จักรพรรดิเซียนหมิงกวงมีสีหน้าปกติ ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
เขายังคงสุ่มชี้ผู้ฝึกตนนอกพิภพจากในกลุ่มอีกสามครั้งติดกัน เลือกมาอีกสามคน เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นนักรบระดับต้นทั้งสิ้น “พวกเจ้าสามคน ลงมือพร้อมกัน”
“เจ้าคนไร้ยางอาย ใช้คนมากรังแกคนน้อยกว่า” หมิงเยวี่ยร้อนใจแล้ว เรียกภาพอัศจรรย์ ‘บัวขาวฟ้าคราม’ ออกมา เตรียมจะเข้าไปช่วยเหลือหลี่มู่ ชิงเฟิงกับกัวอวี่ชิงรีบร้อนดึงนางเอาไว้
ร่างกายของหมิงเยวี่ยพิเศษมาก มีศักยภาพไม่จำกัด ทว่าพลังแท้จริงตอนนี้อยู่ในระดับทรงพลังในหมู่จอมยุทธ์บนโลกนี้เท่านั้น สำหรับผู้ฝึกตนนอกพิภพแล้ว อย่าว่าแต่ขั้นนักรบเลย แค่ขั้นสามัญผ่านสะพานเป็นตายก็ยังไม่ใช่คู่มือ
“ผู้ผิดบาปล้วนเป็นพวกโหดร้ายน่ากลัว ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องคุณธรรมกับมัน”
“ได้ตายด้วยน้ำมือพวกเราสามคน ก็ถือว่าเป็นเกียรติของเจ้า”
“จะมัวพูดพร่ำกับผู้ผิดบาปนี้ทำไม สังหาร”
ร่างทั้งสามมีสองชายหนึ่งหญิง พลังอำนาจไม่ธรรมดา แต่ละคนมาจากสำนักเต๋าโบราณ สำนักบุปผาโลกันตร์ และสำนักชำระกระบี่ ดวงตาเผยความเคร่งขรึม ต่างคนต่างหยิบอาวุธออกมาแล้วพุ่งตรงเข้าหาหลี่มู่
กัวอวี่ชิงกุม ‘หอกอัสนีทะยาน’ สาวก้าวใหญ่ขึ้นมาด้านหน้า
หลี่มู่โบกมือ เอ่ยขึ้นว่า “พี่ใหญ่ ท่านกลับไปก่อน คอยปกป้องชิงเฟิงกับหมิงเยวี่ย”
กัวอวี่ชิงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะถอยกลับไป
หลี่มู่ยกเท้าขึ้นสองสามครั้ง ถีบศพของซุนจี้วังประสานฟ้า เจ้าสำนักอาทิตย์ทอง และจอมกระบี่วายุโหมกลิ้งไปอยู่ตรงหน้าหมิงเยวี่ยชิงเฟิง หมิงเยวี่ยที่กำลังเดือดดาลพลันตาเป็นประกาย เข้าใจความหมายจากหลี่มู่ จึงเริ่มค้นหาบนร่างคนเหล่านี้ และปลดข้าวของทั้งหมดในตัวพวกเขาลงมาทั้งหมด
เหล่าผู้ฝึกตนนอกพิภพเห็นฉากนี้ก็ล้วนพูดไม่ออก
นี่มันพวกหน้าเงินที่ตายไปก็ยังอยากได้ทรัพย์สินชัดๆ เจ้าค้นไปได้แล้วมันจะทำไม? มีชีวิตหยิบมา แต่ก็ไม่มีชีวิตใช้มันอยู่ดี
มือขวาหลี่มู่กำดาบยาวตรงหน้า มือซ้ายพลิกกำดาบสั้น ใต้ฝ่าเท้ามีพลังเวท ร่างกายลากเป็นภาพซ้อนต่อเนื่องกันกลางอากาศ จากนั้นพุ่งตรงเข้าสังหารผู้แข็งแกร่งทั้งสามทันที
การต่อสู้ปะทุขึ้น
ราวหนึ่งก้านธูปต่อมา ศีรษะลอยขึ้นฟ้าไปอีกสาม เจ้าสำนักใหญ่สามคนสู้จนตัวตาย ไม่อาจหนีพ้นจากเคราะห์ร้ายถูกตัดคอได้
แต่ว่า สถานการณ์ของหลี่มู่ก็ไม่ได้ดีเท่าไรนัก
แขนซ้ายของเขามีรอยกระบี่ลึกถึงกระดูก แทบจะตัดแขนซ้ายแขนแล้ว แผลจากดาบที่ช่วงท้องแทบจะทำให้เขามีทายาทไม่ได้ ลำไส้ก็เกือบไหลลงมา ได้เสื้อผ้าของเขากันเอาไว้เท่านั้น เวลาเดียวกันยังมีกระบี่หักอีกเล่มปักอยู่บนต้นขา แทงทะลุออกไปด้านหลัง…บาดเจ็บสาหัส!
เหล่าผู้ฝึกตนนอกพิภพอดสูดปากไม่ได้ สายตาที่มองหลี่มู่เปลี่ยนไปแล้ว
เดิมทีพวกเขาคิดว่าภายใต้การร่วมมือกันของสามเจ้าสำนัก ครั้งนี้หลี่มู่ต้องไม่รอดแน่ ต่อให้เจ้าสำนักใหญ่ทั้งสามจะสู้ถวายหัวจนตายไปคนหนึ่ง เหลือรอดมาได้มากสุดสองคนก็ถือว่าถึงขีดจำกัดแล้ว ใครจะรู้ว่าจะเกิดผลลัพธ์เช่นนี้
หากไม่ใช่ว่าหลี่มู่ก็มีเลือดไหล พวกเขาคงสงสัยจริงๆ ว่าหนุ่มผู้ผิดบาปคนนี้ใช่หุ่นเชิดสังหารตัวหนึ่งหรือไม่ น่ากลัวเกินไป แกร่งกล้าเกินไป นอกจากพลังที่มากมาย ระดับความยอดเยี่ยมของวิชาดาบก็พูดได้ว่าธรรมดา แต่กลับสามารถตาต่อตาฟันต่อฟัน ใช้วิธีการสู้แบบให้ตายกันไปทั้งสองฝ่าย สู้สุดชีวิตจนปลิดชีพเจ้าสำนักใหญ่ทั้งสามลงได้
คนประเภทนี้คือพวกบ้าการต่อสู้ เป็นคนคลั่ง
มุมปากของจักรพรรดิเซียนหมิงกวงเผยยิ้มเหี้ยมเกรียม ไม่ได้ประหลาดใจ และยิ่งไม่พูดจา แต่ยกมือสุ่มชี้ในกลุ่มผู้ฝึกตนนอกพิภพ เลือกผู้แข็งแกร่งออกมาอีกหกคน ก่อนกล่าว “พวกเจ้าลงมือพร้อมกัน อย่าทำให้ข้าผิดหวัง”
หลี่มู่ไม่พูดอะไร และหยุดพวกหมิงเยวี่ยที่ก่นด่าด้วยความเดือดดาลไว้
ชัดเจนว่าจักรพรรดิเซียนหมิงกวงกำลังเล่นแมวไล่จับหนู ตอนนี้คำสาปแช่ง คำด่าทอ และเรื่องเหตุผลใดๆ ไม่มีความหมายอีกแล้ว มีเพียงใช้ดาบในมือสังหาร จึงจะสามารถแก้ปัญหาได้
เขายกเท้าถีบศพทั้งสามไปด้านหน้าหมิงเยวี่ย ปฏิเสธความช่วยเหลือจากกัวอวี่ชิง ใช้ฟันกัดดาบยาวไว้ ก่อนละมือมาพลิกดึงกระบี่หักออกจากต้นขาจนเลือดสาดกระเซ็น จากนั้นจึงกุมดาบอีกครั้ง และพุ่งตรงเข้าไปฟาดฟันกับยอดฝีมือทั้งหก
ทว่าพุ่งไปได้สองก้าว เท้าก็สะดุดจนเกือบหกล้ม
กระบี่หักเล่มนั้นเป็นอาวุธของเจ้าสำนักชำระกระบี่ซึ่งไม่ธรรมดามาก เป็นอาวุธเต๋าชั้นยอด ภายในแฝงไว้ด้วยจิตดาบที่เหมือนตัวอ่อนแมลงวันเกาะติดกระดูก กำลังแผ่ลามอย่างบ้าคลั่งอยู่ในกล้ามเนื้อกระดูกต้นขาซ้ายของหลี่มู่ ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่มู่ใช้ปราณแท้สะกดเอาไว้ น่ากลัวว่าขาข้างนี้จะพังไปแล้ว
“เหอะๆ ขาเป๋ไปแล้ว ยังคิดจะสู้เหมือนเสือจนตรอกอีกหรือ?” มีคนเปล่งเสียงเยาะเย้ย
ทว่าพริบตาต่อมา ดาบยาวของหลี่มู่ฟันผ่าน ใช้แผลแลกแผล ฟันร่างของเขาขาดเป็นสองท่อนตรงๆ
การต่อสู้ดุเดือดเกินจะเปรียบ
ไม่นานหลี่มู่ก็มีบาดแผลเต็มตัว กระทั่งหน้าผากก็เกือบจะถูกฝ่ายตรงข้ามใช้ดาบผ่า หน้าอก แผ่นหลัง แขนและขา ทุกที่ล้วนมีบาดแผล ผิวหนังพลิกออกมาด้านนอกเผยให้เห็นกระดูกขาว ราวถูกตัดสินประหารด้วยการตัดชิ้นส่วนอย่างไรอย่างนั้น
คู่มือของเขาตายไปแล้วสามคน เจ็บหนักอีกสอง ยังมีอีกคนที่บาดเจ็บสาหัสกว่า ถูกทำให้ตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง สูญสิ้นความกล้าในการสู้รบจนหมดสิ้น เมื่อเผชิญหน้ากับหลี่มู่ที่อยู่ในสภาพน่าเวทนาเหมือนศพฟื้นคืนชีพมาครึ่งหนึ่ง ก็ร้องเสียงแหลม หันหลังคิดจะหนีไป…
“ไม่ เจ้ามันไม่ใช่คน” ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักเหมยหลันผู้นี้ ใจเต๋าแทบจะถูกทำลาย ปณิธานมุ่งต่อสู้สลายกลายเป็นควัน ทรมานเสียยิ่งกว่าถูกบีบให้ตาย ใกล้จะเป็นบ้าไปแล้ว
เหล่าผู้ฝึกตนนอกพิภพรอบๆ ไม่รู้แล้วว่าควรพูดอะไรดี
พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าการสังหารคนคนหนึ่งจะยากเย็นถึงเพียงนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา