลี่มู่ จึงยกแขนซ้ายขึ้น เผยให้เห็นท่อนแขนที่ด้วนไร้มือ สีหน้าปลงอนิจจังสุดแสน ระลึกความหลังอยู่นาน จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ “ปีนั้นข้ากับมารตนนั้นสู้ศึกจนถึงที่สุด ไม่มีทางเลือกต้องตัดมือซ้ายทิ้ง เปลี่ยนให้เป็นเขาห้าองคุลีเพื่อสะกดมารร้ายตนนั้นไว้ มือไม่อาจงอกกลับมาใหม่ได้อีก...” ระหว่างพูดเขาทอดถอนใจไม่หยุด
ทุกคนได้ยินแล้วใจสะท้าน
ที่แท้เขาห้าองคุลีนี้มาจากมือซ้ายของจักรพรรดิเซียนหมิงกวงเองหรือ?
ไม่แปลกใจเลยที่ยอดเขานี้มองไปแล้วเหมือนมือของมนุษย์…อืม ผลลัพธ์ก็คือแปรสภาพมาจากมือของมนุษย์จริง จักรพรรดิเซียนหมิงกวงใช้มือข้างหนึ่งของตนสะกดมารร้ายไว้ ถือว่าเด็ดเดี่ยวกล้าหาญนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา