หวางซืออวี่ตาแทบจะถลนออกมา ต่อสู้ดิ้นรนสุดชีวิต
ทว่าจะดิ้นรนให้หลุดจากวิชาของจักรพรรดิเซียนหมิงกวงได้อย่างไร?
หยาดน้ำตาแวววาวไหลอาบบนแก้มขาวนวลงดงามของเธอ
เธอเคยโกรธที่ตัวเองไม่สามารถฝึกวรยุทธ์ได้มาหลายครั้ง ไม่หนักมาก แต่ว่าครั้งนี้มันรุนแรงเหลือเกิน
ถ้าหากตนมีพลังที่แข็งแกร่ง ก็จะไม่ต้องเป็นตัวถ่วงพวกหลี่มู่ และคงไม่ต้องมาเห็นคนที่ตัวเองชอบที่สุดถูกเล่นงานจนยับเยินเช่นนี้ต่อหน้าต่อตา แต่ว่ากลับช่วยอะไรไม่ได้เลย
“คุณชาย…” หมิงเยวี่ยทนไม่ไหวแล้วจริงๆ น้ำตาไหลริน พุ่งเข้าไปด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ข้าจะสู้สุดชีวิตกับคนสารเลวเช่นพวกเจ้า”
“สะกด!” จักรพรรดิเซียนหมิงกวงยกมือ ใช้วิชาสะกดร่างอีกครั้ง ตรึงหมิงเยวี่ยให้ค้างนิ่งอยู่ที่เดิม “เด็กน้อย เจ้าไม่ใช่ผู้ผิดบาป อย่าได้เข้าใจตัวเองผิดไป”
หอกอัสนีทะยานในมือกัวอวี่ชิงพลันสำแดงพลัง ปกป้องหมิงเยวี่ยไว้ทันที
หยวนโห่วเปล่งเสียงคำรามเดือดดาลในลำคอ แผดเสียงพลางเปลี่ยนร่างกลับเป็นวานรภูเขาขนทองตัวยักษ์ โบกกระบองสังหารมารในมือแล้วทะยานขึ้นไปอย่างไม่สนใจตัวเอง ทว่าต้านทานให้หลี่มู่ได้เพียงสามกระบวน ก็ถูก ‘ดาบมาร’ จ่างซุนฉางคงออกดาบซัดจนปลิว
“ฮ่าๆ สัตว์หน้าขนสีทอง สัตว์เลี้ยงของหลี่มู่เช่นนั้นหรือ?” จ่างซุนฉางคงใช้เท้าเหยียบหัวของหยวนโห่ว กดจนจมไปในดิน เอ่ยว่า “ไม่เลว วานรภูเขาพันธุ์แปลกหายาก พอถูไถเอาไปเป็นสุนัขเฝ้าบ้านของข้าได้ ฮ่าๆ”
เขาจงใจเหยียดหยามหยวนโห่วต่อหน้าหลี่มู่ เพื่อกระตุ้นอารมณ์ฝ่ายตรงข้าม
กลุ่ม ‘เป่าสีดีดร้อง’ ทั้งสี่แห่งสำนักกำเนิดฟ้าก็ทนไม่ไหวเช่นกัน
หากหลี่มู่ตายไป พวกเขาสี่คนก็จบเห่ด้วย
ตั๊กแตนที่อยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน มีเกียรติก็มีพร้อมกัน ถูกทำลายก็ตายพร้อมกัน
“นายท่าน” พวกเขาตะโกนพลางถลาเข้าไป กลับถูกผู้ฝึกตนนอกพิภพสี่คนขวางไว้ การต่อสู้อันดุเดือดจึงเริ่มขึ้น ไม่นานนักก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ หากไม่มีอาวุธสมบัติเต๋าอยู่ในมือ น่ากลัวว่าแค่ไม่ถึงห้าสิบกระบวนท่าก็ถูกสังหารแล้ว
หอกอัสนีทะยานในมือของกัวอวี่ชิงมีสายฟ้าไหลเวียน ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่างจึงยังไม่ลงมือ
“ฮ่าๆๆๆ…” หลังจากลองหยั่งเชิงอย่างต่อเนื่อง จนแน่ใจว่าหลี่มู่ไม่มีเรี่ยวแรงจะโต้กลับอีก เด็กหนุ่มเผ่าผู้วิเศษจึงบุกขึ้นหน้าไปอย่างอาจหาญ ซัดต่อเนื่องหลายสิบหมัดจนร่างของหลี่มู่ลอยขึ้น ส่งเสียงดังไปมาอยู่กลางอากาศ
“เจ้าเก่งนักไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าไร้เทียมทานหรือไร ตอนนี้ทำไมแค่หมัดเดียวก็ต้านไม่อยู่? ฮ่าๆ ขยะอย่างไรก็ยังเป็นขยะ แค่หมัดเดียวของข้าก็รับไม่ไหวแล้ว” เขาลิงโลดอย่างมาก จงใจใช้คำพูดยั่วยุหลี่มู่
ดาบยาวในมือหลี่มู่พยายามต้านไว้อย่างสุดกำลัง
แต่จนแล้วจนรอดก็หมดเรี่ยวแรง ท่าดาบสะเปะสะปะไปหมด จะต้านทานการโจมตีราวพายุห่าฝนของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไร?
ท่ามกลางสะเก็ดไฟจากการต่อสู้ ร่างของหลี่มู่ถูกแรงหมัดที่ไร้สิ้นสุดซัดจนลอยขึ้นกลางอากาศ ร่วงลงมาไม่ถึงพื้น ในชั่วพริบตาไม่รู้ว่าถูกเด็กหนุ่มเผ่าผู้วิเศษชกไปแล้วกี่หมัด
“สังหาร!”
‘ดาบมาร’ จ่างซุนฉางคงรวดเร็วดุจสายฟ้า ทะยานขึ้นแล้วฟันลงมาหนึ่งดาบ
ท่าดาบลากยาวมาจากจ่างซุนฉางคงราวกับแม่น้ำโลหิต ตรงไปที่ขาทั้งสองข้างของหลี่มู่ ชัดเจนว่าไม่ได้ต้องการสังหารหลี่มู่ให้แดดิ้น แต่จะเด็ดแขนขาของเขาออกเพื่อมอบความทรมานและความอับอายให้
เคร้ง!
ในช่วงเวลาสำคัญ หลี่มู่เหวี่ยงดาบต้านการโจมตีครั้งนี้ไว้
ทว่าทั้งตัวเขาถูกพลังมหาศาลของดาบมารซัดกระแทกลงพื้นจนกลายเป็นหลุมใหญ่ นอนแผ่อยู่ตรงก้นหลุม ดาบยาวอาวุธเต๋าชั้นยอดในมือก็ถูกฟันจนมีรอยแตกมากมาย ใกล้จะหักอยู่รอมร่อ…
“ถึงอย่างไรก็ยังเป็นขยะคนพื้นเมืองอยู่ดี พลังเช่นนี้ ช่างอ่อนแอจนน่าเวทนา” ‘ดาบมาร’ จ่างซุนฉางคงยืนอยู่ที่ปากหลุม มองลงมาพลางหัวเราะเย็นชา เย้ยหยันอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ
‘ไม่…’ หวางซืออวี่คร่ำครวญไร้เสียงอยู่ในใจ
“ฮ่าๆ เจ้าทนนักทนหนาไม่ใช่หรือ? ลุกขึ้นมาสู้ต่อสิ” เด็กหนุ่มเผ่าผู้วิเศษสองขาพิการ แต่มาถึงข้างหลุมได้ด้วยความเร็วสูงยิ่ง จากนั้นกระทืบเท้าลงจนผืนดินสั่นสะเทือน แรงสะเทือนนั้นดีดตัวหลี่มู่ลอยขึ้นมาจากกลางหลุม
จากนั้น สิ่งที่รอรับหลี่มู่อยู่ก็คือการโจมตีจากกำปั้นที่รัวไม่ยั้ง
ร่างของหลี่มู่เสมือนตุ๊กตาผ้าขาดที่กระเด็นไปมา ไม่ตกพื้นเสียที เลือดสดกระเซ็นเต็มฟ้า บาดแผลที่น่าสังเวชอยู่แล้วยิ่งดูน่าสะพรึงกลัวกว่าเดิม…
‘ดาบมาร’ จ่างซุนฉางคงก็ลงมือต่อเนื่อง ฟันดาบสังหารไปที่หลี่มู่ จงใจจะทรมานเขา แต่การโจมตีถึงชีวิตทุกครั้ง หลี่มู่มักใช้ดาบยาวในมือรับไว้อย่างฝืนๆ ได้
ผู้ฝึกตนนอกพิภพคนอื่นๆ ก็ลงมือจัดการหลี่มู่เช่นกัน
ทว่าไม่มีใครที่คิดจะสังหารหลี่มู่ให้ตายในทันที
เพราะคนมากมายล้วนมองออกว่าจักรพรรดิเซียนหมิงกวงไม่ต้องการให้หลี่มู่ตายไวนัก ขณะที่หลี่มู่ถูกทารุณทรมาน บนใบหน้าของจักรพรรดิเซียนหมิงกวงปรากฏรอยยิ้มบางแสนประหลาด
จักรพรรดิเซียนคนนี้เหมือนจะชอบชมฉากเช่นนี้มาก และจดจ่อเฝ้ารอการทรมานต่อไป
เป็นเช่นนี้อยู่ราวหนึ่งก้านธูปเต็ม
หลี่มู่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะยืนแล้ว
แต่ว่าเขากลับยังคงตอบโต้อย่างเด็ดเดี่ยวในบางจังหวะ ต่อให้ไม่สามารถทำร้ายฝ่ายตรงข้ามได้ ก็แสดงการต่อต้านของตนเองอย่างชัดแจ้ง ไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน
การกระทำเช่นนี้ยิ่งยั่วโมโหพวกจ่างซุนฉางคงและเด็กหนุ่มเผ่าผู้วิเศษ จึงลงมือหนักข้อขึ้น โหดเหี้ยมยิ่งขึ้น
ในที่สุด เมื่อผ่านไปอีกหนึ่งก้านธูป หลี่มู่ยับเยินเหมือนจะไม่ใช่ร่างมนุษย์แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา