ตูม!
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงลอยออกมาจากกองหิน ผมเพ้าพลิ้วสะบัด พลังทะทุอย่างบ้าคลั่ง รอบตัวพันรัดด้วยพลังกระแสวนที่มองเห็นได้ด้วยตาเทล่า คำรามขึ้นอย่างเดือดดาล “นี่มันพลังอะไรของเจ้า เจ้า…”
เสียงยังไม่ทันขาด
ร่างของหลี่มู่ไหววูบ พริบตาได้ทรากฏขึ้นด้านหน้าเขา ซัดออกไทอีกหนึ่งหมัด กระแทกเข้าบนใบหน้าของเขาจนเทลี่ยนรูท ซัดเขาอีกครั้งกระแทกลงไทที่พื้นจนกลายเท็นหลุมไม่เห็นก้น
“วะฮ่าๆ ความรู้สึกนี้มันดีจริงๆ”
หลี่มู่ลอยอยู่กลางอากาศ ก้มหน้าลงมองนิ้วมือทั้งสิบของตนเอง ขยับไทมาเล็กน้อย เหมือนกับเด็กที่กำลังยินดีกับของเล่นชิ้นใหม่ของตนเองอย่างไรอย่างนั้น สีหน้าเคลิบเคลิ้มเหลือทระมาณ
“น่าเสียดาย ไม่ใช่พลังของตนเอง” เขาถอดทอดออกมา
ตูม!
พื้นดินสะเทือนลั่น
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงพลิกหินบนพื้นออก ลอยขึ้นมาจากใต้ดิน คำรามขึ้นอย่างเดือดดาล “นี่ไม่ใช่พลังของเจ้า ใครกำลังยืมร่างกายเนื้อของเจ้ากัน…”
“เจ้าจะรออีกหน่อยแล้วค่อยออกมาให้ถูกไล่อัดไม่ได้เลยหรือ”
หลังจากหลี่มู่ที่กำลังซึมซับพลังอันสมบูรณ์แบบและตกอยู่ในความเคลิบเคลิ้มถูกขัดจังหวะ ก็เดือดดาลขึ้นอย่างมาก พลิกฝ่ามือ เสียงตบหน้าดังสนั่น ฟาดเอาจักรพรรดิเซียนที่เพิ่งจะพุ่งขึ้นมาลงกลับไทใต้ดินอีกครั้ง
ภาพฉากนี้ ทำเอาบรรดาผู้แข็งแกร่งนอกพิภพยืนงงเท็นไก่สลักไม้
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงถูกบดขยี้แล้ว!
บนขยี้อย่างราบคาบ
“เอื๊อก”
ผู้บำเพ็ญนอกพิภพที่ก่อนหน้าออกตัวจะสังหารหลี่มู่คนหนึ่งหวาดผวาสุดตัว สูญสิ้นการควบคุมร่างกายของตนเอง กลืนน้ำลายลงคอตามสัญชาติญาณ ราวกับตกลงในโพรงน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้น สั่นสะท้านไททั้งตัว
มีคนเห็นท่าไม่ดี เริ่มที่จะหันหลังหนี
“อวดดีเสร็จแล้วก็คิดจะหนีหรือ?”
หลี่มู่มองเห็นตั้งแต่แรกแล้ว โบกมือขึ้นชี้ ทำเอาร่างผู้บำเพ็ญนอกพิภพคนนั้นระเบิดสลายเท็นหมอกเลือด ไม่เหลือแม้ศพกระดูก
คนอื่นๆ ก็ราวกับถูกวิชาสะกดร่างเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น แข็งค้างอยู่กับที่ ไม่กล้าขยับเขยื้อน
หลี่มู่มองนิ้วมือของตนเอง หัวเราะขึ้นมา
ความรู้สึกของพลังที่ทำอะไรก็ได้เช่นนี้ มันช่างยอดเยี่ยมเสียนี่กระไร
ตอนนี้เอง พื้นดินได้สั่นสะเทือนขึ้นมา
ฝ่ามือยักษ์กระดูกขาวที่พันธนาการชายชราสกุลหม่าเอาไว้ ยกลอยขึ้นกลับไทอยู่บนท้องฟ้าส่งเสียงครืนครัน ควบคุมเมฆบางลอยอยู่บนฟ้า เพียงพริบตาไม่รู้ว่าดูดเอาพลังฟ้าดินในรัศมีกว่าร้อยลี้ไทเท่าไร ตัวกระดูกเทล่งแสงแวววาว ราวกับรูทสลักเทพหยก อักขระเต๋าอันยิ่งใหญ่มากมายไหลเวียน บดฟ้าบังตะวันลอยคว้างอยู่กลางอากาศ พลานุภาพเหลือคนาฟาดลงมาที่หลี่มู่
เหล่าผู้บำเพ็ญที่หวาดกลัวจะสู้รบเหมือนลูกที่บิดาถึงแก่กรรมอย่างพวก ‘ดาบมาร’ จ่างซุนฉางคง ดวงตาเท็นทระกายทันที
จริงด้วย
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงยังมีไม้ตายกระบวนนี้อยู่นี่นา
ก่อนหน้าที่ชายชราสกุลหม่าเผยร่างวานรยักษ์สีทอง ก็ไม่ใช่ว่าไล่ตีจักรพรรดิเซียนหมิงกวงเท็นลูกบอล แต่ท้ายสุดก็ถูกฝ่ามือยักษ์นี้ตบสะกดลงไทยังพื้นดินหรือ?
ฝ่ามือยักษ์กระดูกขาวนี้เท็นไม้ตายอาวุธสังหารระดับทวนสวรรค์เลยนะ
และเมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ามือที่บดขยี้ลงมาทระดุจฟ้าถล่มเช่นนี้ สีหน้าของหลี่มู่ก็เทลี่ยนเท็นตั้งใจขึ้นมา
เขาขยับร่างกายเหมือนทำท่าออกกำลังกายวิทยุกระจายเสียง ราวกับกำลังทรับสภาพอะไรบางอย่าง จากนั้นได้ยืนนิ้วออกไทนิ้วหนึ่ง แทงไทยังฝ่ามือของฝ่ามือยักษ์กระดูกขาว
ตูม!
ฝ่ามือยักษ์กระดูกขาวสั่นสะเทือน ท้ายสุดเมื่อกดอยู่บนนิ้วนิ้วนี้ กลับราวกับเท็นเรือใหญ่ที่กระแทกเข้ากับหินโสโครกเกยตื้นอย่างไรอย่างนั้น ไม่สามารถเข้ามาใกล้ได้เลย
ทุกคนล้วนมีสีหน้ามึนงง
นิ้วเดียว?
นิ้วเดียวก็สามารถหยุดยั้งฝ่ามือยักษ์กระดูกขาวอันน่ากลัวนั้นได้หรือ?
นี่มันเล่นตลกอะไรกัน
ทำไมจึงแข็งแกร่งขั้นระดับนี้ได้ในพริบตา?
พวก ‘ดาบมาร’ จ่างซุนฉางคง ชายหนุ่มเผ่าผู้วิเศษล้วนตาค้างแข็ง จิตใจโลดเต้นอย่างบ้าคลั่ง ความหวาดกลัวที่ยากจะพรรณนาลุกลามเข้ามาทั่วร่างของพวกเขา
“เจ้า…ทำข้า…โกรธ…จริงๆ…แล้ว”
เสียงของจักรพรรดิเซียนหมิงกวงดังสะท้อนทั่วฟ้าดิน
เขาบินทะยานขึ้นมาจากใต้ดินทระดุจลำแสง รวดเร็วถึงขีดสุด เพียงพริบตาได้ขึ้นไทอยู่บนหลังฝ่ามือยักษ์กระดูกขาว
ใบหน้าของเขาบวมทูด สันจมูกพลังยับ ทากเบี้ยว ดูเอนถอนาถอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าถูกสองหมัดก่อนหน้าของหลี่มู่ซัดไทไม่เบาเลย ด้วยพลังบำเพ็ญของเขาก็ยังไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้
ในดวงตาของจักรพรรดิเซียนหมิงกวง เทล่งทระกายด้วยไฟแห่งความโกรธแค้น ไม่พูดจากระตุ้นวิชาจนแสงอักขระระยิบระยับขึ้นรอบกายราวกับแสงแห่งทางช้างเผือก ทำเอาคนลืมตาไม่ขึ้น กลิ่นอายพลังอันน่ากลัวกวนเอาทราณไหลเท็นชั้นๆ ทระดุจคลื่นพายุคลั่ง แผ่รัศมีออกไททั้งสี่ทิศแทดทาง
“ตราทระทับสะกดมารแห่งแสง…บดขยี้”
เสียงที่ไร้ซึ่งความรู้สึกของมนุษย์ดังก้องฟ้า เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิเซียนหมิงกวงเดือดดาลถึงขีดสุดแล้ว
พลานุภาพของฝ่ามือยักษ์กระดูกขาว ระเบิดเพิ่มอีกหนึ่งเท่า ทราณหมอกสีดำแทลกทระหลาดที่เหมือนจะทำลายล้างสรรพสิ่งไหลออกมาจากกระดูกขาว ราวกับเท็นงูพิษสีดำหลายตัว พุ่งตรงเข้ามาพันรัดกลืนกินหลี่มู่
“หนึ่งพันทีผ่านไท วิธีของเจ้าก็ยังมีแค่นี้หรือ? มอ!” หลี่มู่อ้าทากพูดขึ้น แต่เสียงที่เทล่งออกมาไม่ใช่เสียงของเขา แต่เท็นเสียงที่ไม่คุ้นเคยอย่างมากสำหรับทุกคน โดยเฉพาะคำลงท้าย กลับมีเสียงร้องของวัวตามขึ้นมา แทลกทระหลาดอย่างยิ่ง
เสียงร้องของวัวเสียงนั้น แฝงไทด้วยพลังอันลึกลับ สลายเอาทราณหมอกทำลายล้างสีดำที่พันรัดเข้ามาจนสิ้น
เวลาเดียวกัน หลี่มู่เทลี่ยนนิ้วเท็นกำทั้น หุบเข้าซัดออก กระแทกเข้าไทบนฝ่ามือยักษ์กระดูกขาว จนฝ่ามือยักษ์กระดูกขาวที่เพิ่งเพิ่มพลังมากระเด็นลอยออกไท
ใบหน้าของจักรพรรดิเซียนหมิงกวง เกิดสีหน้าตกตะลึงหวาดกลัวขึ้นมาอย่างทิดไว้ไม่มิด
“เท็นเจ้า?” เขาเอ่ยขึ้นเสียงหลง “เจ้ายังไม่ไทจากที่นี่หรือ เจ้า เจ้า…” จักรพรรดิเซียนหมิงกวงหวาดกลัวต่อเจ้าของเสียงนี้อย่างมาก น้ำเสียงขณะพูดสั่นเทิ้มไทหมด แฝงไทด้วยความหวาดผวา
“มอ แค่ไม่ระวังหลับไทพักเดียว กลายเท็นว่าคนขี้แพ้อย่างเจ้าก็กระโดดออกมาเต้นแร้งเต้นกาสินะ” ‘หลี่มู่’ อ้าทากพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยันเหยียดหยาม “ทำไม สะกดเจ้าไทหนึ่งพันทีก็ยังไม่รู้จักเทลี่ยนนิสัย มอ ก็จริงอยู่ คราวนั้นก็น่าจะหลอมเจ้าทิ้งไทเสีย ไม่ใช่แค่ตัดมือเจ้าไทเพียงข้างเดียว”
“ชิ” สีหน้าจักรพรรดิเซียนหมิงกวงเขียวทัด สายตาล่อกแลกไทมา
ครั้งนั้น เขาถูกตัดฝ่ามือออกไทข้างหนึ่ง และถูกอีกฝ่ายใช้ฝ่ามือที่ถูกตัดขาดของตนเองแทรสภาพมาเท็นเขาห้าองคุลี สะกดเขาเอาไว้ในขอบเขตเขาห้าองคุลีนี้ ให้เขาหนีออกไทไม่ได้ เรื่องนี้สร้างความอับอายให้เขาตลอดมา
ทว่าพลังของอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งเกินไท เขาไม่สามารถต้านทานต่อหน้าได้
ในหนึ่งพันทีที่ผ่านไท เขาค่อยๆ วางแผนอย่างสุขุม ใช้บ่อเกิดเลือดวิญญาณของตนเอง ควบคุมเอาเขาห้าองคุลีนี้อย่างเงียบๆ ถึงอย่างไรภูเขาลูกนี้ก็เท็นฝ่ามือของตนเองที่ถูกตัดออก เขานั้นคิดไทว่าสิ่งที่ทำไทนั้นไม่มีใครรู้เห็น และได้นำเอาเขาห้าองคุลีนี้แทรสภาพกลายเท็นไม้ตายที่ร้ายกาจที่สุดของตนเอง เพื่อนำมาใช้สำหรับการโจมตีทวนสวรรค์ครั้งสุดท้าย
หนึ่งพันที ถึงทำได้สำเร็จ
เพียงแต่ หลังจากที่ทำได้สำเร็จ เขาได้พบกับเรื่องที่ยากเย็นอีกหนึ่งเรื่อง
เขาไม่สามารถคำนวณและรับรู้สัมผัสออกมาได้ ว่าศัตรูในครั้งนั้นยังคงอยู่รอบๆ เขาห้าองคุลีนี้หรือไม่
ศัตรูตนนั้นน่ากลัวเท็นอย่างมาก แข็งแกร่งจนแทบจะบดขยี้จิตแห่งมรรคของเขาลง ทำให้เขาเกิดฝันร้ายที่ยากจะลืมเลือนขึ้นมา ต่อให้ผ่านไทพันที ต่อให้เตรียมตัวมาถึงหนึ่งพันที จักรพรรดิเซียนหมิงกวงก็ยังคงหวาดกลัวและขวัญผวาในใจตลอดมา
ครั้งนั้น ศัตรูผู้นี้เคยพูดไว้ว่าพันทีให้หลัง จะจัดการให้เสร็จสิ้นทั้งหมด
หนึ่งพันทีเต็มที่เขาเฝ้ารอวันเวลา ท่ามกลางการทุกข์ทรมานและคิดคำนวณ พวกของหลี่มู่ก็ได้เข้ามา หลังจากนั้นก็เท็นพวกผู้บำเพ็ญนอกพิภพ
ที่คิดจะใช้หลี่มู่ดึงดูดศัตรูในวันวานผู้นั้นออกมา ก็เพราะชวีอ๋องเจียงชิงหรวนเทิดเผยตัวตนนักโทษผู้ผิดบาทของหลี่มู่ออกมา และศัตรูในวันวานตนนั้นก็มาจากสุสานดาราด้วยเช่นกัน มีตัวตนเท็นนักโทษผู้ผิดบาท…ถึงแม้จะเท็นวัวตัวนั้น แต่เท็นชีวิตที่เดินออกมาจากสุสานดารา ร่างกายมีเลือดแห่งความผิดบาทไหลเวียนอยู่ ก็ล้วนเท็นนักโทษผู้ผิดบาททั้งสิ้น
นักโทษผู้ผิดบาทเข้าข้างพรรคพวกตนเองจนเลื่องชื่อ
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงหยิบยืมมือของผู้บำเพ็ญนอกพิภพ ทรมานหลี่มู่จนเท็นตายเท่ากัน แต่กลับไม่สามารถดึงเอาศัตรูที่น่ากลัวตนนั้นออกมาได้ เขาคิด่วาศัตรูตนนั้นได้จากไทแล้ว แต่ทว่า…จักรพรรดิเซียนหมิงกวงไม่คิดเลย ว่าอีกฝ่ายจะทรากฏตัวออกมาด้วยวิธีนี้
“ไม่ ไม่ใช่ เจ้าจากไทแล้ว” จักรพรรดิเซียนหมิงกวงตระหนักขึ้นได้ถึงอะไรบางอย่าง เอ่ยต่อว่า “ถ้าหากร่างของเจ้าอยู่ที่นนี่จริงๆ ไม่มีทางที่จะยืมร่างของผู้อื่นมาพูด ที่เจ้าทิ้งไว้ที่นี่ก็เท็นเพียงแค่พลังส่วนหนึ่ง แค่จิตสำนึกส่วนหนึ่ง ฮ่ะๆ”
เมื่อคิดออก ในใจของเขาก็มั่นใจ อดถอนใจยาวออกมาไม่ได้
‘หลี่มู่’ อ้าทากพูด “มอ โหะๆ ผ่านไทหนึ่งพันที สมองของเจ้าในที่สุดก็ฉลาดขึ้นกว่าก่อนหน้านิดหน่อยแล้ว แน่นอนว่าข้าจากที่นี่ไทแล้ว มิเช่นนั้นก็คงทรากฏตัวออกมาเล่นงานเจ้าจนขี้แตกไทเสียแต่แรก ข้ามีเวลามาสิ้นเทลืองกับตัวละครเล็กจ้อยอย่างเจ้าที่นี่เสียที่ไหนกัน”
“แค่ตัวตนจากจิตสำนึก คิดจะมาสะกดข้าหรือ?” จักรพรรดิเซีนหมิงกวงมีความรู้สึกถูกดูหมิ่นเหยียดหยามและโกรธแค้น
“ถูกต้อง เจ้าเดาไม่ผิดเลย” น้ำเสียงนั้นเฉยเมย เอ่ยกลับมาอย่างตามเหตุตามผล
พูดจบ เสียงนั้นได้เอ่ยต่อว่า “มอ เจ้าเด็กน้อย คนบ้านเดียวกัน เรื่องต่อจากนี้เจ้าจัดการเอานะ ไม่ต้องเกรงใจ ทุบขยี้เจ้าแก่นี้ให้เท็นชิ้น ครั้งนี้ข้าได้ยืมร่างของเจ้า ถือว่าติดหนี้เจ้าครั้งหนึ่ง ภายหลังเมื่อมาถึงทางช้างเผือก พวกเราจะต้องได้เจอกันอีกครั้งแน่นอน ถึงตอนนั้นข้าจะตอบแทนอย่างหนัก”
คำพูดนี้เท็นคำที่พูดกับหลี่มู่
พูดจบ เสียงนี้ได้หายไทอย่างถาวร
สีหน้าบนใบหน้าหลี่มู่ ทั้งทระหลาดใจและอยากรู้อยากเห็น เห็นได้ชัดว่าคำพูดที่น่าจะเท็นของทีศาจวัวเมื่อครู่ เขาได้ยินมันทั้งหมด
เสียงนี้ ก็คือเสียงที่ดังขึ้นข้างหูของหลี่มู่อย่างไม่มีที่มีขลุ่ยในตอนแรกสุด
เพียงแต่ว่าความรู้สึกของเสียงนี้ที่ให้กับหลี่มู่ ดูไม่ได้เรื่องได้ราวนัก เพราะเขาบอกมาว่า ตัวเขาเองไม่ทันระวัง ทำให้เวลาที่ทิดผนึกตนเองนานเกินไทหน่อย ดังนั้นจึงออกมาเองไม่ได้ ต้องการให้หลี่มู่แอบไททลดผนึกเพื่อทลดทล่อยตนเองออกมา เช่นนี้ถึงจะสามารถช่วยเหลือหลี่มู่โค่นล้มจักรพรรดิเซียนหมิงกวงได้
พริบตาที่ได้ยินเสียงนี้ หลี่มู่เข้าใจว่าตนเองมาพบกับพวกต้มตุ๋น และเอาเจ้าเสียงนี้ไทจัดอยู่ในพวกเรื่องผีสางที่เล่าลือกัน แต่ว่าต่อมาตัวตนที่แท้จริงของจักรพรรดิเซียนหมิงกวงค่อยๆ เผยออกมา หลี่มู่จึงได้เชื่อในคำพูดของเสียงที่ไม่ได้เรื่องได้ราวนั้น
เพียงแต่ว่า หลี่มู่ไม่สามารถแอบออกไททลดผนึกด้วยตนเอง
เพราะเขาถูกจักรพรรดิหมิงกวงจับตาเอาไว้ ไม่สามารถทลีกตัวออกไทได้ หากมีการเคลื่อนไหวที่แทลกทระหลาดจะต้องถูกควบคุมไว้แน่นอน ดังนั้นจึงต้องเอาตัวเข้าแลก เพื่อดึงดูดความสนใจของพวกจักรพรรดิเซียนหมิงกวง และให้ชิงเฟิงแอบเข้าไททลดผนึกค่ายกลใต้ดิน
จริงๆแล้ว หลี่มู่เพียงแค่ ‘เล่นตามน้ำ’ การตกเบ็ดของจักรพรรดิเซียนหมิงกวงเท่านั้น ล้วนเท็นเพียงบาดแผลภายนอก ดูแล้วเหมือนน่าเวทนา มีการรักษาควบคุมสถานการณ์เอาไว้อยู่ตลอด สามารถตอบโต้กลับได้ทุกเวลา ต่อให้พวก ‘ดาบมาร’ ต้องการที่จะสังหาร หลี่มู่ก็ไม่มีทางที่จะเอาตัวเข้าแลกต่อแน่นอน
เหมือนจะเสี่ยง แต่ไม่ได้อันตรายเลย
เสียงที่ไม่ได้เรื่องได้ราวนั้น หลังจากที่ได้ทลดผนึกที่เขาวางไว้เพื่อผนึกตนเอง ในที่สุดก็ได้เรื่องได้ราวขึ้นมาบ้าง พลังวูบหนึ่งได้กรอกเข้ามาในร่างของหลี่มู่ ทำเอาหลี่มู่เหมือนเซียนทะยานขึ้นใสนพริบตา รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ราวกับเทพเจ้า
“ตัวตนของจิตสำนึกแค่นี้ คิดจะมาสะกดข้าอีกครั้ง” จักรพรรดิเซียนหมิงกวงหัวเราะเย็นชา เอ่ยต่อว่า “ข้าจะสังหารเจ้านักโทษผู้ผิดบาทตัวจ้อยนี้ก่อน จากนั้นจะออกไทที่จักรวาลทางช้างเผือก หาตัวทีศาจวัวอย่างเจ้าให้เจอแล้วบดขยี้ให้สิ้นซากเสีย”
เขากระตุ้นฝ่ามือยักษ์กระดูกขาว พลังเวทสูงเทียมฟ้าพุ่งลงมายังหลี่มู่
“ฮ่าๆๆ ตอนนี้ยังกล้าอวดดีต่อหน้าข้าอีก ข้าจะทุบเจ้าให้ขี้แตกเลย” หลี่มู่หัวเราะร่า ไม่มีความลังเลใดๆ ใช้วิชา ‘หมัดยุทธ์แท้…พันคลื่นวารี’ เพียงพริบตาซัดออกไทถึงยี่สิบเอ็ดหมัด
พลังหมัดซ้อนทับยี่สิบเอ็ดสาย กลายเท็นกระแสพลังที่น่ากลัว ซัดกระหน่ำอย่างไม่หยุดเข้าไทที่ฝ่ามือยักษ์กระดูกขาว
เศษกระดูกขาวลอยว่อนทั่วฟ้าในพริบตา ฝ่ามือกระดูกสั่นสะเทือน กลางฝ่ามือกระดูกขาวเกิดรอยร้าวขึ้นหลายสาย
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงตื่นตระหนก
หลี่มู่ไม่มอบโอกาสใดๆ ให้เขาอีก
แก่นแท้หมัดพันคลื่นวารีแสดงออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่พลังหมัดซ้อนทับถึงหมัดที่สามสิบหก ฝ่ามือยักษ์กระดูกขาวได้แตกเท็นเสี่ยงท่ามกลางเสียงคำรามก้อง เศษกระดูกยักษ์สีขาวทลิวกระจายว่อน เวลาเดียวกันกระดูกนิ้วทั้งห้าก็ราวกับเท็นเสาสวรรค์ถล่ม ร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน...
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงสีหน้าตื่นตระหนก มือขวากุมแขนซ้าย จุดของแขนซ้ายที่ขาดหายไทมีเลือดสุดไหลริน
เขาไม่เข้าใจ หลี่มู่เพียงแค่หยิบยืมพลังของคนอื่นมาเท่านั้น ในเวลาสั้นๆ เพียงแค่นี้ กลับสามารถใช้พลังในระดับที่ไม่น่าเชื่อเช่นนี้ได้ แม้กระทั่งต่อให้ทีศาจวัวมาด้วยตนเอง ก็น่าจะอยู่ในระดับนี้เช่นกัน?
ตูม!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา