จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 6

บทที่ 6 มีผู้ร้องเรียน
ProjectZyphon
ท่ามกลางกลุ่มคน นายตรวจการเจิ้งหลงซิงมีสีหน้าอึมครึม

เดิมทีเขาวางแผนเพื่อฆ่าหลี่มู่ไว้มากมาย ใครจะไปรู้ เจ้าหลี่มู่กลับแอบอยู่ในที่ว่าการโดยตลอด แม้ว่าพรรคจันทราโลหิตจะแข็งแกร่งและมีเส้นสายของทางการ แต่ก็เสี่ยงเกินไปที่จะบุกเข้าที่ว่าการแล้วฆ่าขุนนางขั้นเก้าคนหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงได้แต่รอโอกาสเท่านั้น ทว่าดูทีท่าในตอนนี้ เจ้าหลี่มู่คล้ายมัวแต่หัวหดอยู่ในที่ว่าการ แล้วจะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่?

‘ต้องคิดหาวิธีล่อหลี่มู่ออกมา’

เจิ้งหลงซิงครุ่นคิดอยู่ในใจ ออกจะอดทนรอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

……..

วันคืนผ่านพ้นไป

พริบตาเดียวเวลาผ่านไปครึ่งเดือน

ในห้องฝึกฝนด้านหลังที่ว่าการ หลี่มู่ชกไปที่หินอัคนีสูงเท่าตัวคน

มีเสียงระเบิดดังขึ้น

หินอัคนีที่ดาบหอกฟันแทงไม่เข้าแตกกระจายเหมือนแป้งหมี่ กลายเป็นหินชิ้นเล็กชิ้นน้อย

พลังขนาดนี้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์สามัญไปแล้ว

“หมัดนี้ไม่รู้ว่ามีพลังมากน้อยแค่ไหน”

หลี่มู่เป่าสะเก็ดหินบนหมัดด้วยความพึงพอใจ

หลายวันมานี้ ช่วงเวลากลางวันเขาจะฝึกหมัดยุทธ์แท้ ในที่สุดก็ฝึกท่าพื้นฐานได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ในเวลาเดียวกัน แม้ว่าเขาจะฝืนใช้กระบวนท่าแรก ‘ค้อนทะยานฟ้า’ ได้รอบหนึ่ง ทว่ายังทำได้ไม่ถึงขั้น แล้วทุกครั้งที่ใช้จะรู้สึกคล้ายกล้ามเนื้อฉีกขาด หากดึงดันฝืนฝึกต่อไป กล้ามเนื้อคงจะฉีกขึ้นมาจริงๆ หรือแม้กระทั่งบาดเจ็บไปถึงภายใน

หลี่มู่ทดลองหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดก็ต้องยอมแพ้

มาถึงเวลานี้ เขาเข้าใจหมัดยุทธ์แท้และพลังก่อนกำเนิดลึกซึ้งขึ้นแล้ว

หมัดยุทธ์แท้น่าจะเป็นวิชาฝึกร่างกายที่หล่อหลอมกายา

ทุกท่วงท่ามีผลเสริมร่างกายให้แข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์

ในเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมา หลี่มู่ฝึกท่าพื้นฐานและท่า ‘ค้อนทะยานฟ้า’ ไปได้ครึ่งหนึ่ง ก็รู้สึกว่าผิวหนังเขาแข็งแรงทนทานขึ้นใช้เศษหินแหลมมากรีดก็ไร้รอยขีดข่วน เหลือเพียงร่องรอยจางๆ เท่านั้น

ผลของพลังก่อนกำเนิดแตกต่างกับหมัดยุทธ์แท้โดยสิ้นเชิง

มันสามารถช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บภายในและเพิ่มความแข็งแกร่งของจิตใจ

ทุกคืนหลี่มู่จะฝึกฝนพลังก่อนกำเนิด

วิธีการหายใจแบบนี้ทำให้เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่า แม้ว่าจะตื่นทั้งคืนก็ยังกระฉับกระเฉง แถมประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขายังแกร่งขึ้นมาก หูดีตาไว การได้ยิน การมองเห็น และปฏิกิริยาตอบสนองต่างก็ดีขึ้นมากนัก

ส่วนพลังก่อนกำเนิดช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้ดีเยี่ยมยิ่ง หลายต่อหลายครั้งที่หลี่มู่ฝืนฝึกหมัดยุทธ์แท้จนกล้ามเนื้อและอวัยวะภายในบาดเจ็บ ก็รักษาด้วยพลังก่อนกำเนิด

เมื่อฝึกพลังก่อนกำเนิด ด้วยจังหวะและวิธีการหายใจที่แปลกออกไป ทำให้ซึมซับพลังวิญญาณในธรรมชาติเข้ามา ชะล้างอวัยวะในร่างกายแล้วขจัดสิ่งสกปรกออกไปผ่านลมหายใจ คล้ายกับการผลัดขนชำระล้างกระดูกในตำนาน ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงร่างกายหลี่มู่จนให้ความรู้สึกเหมือนเกิดใหม่อีกครั้ง

ท่ามกลางความไม่ชัดเจน หลี่มู่พอจะเข้าใจจุดประสงค์ของซินแสเฒ่าได้

พลังก่อนกำเนิดและหมัดยุทธ์แท้ หนึ่งในหนึ่งนอก เติมเต็มซึ่งกันและกัน สามารถทำให้ร่างกายของคนคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

หลี่มู่ใช้ชีวิตบนโลกที่เต็มไปด้วยมลพิษถึงสิบสี่ปี สูดดมอากาศพิษ กินอาหารที่เป็นโทษต่อร่างกาย ทำให้ในตัวเขาตอนนี้ยังคงมีสิ่งแปลกปลอมและอาการบาดเจ็บภายในหลงเหลืออยู่ เมื่อเขาฝึกสองวิชานี้ ร่างกายจึงกลับสู่สภาพตามธรรมชาติที่มีมาแต่กำเนิดทีละน้อย มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ในภายหน้าเขาถึงจะสามารถก้าวเข้าสู่วิถีแห่งการต่อสู้ระหว่างดวงดาว และปะทะกับเหล่ายอดฝีมือในอาณาจักรดวงดาวได้

เรื่องเดียวที่ทำให้หลี่มู่รู้สึกหดหู่ใจในตอนนี้คือ ไม่ว่าจะเป็นพลังก่อนกำเนิดหรือหมัดยุทธ์แท้ก็ดูเหมือนจะใช้ในการสู้จริงไม่ได้เลย

“แค่กๆ…” ระหว่างที่หลี่มู่คิดเขาก็ไอและบ้วนเสมหะออกมา

ในเสมหะมีเส้นเลือดสีแดงเข้มกับตะกอนสีดำ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรก

ครั้งแรกที่เขาบ้วนเสมหะปนเลือด เขาตกใจเป็นอย่างมาก คิดว่าตัวเองต้องเจ็บป่วยร้ายแรงเป็นแน่

ต่อมาเขาถึงค่อยๆ เข้าใจว่าเป็นเพราะวิชาพลังก่อนกำเนิดทำความสะอาดภายใน ขับสารพิษและอาการบาดเจ็บในห้าอวัยวะตันหกอวัยวะกลวง[1]ออกมา การบ้วนเสมหะปนเลือดเป็นเพราะพลังก่อนกำเนิดทำให้อวัยวะภายในแข็งแรงและเป็นการฟอกปอด จึงเกิดอาการเช่นนี้ขึ้น

“อยู่ในจวนที่ว่าการมา 20 กว่าวันแล้ว ถึงเวลาออกไปสูดอากาศบ้าง”

หลี่มู่ไอไปออกกำลังไป

เดิมทีเขาเป็นเด็กกระตือรือร้นที่ชอบความครื้นเครง หากเขาไม่กลัวว่าจะโดนจอมยุทธ์จากพรรคจันทราโลหิตสังหาร คงออกไปเที่ยวในตัวเมืองนานแล้ว

ตอนนี้เมื่อแข็งแกร่งขึ้นหน่อยก็นับว่ามีความเชื่อมั่นมากขึ้น หลังจากคิดไปคิดมา หลี่มู่ก็ตัดสินใจออกไปเดินรับลมในเมือง

ซินแสเฒ่าเคยบอกว่า สิ่งต้องห้ามที่สุดในการฝึกวิชาคือการปิดประตูสร้างเกวียน (ทำตามใจโดยไม่สนความเป็นจริง) ฝึกฝนหนักเป็นเวลาหนึ่งปี หากมีเวลาไม่สู้แลกเปลี่ยนวิชากับคนอื่น อาจได้ประโยชน์ในช่วงสู้ตัดสินความเป็นความตายมากกว่าการฝึกหนักนับสิบปี

หลี่มู่ไม่มีทางอยากจะต่อสู้ถึงขั้นตัดสินความเป็นความตาย แต่การได้ออกไปข้างนอกบ้างก็ดี

ไหนๆ ก็มายังโลกใบนี้แล้ว ควรทำตัวให้กลมกลืนเสียหน่อย

หลี่มู่คิดแบบนั้น เขายังไม่ทันได้ทักทายเด็กรับใช้บัณฑิตทั้งสอง ทันใดนั้น…

ตึง ตึง ตึง!

เสียงกลองราวฟ้าลั่นดังมาจากหน้าประตูทางเข้าของที่ว่าการ ดังขนาดรู้สึกว่าที่ว่าการอำเภอสั่นสะเทือน

ชิงเฟิงวิ่งจนหายใจไม่ทันเข้ามา “คุณชาย มีคนตีกลองร้องทุกข์ขอรับ”

หลี่มู่ตาลุกวาว

“เสียงตีกลอง…มีคนร้องทุกข์เหรอ”

เขานึกถึงละครบนโลกมนุษย์ที่มีฉากนายอำเภอออกโรงไต่สวนคดีขึ้นมา

ฮ่าๆๆ!

หลี่มู่หัวเราะลั่นอยู่ในใจ

ใช้โอกาสนี้แสร้งทำเป็นขุนนาง ผ่อนคลายสักหน่อยดีกว่า

ฮี่ๆ นึกถึงละครพวกยอดตุลาการราชวงศ์ซ่งกับปมปริศนาพยานมรณะ เขาดูไปไม่รู้ตั้งกี่รอบ ได้เอามาใช้ในครั้งนี้แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา