ซุนจี้มีพลังฝึกถึงขั้นนักรบ
ขอบเขตขั้นนี้ผ่านสะพานเป็นตาย หลุดพ้นขอบเขตของสิ่งมีชีวิตธรรมดาสามัญ ในจักรวาลเวิ้งว้างกว้างใหญ่ก็นับว่าเป็นนักรบชั้นยอดได้แล้ว
ในเขตดาราเทพวีรชน พลังฝึกขั้นนักรบถือว่าเป็นบุคคลยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งแล้ว แต่กลับถูกหลี่มู่ตัดศีรษะในดาบเดียว อีกทั้งวิญญาณต้นถูกจิตสังหารในดาบโบราณระดับอาวุธเต๋าชั้นยอดเล่มนี้และจิตดาบของตัวหลี่มู่ทำลาย ไม่มีทางที่จะฟื้นคืนชีพได้อีก
ผู้แข็งแกร่งขั้นนักรบแห่งยุคตายได้น่าอึดอัดใจเสียจริง ถูกฆ่าเหมือนกับเชือดหมูก็ไม่ปาน
ขั้นตอนทั้งหมดรวดเร็วเป็นอย่างมาก เหล่าผู้ฝึกตนนอกพิภพตั้งตัวกลับมาไม่ได้ ช่วยไม่ทันเลย
เมื่อหลี่มู่เตะศพของซุนจี้ ถือดาบยาวอาบย้อมเลือดท้าสู้อีกครั้ง ทุกคนต่างสูดลมหายใจเย็น
ความบ้าคลั่งของผู้ผิดบาปชนพื้นเมืองคนนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกเย็นยะเยือกรางๆ
“ยืมพลังจากอาวุธภายนอก ไม่ใช่พลังของเจ้าเอง” จักรพรรดิเซียนหมิงกวงยกมือชี้ไปยังระฆังสะท้านวิญญาณ ระลอกคลื่นเป็นริ้วๆ แผ่มา ลวดลายเต๋าเคลื่อนไหว แล้วสะกดระฆังสะท้านวิญญาณไว้ทันใด
หลี่มู่หัวเราะเสียงเย็น
ช่างหน้าไม่อายจริงๆ
นี่ไม่ใช่เวทีประลองยุทธ์เสียหน่อย จะมาพูดเรื่องยุติธรรมอะไรกัน
แต่เขารู้ จักรพรรดิเซียนหมิงกวงพูดเช่นนี้ไม่ได้มีความหมายอื่นใดทั้งนั้น อีกฝ่ายเห็นอยู่ชัดๆ ว่าคิดจะทรมานตน แล้วจะมาพูดเหตุผลอะไรด้วยได้
เมื่อไม่มีระฆังสะท้านวิญญาณ หลี่มู่ก็เป็นดั่งเสือถูกถอดเขี้ยว งูถูกรีดพิษออก ดวงตาของเหล่าผู้ฝึกตนนอกพิภพสว่างวาบขึ้นมาทันที
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงสุ่มชี้คนคนหนึ่งในฝูงชน “เจ้าไปสังหารผู้ผิดบาปนี่ให้ข้า”
คนที่ถูกเลือกคือเจ้าสำนักอาทิตย์ทองในเขตดาราเทพวีรชน
เขาเป็นชายกำยำหัวล้านใบหน้ามีรอยดาบ กล้ามเนื้อนูนเป็นมัด เหมือนร่างของลิงยักษ์อย่างไรอย่างนั้น พลังฝึกอยู่ขั้นนักรบระดับต้น พลังแท้จริงไม่เลว เพียงด้อยกว่าซุนจี้แห่งวังประสานฟ้าเล็กน้อย
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่มอบวาสนาให้” เจ้าสำนักอาทิตย์ทองยินดีปรีดา
เขามีความรู้สึกลิงโลดเหมือนผลึกเซียนร่วงลงมาทับจากบนฟ้า
ส่วนในใจของคนอื่นๆ เช่น ‘ดาบมาร’ จ่างซุนฉางคงแห่งสำนักมารฟ้ากลับผิดหวังนัก ก่อนหน้านี้ถูกคนของวังประสานฟ้าชิงตัดหน้า ครั้งนี้เขาเตรียมชิงลงมือก่อนแล้ว ไม่นึกเลยว่าจักรพรรดิเซียนหมิงกวงจะไม่เล่นตามกฎ สุ่มเรียกเอาเองเลย
“เจ้าหนู อย่าโทษข้าล่ะ จะโทษก็โทษที่ชะตาชีวิตเจ้าไม่ดี”
อาวุธของเจ้าสำนักอาทิตย์ทองเป็นค้อนตุ้มทองคู่ที่ไม่ธรรมดาเลย บนนั้นมีลายเต๋าที่เดี๋ยวเลือนรางเดี๋ยวปรากฏถี่ยิบ ภายใต้การกระตุ้นปราณแท้ เขาหนักแน่นราวขุนเขา เป็นสายระเบิดพลังแข็งแกร่งดุดัน
หลี่มู่ไม่พูดอะไร เพียงพลิกมือจับดาบ กระดิกนิ้วอย่างดูถูก
“รนหาที่ตาย” เจ้าสำนักอาทิตย์ทองกวัดแกว่งค้อน
เสี้ยวขณะต่อมา ร่างกายก็ไหววูบ การต่อสู้ปะทุขึ้นแล้ว
ครั้นมีบทเรียนจากซุนจี้เมื่อครู่นี้ ครั้งนี้พูดได้ว่าเจ้าสำนักอาทิตย์ทองใช้พลังเหมือนสิงโตจับกระต่าย ไม่ออมมือแม้แต่น้อย ทุบค้อนลงไปติดๆ กัน ทุกครั้งที่ทุบล้วนมีพลังราวเบิกฟ้าเปิดดิน มาพร้อมด้วยไฟแท้แห่งอาทิตย์ พลานุภาพมหาศาล อากาศในบริเวณหลายสิบจั้งระเบิดทันที
หลี่มู่กลับไม่ถอยแม้แต่น้อย
เขาหยิบดาบสั้นสันหนาอาวุธเต๋าชั้นยอดที่ได้มาจากเมืองรอบนอกในมิติเก็บของออกมา มือขวาถือดาบยาว มือซ้ายถือดาบสั้น แสงดาบส่องกะพริบไปทั่วดุจเกล็ดหิมะ แต่ละดาบส่องแสงดาบวิบวับ ต้านรับค้อนตุ้มคู่ของเจ้าสำนักอาทิตย์ทองไว้ซึ่งหน้า
ในวงต่อสู้ สะเก็ดไฟพลันสาดกระจาย เสียงโลหะดังมาเป็นระลอกๆ
เสียงปะทะกันอย่างจังของอาวุธราวเสียงอัสนีบาต ดังสะเทือนจนบางคนปวดหู
ผู้ฝึกตนนอกพิภพเผยสีหน้าตื่นตกใจ
เจ้าสำนักอาทิตย์ทองเป็นสายฝึกร่างกายในเขตดาราเทพวีรชน มีชื่อด้านพละกำลังมหาศาล ในอดีตมีผู้แข็งแกร่งสูงสุดของสำนักอาทิตย์ทองผู้หนึ่งชกสะเก็ดดาวไร้มนุษย์ดวงหนึ่งระเบิด ทำให้สำนักอาทิตย์ทองมีชื่อเสียงลือเลื่องในเขตดาราเทพวีรชน ก็พอจะเห็นความลึกล้ำของวิชาพลังฝึกกายเนื้อของสำนักนี้ได้แล้ว
ผู้ฝึกตนมากมายรู้ตัวเอง หากใช้วิธีต่อสู้แบบ ‘ปะทะซึ่งหน้าตาต่อตา’ สู้กับเจ้าสำนักอาทิตย์ทอง พวกเขานั้นทำไม่ได้
ทว่า ผู้ผิดบาปหลี่มู่เป็นแค่ชนพื้นเมืองเท่านั้น แค่ยกสองดาบฟันผ่า ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว ก็สามารถต่อกรกับเจ้าสำนักอาทิตย์ทองแบบซึ่งหน้าได้อย่างสูสี
นี่มันอะไรกัน?
หลายคนตระหนักได้ว่าก่อนนี้ตนดูถูกผู้ผิดบาปคนนี้ไปแล้วจริงๆ
ตัวเจ้าสำนักอาทิตย์ทองเองยิ่งสู้ก็ยิ่งตกใจ
แต่ไหนแต่ไรมาเขาล้วนใช้กำลังรังแกคนอื่น ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งยอดฝีมือระดับเดียวกัน ไม่ว่าจะฝึกฝนวิชาดาบ กระบี่ หอก หรือค้อนได้เลิศล้ำเพียงใด แต่แค่ทุบลงไปก็ทำลายชีวิตของอีกฝ่ายได้ครึ่งหนึ่ง ขึ้นชื่อว่าใช้แรงเอาชนะ
พละกำลังมากก็สามารถรังแกใครได้ตามใจ
แต่ใครจะรู้ พลังของผู้ผิดบาปคนนี้กลับไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย สามารถต่อกรกับเขาได้ซึ่งหน้า ในสถานการณ์ที่อาวุธไม่ได้เปรียบ แต่ละดาบก็รับการโจมตีได้ทั้งหมด
สิ่งที่ยิ่งทำให้เขาอึ้งตะลึงก็คือ บนดาบคู่ของหลี่มู่แผ่พลังสะท้อนกลับที่มีเค้ารางว่าจะแข็งแกร่งขึ้นออกมา
“อะไรกัน? เจ้าเศษสวะนี่ยังมีพลังเหลืออีกหรือ?”
เจ้าสำนักอาทิตย์ทองรู้สึกเหลือเชื่อ
และตรงกันข้ามกันในขณะนี้ หลี่มู่เหมือนกินยาสงบใจ จิตใจค่อยๆ สงบลง
ภายใต้ ‘ค่ายกลสยบมารสูงสุด’ และการปกคลุมจากอานุภาพกดดันในภูเขาห้าองคุลี พลังฝึกกำลังภายในอันแข็งแกร่งที่เหล่าผู้แข็งแกร่งขั้นนักรบภาคภูมิใจถูกสะกดไว้ในกาย อภินิหารมากมายไม่อาจสำแดงออกมาได้ ทำได้แค่ใช้กระบวนท่าวิชายุทธ์มาต่อสู้ สำหรับหลี่มู่แล้ว นี่เป็นวิธีการต่อสู้ที่เขาชอบมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
ก่อนหน้านี้เขากับกัวอวี่ชิงและชิงเฟิงก็คาดเดาไว้ว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พลังรบส่วนมากที่ผู้แข็งแกร่งขั้นนักรบสำแดงออกมาทำได้แค่พอจะประเมินขีดจำกัดบนล่างเท่านั้น นั่นเป็นการคาดเดาทางทฤษฎี
และตอนนี้ ในใจของหลี่มู่ก็ได้คำตอบแล้ว
“จบแค่นี้”
ดาบยาวในมือของเขาพลันฟันออกไป รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
เจ้าสำนักอาทิตย์ทองใจเต้นวูบหนึ่ง ยามค้อนคู่ตั้งรับก็พลันสัมผัสได้ว่าพลังของดาบนี้เพิ่มขึ้นหลายเท่าในเสี้ยวพริบตา เมื่อเขาคิดจะเปลี่ยนกระบวนท่า ก็รู้สึกแต่ว่าพลังบนดาบยาวมากมายมหาศาลประหนึ่งน้ำป่าไหลหลาก แข็งแกร่งไร้เทียมทานจนค้อนคู่ของเขาหลุดออกจากมือ ทำให้เขาเปิดช่องโหว่และสูญเสียการป้องกัน…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา