จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 56

บทที่ 56 ขอทานเฒ่า
ProjectZyphon
‘กระบี่เขาหิมะ’ ชิวจื่อหาน ‘หนึ่งกระบี่มังกรฟ้า’ ตงฟางเจี้ยนผู้มีสิทธิ์ชี้ขาดของพรรคมังกรฟ้าในครั้งนี้ รวมทั้ง ‘กระบี่มังกรเมฆา’ มู่เหรินหลงและ ‘กระบี่แจ้งใจ’ เกาเซิ่งเผิงที่ปรากฏตัวบนเวทีสังเกตการณ์ ทุกคนเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน ในนั้น ‘หนึ่งกระบี่มังกรฟ้า’ คือพี่ใหญ่ น้องทั้งสามล้วนเดินทางมาแต่ไกลโดยไม่กลัวยากลำบากเพื่อร่วมสู้กับพี่ชายร่วมสาบาน

ครั้นเห็น ‘แส้เทพงูทอง’ หลี่เจิ้งออกมาท้าประลอง ฝั่งพรรคมังกรฟ้าสยบให้กับชื่อเสียงของยอดฝีมือผู้อาวุโสผู้นี้ ไม่มีคนลงสนามทันที ชิวจื่อหานรีบก้าวออกไปอย่างห้าวหาญเพื่อทำลายความกระอักกระอ่วน

“ฮ่าๆ คนอายุน้อยไม่รู้จักรุกหรือถอย มุทะลุเกินไป ยังมีเวลาอีกตั้งมากให้ใช้ชีวิต เหตุใดจึงรีบร้อนเดินมาหาความตายเสียเล่า?” หลี่เจิ้งโคจรกำลังภายใน หัวเราะเสียงเย็นไร้อารมณ์

ข้อมือของเขาสะบัดเบาๆ กำลังภายในเคลื่อนเข้าไปในแส้

แส้งูหนามทองที่แต่เดิมแข็งทื่อราวกับมีชีวิตขึ้นมาทันที เลื้อยไปบนเวทีประลองดุจงูเป็นๆ งูทองที่อยู่บนด้ามแส้แลบลิ้นเป็นกระบี่สั้น ทั้งยังส่งเสียงประหลาดดังฟ่อๆ เหมือนมีงูพิษสีทองกำลังแลบลิ้นอยู่จริงๆ

บนเวทีประลองเช่นนี้ แค่ย่างก้าวเข้าไปก็เท่ากับรับผิดชอบความเป็นตายเอาเอง เหมือนกับลงนามในสัญญาเป็นตาย

“ผู้อาวุโสอายุมากกำลังวังชาถดถอย ดินถมสูงขึ้นจนถึงคอแล้วยังวิ่งมาชิงดีชิงเด่นกับคนอายุน้อย เกรงว่าชื่อเสียงตลอดทั้งชีวิตท่านคงต้องฝังอยู่ที่นี่แล้ว?” ชิวจื่อหานตาต่อตาฟันต่อฟัน

ใช้คำพูดส่งผลกระทบต่อจิตใจของคู่ต่อสู้และทำลายสมาธิ นี่เป็นวิธีที่สำเร็จไปเสียทุกครั้งยามยอดฝีมือในยุทธจักรประมือกัน

ชิวจื่อหานอายุน้อยกว่าหลี่เจิ้งมากโข แต่ประสบการณ์ต่อสู้สังหารกลับไม่น้อยหน้า

ในยุทธจักร ยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงทุกคนล้วนเดินผ่านกองซากศพมาทั้งสิ้น

การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายไม่นานนักก็ปะทุขึ้น

ไม่เหมือนกับการ ‘ทะเลาะกันเล็กๆ น้อยๆ’ ก่อนหน้านี้ ในการประลองของสองยอดฝีมือขั้นรวมจิต กำลังภายในแผ่ระลอกออกมา คลื่นอากาศถูกปลดปล่อย ความรู้สึกคล้ายขาดอากาศหายใจปะทะมายังผู้ชมรอบเวทีประลอง เข้าใกล้มากเกินไป หายใจได้ไม่สะดวก ประหนึ่งมีก้อนหินใหญ่ทับหน้าอกอยู่

มีผู้โชคร้ายที่เข้าใกล้มากเกินไปคนหนึ่งโดนเสี้ยวพลังของวายุกระบี่กวาดเข้า จึงร้องอย่างน่าอนาถ กระดูกที่หน้าอกหักไปไม่รู้กี่ท่อน น้ำค้างแข็งแผ่คลุมไปทั่วเสื้อผ้าดั่งโดนพิษน้ำแข็ง พร้อมกับกระเด็นลอยไปไกลกว่าสองจั้ง

ชั่วพริบตา คนทั้งหมดรอบเวทีประลองในระยะสามจั้งต่างถอยฉากลงมาหมด ทำให้เกิดเป็นพื้นที่ว่างโล่งขึ้น

มีแค่เด็กหญิงผู้ไม่รู้จักตายเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ข้างล่างเวทีประลอง พละกำลังเต็มเปี่ยม สีหน้าตื่นเต้น

“เอามันให้ตาย”

“ซัดมันให้ตายไปเลย”

เด็กหญิงโบกกำปั้นน้อยๆ พลางแผดเสียงร้องตะโกน

ก็ไม่รู้ว่าตกลงนางส่งกำลังใจให้ผู้ใดกันแน่

คราวนี้ ทุกคนที่ก่อนหน้านี้ไม่สนใจต่างสังเกตเห็นตัวตนของนางแล้ว

เด็กบ้านี่ เป็นตัวประหลาดมาจากไหนกัน?

ภายในใจของยอดฝีมือในยุทธจักรมากมายเกิดคำถามเช่นนี้ขึ้น

แม้กระทั่งผู้นำระดับสูงคนสำคัญของทั้งสองสำนักบนเวทีสังเกตการณ์สองฝั่งยังสัมผัสได้ถึงตัวตนของเด็กน้อยคนนี้

ผู้นำคนหนึ่งของสำนักเขี้ยวพยัคฆ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เรียกศิษย์รุ่นหนึ่งมาหนึ่งคน ก่อนกระซิบเสียงต่ำสั่งอะไรบางอย่าง

ลูกศิษย์รุ่นหนึ่งคนนั้นมองไปยังเวทีสังเกตการณ์ แล้วจึงเรียกศิษย์อีกหลายคนเบียดเสียดฝูงชนเดินไปหาเด็กน้อย

แต่ว่ายังไม่ทันเดินไปใกล้ ก็พลันมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งพุ่งออกมาจากกลุ่มคน สกัดกั้นลูกศิษย์สำนักเขี้ยวพยัคฆ์ทั้งหลายเอาไว้ ก่อนจะยิ้มกล่าว “ท่านทั้งหลาย ไม่รบกวนทุกท่านแล้ว แม่เด็กคนนั้นเป็นเด็กบ้านข้าเอง สมองมีปัญหานิดหน่อย เผลอไปชั่วขณะก็หนีออกมาแล้ว…”

ลูกศิษย์รุ่นหนึ่งมองประเมินตั้งแต่หัวจรดเท้า

อีกฝ่ายเป็นเด็กหนุ่มตาโตคิ้วเข้ม ใบหน้าเผยแววเก่งกล้าองอาจ ตัวบางสง่างาม ไม่นับว่าหล่อเหลาอะไรมาก แต่มีบุคลิกที่เห็นแล้วยากจะลืม บนตัวไม่มีกำลังภายในแผ่ออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ยอดฝีมือในยุทธจักร ใบหน้าแฝงรอยยิ้ม ท่าทีสงบเยือกเย็น

“เด็กบ้านเจ้า?” ลูกศิษย์รุ่นหนึ่งขมวดคิ้วพูด

“ใช่แล้ว เด็กนี่สติไม่ดี ชอบพูดจาเพ้อเจ้อเลื่อนเปื้อน” เด็กหนุ่มกล่าว

“ในเมื่อสติไม่ดีก็ระวังปากของนางหน่อย อย่าปล่อยให้พูดเพ้อเจ้อไปทั่ว มิฉะนั้นจะตายไม่รู้ตัว” สีหน้าของลูกศิษย์รุ่นหนึ่งเย็นชา พูดข่มขู่ว่า “รีบพาไปเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่อาจรับประกันได้ว่านางจะมีชีวิตจนได้ดูพระอาทิตย์ของบ่ายวันนี้หรือไม่”

เด็กหนุ่มพยักหน้าแล้วเดินไปยังเด็กน้อย

เมื่อเข้าใกล้เขาก็ยื่นมือตบบ่าของนาง กล่าวว่า “เด็กโง่ เจ้าวิ่งมาหาความตายที่นี่หรืออย่างไร?”

“คุณชาย ไยท่านถึงเพิ่งมา?” เด็กหญิงย่อมเป็นโลลิน้อยหมิงเยวี่ยผู้โง่เขลาและชอบความรุนแรง นางหันหน้ามาพูดอย่างตื่นเต้น “สู้กันตายไปสาม เจ็บอีกห้าหกคน ฮ่าๆๆ อย่างกับละครลิงแน่ะเจ้าค่ะ สนุกจริงๆ…”

เด็กหนุ่มแน่นอนว่าคือหลี่มู่

เขามองไปยังเวทีประลองแล้วพูดขึ้น “มีอะไรให้สนุกกัน ก็แค่พวกลูกเจี๊ยบตีกันเท่านั้นเอง”

ยังพูดไม่ทันจบ

เสียงเอะอะที่มีทั้งกู่ร้องยินดี อุทานตกใจ กรีดร้อง และโมโหคำราม ก็ดังขึ้นจากรอบข้างดั่งคลื่นน้ำ

ในที่สุดศึกอันดุเดือดของยอดฝีมือทั้งสองบนเวทีประลองก็รู้ผลแพ้ชนะ แส้งูหนามทองรัด ‘กระบี่เขาหิมะ’ ชิวจื่อหานเอาไว้ราวกับงูเหลือม หนามของแส้ทิ่มแทงร่างของเขา โลหิตพุ่งกระเซ็น สถานการณ์อันตรายยิ่งนัก

“ฮ่าๆ ชิวจื่อหานใกล้แพ้แล้ว”

“ ‘กระบี่เขาหิมะ’ อะไรกัน อยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสหลี่แล้วโดนโจมตีไม่เป็นท่าเลย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา