ภาค 3 คืนวันบนดาวโลก
วันแบบนี้ สําหรับซูชั่วและเซียวตงแล้ว เป็นวันที่น่าตื่นตะลึงนัก แสงดาบโหมกระหน�าประหนึ่งอัสนีแห่งเทพ ทั้งหมดฟาดฟันไปยังผู้บุกรุก หัวหลุดกลิ้งหลุนๆ ช่างสะใจยิ่งนัก “แค่นี้แล้วกัน”
วันนั้นยามพระอาทิตย์ตกดิน หลี่มู่ก็หยุดมือ
“กลับ”
กระบี่เหินหาวบรรทุกคนทั้งสามบินไปทางฐานที่มั่น แสงอาทิตย์อัสดงแดงฉาน ย้อมหิมะบนยอดเขาฉีเหลียนแดงไปทั่ว พายุหิมะลูกนี้ค่อยๆ สลายตัวไป
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง พวกหลี่มู่นั่งรถทหารสีน�าตาลคันหนึ่งที่ ด้านรอบนอก เข้าไปข้างในเขตหวงห้ามทางทหาร
รถทหารแล่นไปบนทะเลทราย ข้างหลังเกิดเป็นฝุ่นทรายหอบม้วน เป็นสายยาว
หลี่มู่นั่งหลับตาหล่อเลี้ยงจิตใจ โคจรพลังปรับสมดุลบนรถ
ถึงแม้จะบอกว่าโลกมีพลังฟ้าดิน แต่เบาบางเหลือเกิน เทียบกับบน แผ่นดินใหญ่ที่พลังวิญญาณบางเบาที่สุดก็ยังห่างกันอีกไกลนัก หลี่มู่ วันนี้สําแดงเดช สังหารผู้แข็งแกร่งต่างชาติไปมากขนาดนั้น ผลาญ ปราณแท้ในกายไปไม่น้อย ไม่ได้รับการชดเชยจากโลกภายนอกเป็น การสูญเสียอย่างหนึ่ง——อันที่จริงการบังคับดาบบินและสืบค้นเสีย ปราณแท้ไปค่อนข้างมาก สังหารผู้แข็งแกร่งสุดยอดที่ว่าพวกนั้น สําหรับหลี่มู่ เป็นแค่เรื่องพลิกฝ่ามือเท่านั้น
เขาโคจร ‘วิชาก่อนกําเนิด’ ดูดซับพลังฟ้าดิน ปรับสมดุล
ในขณะเดียวกัน ศึกวันนี้สําหรับหลี่มู่แล้ว ก็เป็นการรับรู้และศึกษา กฎฟ้าดินของโลกวิธีหนึ่ง
เขาได้ผลเก็บเกี่ยว
สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือ ค้นหาทั่วทั้งเขาฉีเหลียนแล้ว ก็หาร่องรอย ของซินแสเฒ่าไม่เจอ ก่อนหน้านี้ข้อมูลที่ฝ่ายทหารกล่าวถึงสถานที่ที่ ซินแสเฒ่าเคยปรากฏตัวขึ้น หลี่มู่ก็ไปมาแล้ว แต่ก็ไม่เจออะไร
ท่าทางจะหาซินแสเฒ่าให้เจอคงจะไม่ง่าย
ในช่วงระยะนี้หลี่มู่ลองใช้วิชาเต๋าอนุมาน คํานวณร่องรอยของ ซินแสเฒ่าตามลําดับก่อนหลัง แต่ความลับสวรรค์ไม่กระจ่าง ขมุกขมัว ราวควัน ไม่อาจมองเห็นได้ เขาจึงทําได้แค่ล้มเลิกเท่านั้น
ในนั้นน่าจะมี ‘ด่าน’ อะไรที่ยังจัดการไม่ได้ ซินแสเฒ่าจึงยังไม่ อยากปรากฏตัว
“ข้างนอกคืออะไร?” ซูชั่วพลันเอ่ยปากถาม
เธอมองไปยังทะเลทรายด้านนอก สถานก่อสร้างที่กําลังเร่ง ก่อสร้างกินพื้นที่กว้าง สิ่งก่อสร้างใช้เหล็กเป็นหลัก แทบจะไม่มีซีเมนต์ หรืออิฐกระเบื้องเลย แม้แต่กําแพงยังใช้เหล็กเชื่อม ประเมินคร่าวๆ น่าจะกินพื้นที่ถึงพันไร่ เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังออกมาจากสถาน ก่อสร้างเหล็กแห่งนี้ มองไปเผินๆ ราวสัตว์เหล็กมหึมาหมอบอยู่บน ทะเลทราย
ทหารที่นั่งอยู่ข้างคนขับตอบ “กําลังสร้างสนามต่อสู้”
ซูชั่วได้ฟังก็เข้าใจทันที
ฝ่ายทหารจะใช้โอกาสนี้จัดการขั้วอํานาจยุทธจักรในประเทศที่ เติบโตเรื่อยๆ ไม่หยุด ดังนั้นจึงจะจัดงานประลองยุทธครั้งแรกในเขต
หวงห้ามทางทหารแห่งนี้ในนามของประเทศ สนามต่อสู้แห่งนี้เห็นได้ชัด ว่าเพื่อการจัดประลองการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ว่า ในเอกสารที่หน่วยสนับสนุน ยุทธศาสตร์แจ้งมาก่อนหน้านี้ หลังจากนี้ไปประมาณครึ่งเดือนก็จะจัด งานประลอง ดังนั้นระยะเวลาการสร้างสนามต่อสู้จึงเห็นได้ชัดว่าเร่ง ร้อนมาก
หลี่มู่ได้ยินดังนั้น ใจก็ไหววูบ ลืมตาขึ้นมามองไปข้างนอกเช่นกัน
ทะเลทรายเวิ้งว้าง มองไปไร้ซึ่งขอบเขต นอกจากหญ้าขนนก และ พุ่มหญ้า ก็มีเพียงเม็ดทราย ก้อนหิน และดินเกลือ แล้วก็ยังเห็นท้องน�า ตื้นๆ ที่ถูกน�าเซาะแต่แห้งไปแล้ว ที่นี่เคยเป็นพื้นที่ไร้ผู้คน แต่ตอนนี้มี กองกําลังทหารหลายแสนคนปักหลักอยู่ สามารถจินตนาการได้ว่า หลังจากการเปิดการประลองยุทธ์ ในช่วงระยะเวลายาวข้างหน้า พื้นที่ บริเวณนี้ก็จะส่งผลกระทบให้กับทั้งประเทศ
หลี่มู่ก็อยากจะเห็นฝีมือของยุทธจักรในประเทศเหมือนกัน ดูว่า เจ็ดสํานักที่ว่า จะเหมือนสํานักชมดาวหรือสํานักวิญญาณแท้ที่เคยเจอ ก่อนหน้านี้ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง อันที่จริงแล้วเขาหวังจะได้เห็นยอด ฝีมือวิถียุทธ์แท้จริง แม้จะเป็น ‘คู่ต่อสู้’ ที่เด็ดเดี่ยวและมีบุคลิกอย่างนัก สู้หลี่มู่ก็อยากเจอ
อีกทั้งรัชทายาทของต้าเยวี่ย อวี๋ฮว่าหลงเคยบอกไว้ว่า ตอนนั้นมี ปรัชญาเมธีเบิกเส้นทางเซียนแล้วออกไปจากโลกเพื่อหาทางช่วยเหลือ
และก็มีบางท่านที่ยังอยู่บนโลก กลับมาย้อนดูโลก หาหนทางช่วยเหลือ จากตัวเอง สําหรับปรัชญาเมธี เวลาพันปีเป็นเพียงเวลาเสี้ยวพริบตา เท่านั้น ต่อให้พลังฟ้าดินแห้งเหือด อายุขัยไม่ยืนยาว แต่พวกเขาที่อยู่ บนโลกจะไม่มีมรดกของตัวเองตกทอดมาเชียวหรือ
หลี่มู่รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้
ตอนนั้น หลังจากเหลาจื่อ และขงจื่อ ยังมีปรัชญาเมธีอีกหลายคน ปรากฏตัวขึ้น กระทั่งถึงราชวงศ์ถัง เซียนกวีหลี่ไป๋มีพลังออกไปจากโลก ได้——แน่นอน นี่บางทีอาจจะเพราะยืมพลังของเส้นทางเซียนที่คนรุ่น ก่อนทิ้งเอาไว้ แต่นี่ก็เป็นการบอกว่า ตอนสมัยถังยังมีผู้ฝึกฝนหลงเหลือ อยู่ พวกหลี่ไป๋ก็เคยสยบสังหารไปทั่วทุกทิศในแผ่นดินใหญ่เสินโจว สะเทือนไปทั้งดาวดวงนั้น พลังสูงกว่าตนในตอนนี้แน่นอน
ต่อให้เพราะพลังฟ้าดินบนโลกแห้งเหือด ดังนั้นวิชาที่เป็นมรดก พวกนี้จะเป็นเหมือนกับ ‘หมัดยุทธ์แท้’ และ ‘วิชาก่อนกําเนิด’ ที่ซินแส เฒ่าถ่ายทอดให้ ไม่อาจฝึกฝนบนโลกได้ กลายเป็น ‘ท่ากายบริหาร’ เท่านั้น แต่ก็จะต้องมีร่องรอยหลงเหลืออยู่แน่นอน
ตอนนี้พลังฟ้าดินปรากฏบนโลกอีกครั้ง ร่องรอยพวกนี้จะฟื้ น คืนกลับมาหรือไม่?
คนที่กุมมรดกของปรัชญาเมธีสมัยโบราณเอาไว้พวกนี้จะปรากฏ ตัวขึ้นมาไหม?
หลี่มู่คาดหวังกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
งานประลองยุทธ์ที่ทางการจัดขึ้นครั้งนี้เป็นโอกาส บางทีอาจจะมี คนเช่นนี้ปรากฏขึ้น
เสี้ยวขณะนี้หลี่มู่รู้สึกตื่นเต้น คิดไปมากมาย
ส่วนทหารหนุ่มเซียวตงที่อยู่ข้างๆ ก็มองทุกอย่างข้างนอกอย่าง ค่อนข้างตื่นเต้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา