สรุปเนื้อหา บทที่ 65 รูปลักษณ์ใหม่ – จอมศาสตราพลิกดารา โดย Internet
บท บทที่ 65 รูปลักษณ์ใหม่ ของ จอมศาสตราพลิกดารา ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
หลี่มู่ยืนอยู่หน้ากระจก
ในห้องทรมานมีกระจกทองแดงบานใหญ่ที่ประณีตวิจิตรบานหนึ่ง แทบจะกินพื้นที่กว่าครึ่งของกำแพงฝั่งตะวันตกของห้องมืด
นี่เป็นการจัดวางของหัวหน้าพัศดีเจินเหมิ่ง
ว่ากันว่าในยามที่เจินเหมิ่งทรมานนักโทษ จะให้พวกนั้นมองเห็นภาพและขั้นตอนที่ตนเองได้รับทัณฑ์ทรมานอย่างชัดเจนผ่านกระจกบานนี้
เขาคิดว่าวิธีนี้สามารถทำลายเกราะป้องกันทางจิตใจของนักโทษ ทำให้พวกเขาสูญสิ้นขวัญกำลังใจได้
ก่อนหน้านี้หลี่มู่ไม่ได้สนใจกระจกบานนี้สักเท่าไหร่
ตอนนี้ หลังจากที่ ‘เรียนวิชา’ จากยอดฝีมือขั้นรวมจิตทั้งหมดแล้ว แม้แต่ ‘หนึ่งกระบี่มังกรฟ้า’ ตงฟางเจี้ยนและ ‘มือเหล็กสะท้านฟ้า’ เถี่ยเจิ้นตงก็ต่างเขียนหนังสือไถ่ตัวอยู่ข้างหน้าโต๊ะอย่างว่าง่าย เหมือนกับนักเรียนชั้นประถม ศึกษากำลังทำการบ้านที่คุณครูมอบหมายให้เสร็จสิ้น แผนการเขาสำเร็จสมบูรณ์ ใจของหลี่มู่จึงค่อยผ่อนคลายลง
ครั้นกินแตงโมเสี้ยวสุดท้ายและเมล็ดแตงเมล็ดสุดท้ายบนโต๊ะเสร็จแล้ว เขาก็สังเกตเห็นกระจกทองแดงบานนี้
หลี่มู่ยืนอยู่หน้ากระจก พบว่าผมของตัวเองยาวไปหน่อย อีกทั้งหนวดค่อนข้างรกครึ้ม
อยู่ในคุกมืดหม่นแห่งนี้นานไปหน่อย
ผลลัพธ์เหมือนกับนอนดึกดูบอลเล่นเกมตอนอยู่บนโลกไม่มีผิด ซ้ำยังใช้พลังใจมากยิ่งกว่า
เขาบิดขี้เกียจ
บนดาววิถียุทธ์ต่างโลกใบนี้ ไม่ว่าจะชายหรือหญิงต่างไว้ผมยาว แต่ละคนมีทรงผมแตกต่างกันไป เหมือนกับจีนสมัยโบราณยิ่งนัก เปลืองแรงสระเป็นพิเศษ ทั้งยังเสียเวลาด้วย
หลี่มู่มาถึงดาวดวงนี้ได้หลายเดือนแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะฝึกฝน ‘พลังก่อนกำเนิด’ พลังชีวิตพอกพูนร่างกายแข็งแรงขึ้น ผมจึงยาวเร็วมาก ตอนนี้เลยบ่ามาแล้ว
“ผมยาวเกินไป ไม่สบายเลย ดูแลลำบากมาก”
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ที่จริงในชีวิตประจำวันของเขามีความเคยชินเล็กๆ น้อยๆ อีกมากมายที่ยังคงรักษาธรรมเนียมแบบตอนที่อยู่บนโลกเอาไว้
‘ตัดผมเองดีไหม?’
ความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นมาในใจเขา ดวงตาพลันวาววาบ
‘ใช่แล้ว ข้าก็เป็นแค่มนุษย์จากต่างดาวเท่านั้น อย่างมากก็แค่อยู่ดาวดวงนี้สิบยี่สิบปี ไม่จำเป็นต้องทำตัวกลมกลืน พี่ชายคนนี้จะช้าเร็วอย่างไรก็ต้องกลับโลกไปเป็นฮีโร่’
คิดในหัวมิสู้ลงมือทำ
ชิ้ง!
หลี่มู่มองไปรอบๆ สุดท้ายหยิบกระบี่ชื่อดัง ‘ตะวันกล้า’ ที่ชิงมาจาก ‘หนึ่งกระบี่มังกรฟ้า’ ตงฟางเจี้ยนบนชั้นวางอาวุธมา แล้วชักมันออกจากฝัก
“เจ้า…เจ้าจะทำอะไร?”
ตงฟางเจี้ยนและเถี่ยเจิ้นตงที่เพิ่งถูกบังคับให้เขียนจดหมายไถ่ตัวหน้าเปลี่ยนสีทันที
หรือหลี่มู่จะฆ่าพวกเขาปิดปาก?
ทรัพย์สมบัติยังไม่ทันกรรโชกถึงมือก็จะฆ่าทิ้งเสียแล้ว?
นี่มันจะชั่วช้าเกินไปหน่อยกระมัง?
หลี่มู่ขี้เกียจจะสนใจ ‘ตัวประกัน’ ที่กลัวจนตัวสั่นงันงกสองคนนี้
เขาหยิบกระบี่เดินมายังหน้ากระจกทองแดง ก่อนจะตัดผมให้ตัวเอง
หลี่มู่ในตอนนี้ควบคุมร่างกายได้ถึงขั้นชำนาญแล้ว เรื่องตัดผมให้ตัวเอง แค่พูดก็ลงมือได้เลย ง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง
‘กระบี่ตะวันกล้า’ คมกริบเกินบรรยาย เพียงแค่สัมผัสเส้นผมก็ขาด
จากการกระทำของเขา เส้นผมยาวดำขลับแต่ละปอยร่วงลงบนพื้น
ใจของตงฟางเจี้ยนจวนเจียนจะขาด สีหน้ามีแต่ความอัปยศ
นั่นเป็นกระบี่ดังที่เขาใช้หยาดเหงื่อแรงกายไปไม่รู้เท่าไหร่ถึงจะได้มาเชียวนะ ไม่รู้ว่าใช้สังหารจอมยุทธ์ยอดฝีมือไปกี่คน ตอนนี้เจ้าราชาปีศาจหลี่มู่กลับเอามาใช้ตัดผมเสียได้
ส่วนเถี่ยเจิ้นตงใบหน้ายิ่งงุนงง
ขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์จะทำอะไรกัน?
ทำไมต้องตัดผมตัวเองด้วย?
จะออกบวชอย่างนั้นรึ?
หลังจากนั้นสักพัก
หลี่มู่เป่าเศษผมที่อยู่บน ‘กระบี่ตะวันกล้า’ มองตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกอย่างพอใจ
ผมทรงตัดสั้น
ทรงผมที่เขาชอบที่สุดตอนอยู่บนโลก
ผมสั้นๆ เรียบๆ สบายหัว ดูแลง่ายเป็นที่สุด
“ฮ่าๆ ไม่เลว แบบนี้แหละ คุณแม่ไม่ต้องกังวลว่าลูกจะนอนทับผมเป็ดอีกต่อไป[1]”
เขาพอใจกับผมทรงใหม่มากๆ
หลังจากฝึก ‘หมัดยุทธ์แท้’ และ ‘พลังก่อนกำเนิด’ จิตวิญญาณของเขาอีกทั้งร่างกายต่างยกระดับขึ้นอย่างมหาศาล แข็งแกร่งกว่าตอนที่อยู่บนโลกไม่รู้กี่เท่า
เขาเดินไปหน้ากระจกทองแดง เด็กหนุ่มที่ปรากฏอยู่ในกระจกหล่อเหลาเอาการ สง่าผ่าเผย เครื่องหน้าคมคาย ถึงแม้จะไม่ใช่ประเภทที่ละมุนละไมและโดดเด่นจนเข้าขั้นงามล้ำ แต่ก็เต็มไปด้วยความงดงามเข้มแข็งอย่างชายชาตรี และไม่ขาดความปราดเปรียว
‘ฮ่าๆ ระดับความหล่อก็เพิ่มขึ้นด้วย…’
หลี่มู่โพสต์หลายๆ ท่าอย่างพอใจมาก
แกรก!
กระบี่กลับลงฝัก
“เอ๋ เขียนหนังสือไถ่ตัวเสร็จแล้วรึ?”
เขาหันกลับมามองตงฟางเจี้ยนและเถี่ยเจิ้นตงที่กำลังงง หยิบหนังสือไถ่ตัวของทั้งสองคนมาจากบนโต๊ะทั้งยิ้มกว้าง แล้วจึงอ่านอย่างละเอียด ท่าทีพอใจยิ่ง
“ดีมาก ต่อไป ในช่วงที่สำนักและตระกูลของพวกเจ้ายังไม่แสดงความจริงใจ พวกเจ้าก็ต้องอยู่ในคุกนี่ อำเภอขาวพิสุทธิ์เป็นเมืองอำเภอเล็ก ข้นแค้นกันดาร ผลผลิตไม่เพียงพอ ดังนั้นพวกอาหารอะไรก็อาจจะไม่ค่อยดี ไม่ค่อยพอ จอมยุทธ์ทั้งสองอภัยให้หน่อยก็แล้วกัน”
หน้าตายิ้มหยีของเขาเหมือนกับพังพอนที่เพิ่งกินไก่จนอิ่มกลับมาไม่มีผิด
พูดตามจริง ไม่ว่าจะตงฟางเจี้ยนหรือเถี่ยเจิ้นตง ก็ไม่อาจเชื่อมโยงเจ้าหนุ่มที่หน้าเลือดโลภมากเบื้องหน้ากับขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานก่อนหน้านี้เข้าด้วยกันได้เลย
ขุนนางเมืองคนนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก
“อ้อ ใช่แล้ว พูดเตือนไว้ก่อนเลยนะ หนีรอบหนึ่งหักขาทิ้งข้างหนึ่ง…ดังนั้น ข้าขอเตือนพวกเจ้าทั้งสองว่าทางที่ดีอย่าได้คิดหนี แล้วก็อย่าได้ยุยงให้คนอื่นหนี หากหนีไปคนหนึ่งข้าจะรู้สึกปวดใจนัก ในเมื่อสำหรับข้าแล้วพวกเจ้าทุกคนมีค่ามหาศาลทีเดียว”
สิ่งที่เขาพูดคือความจริงในใจ
ยอดฝีมือที่ถูกกักตัวเอาไว้พวกนี้ ในสายตาของเขาก็คือกองเงินกองทอง
นี่เป็น ‘เงินก้อนแรก’ ในความหมายที่แท้จริงหลังจากที่เขามาถึงดาววิถียุทธ์แห่งนี้
เมื่อเผชิญกับคำข่มขู่ของหลี่มู่ ตงฟางเจี้ยนและเถี่ยเจิ้นตงโมโหแต่ไร้คำพูด
เขาเคยโดนแบบนี้เสียที่ไหนกัน
หากรู้ว่าเป็นเช่นนี้ ตีพวกเขาให้ตายก็ไม่มีทางมาประสมโรงที่อำเภอขาวพิสุทธิ์เด็ดขาด
ระหว่างพูด ประตูเหล็กก็เปิดออก
นายทะเบียนเฝิงหยวนซิงและหัวหน้าพัศดีเจินเหมิ่งเดินเข้ามา
“ทุกอย่างเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว?” หลี่มู่มองไปยังทั้งสอง
การเตรียมการสำหรับจอมยุทธ์ที่เขากักตัวไว้แน่นอนว่าจะประมาทไม่ได้ มิฉะนั้นจะหลบหนีไป ก่อนหน้านี้จึงมอบให้ทั้งสองไปเตรียมการ
“ทุกอย่างเตรียมการเรียบร้อยแล้วขอรับ” เฝิงหยวนซิงกล่าว
“รับประกันได้ว่าพวกเขาไม่ว่าใครก็หนีไม่รอด” เจินเหมิ่งพูดอย่างมั่นใจยิ่ง
หลี่มู่พยักหน้าอย่างพอใจ
เฝิงหยวนซิงผ่านเวลานานจึงจะนับว่าได้รับความเชื่อใจจากเขา
แน่นอนว่าไม่ใช่
ก่อนหน้านี้ เหตุที่เขาไม่ไปให้หลี่มู่เห็นหน้า ไม่ใช่เพราะไม่อยากเลื่อนยศมากมีเงินทอง แต่เพราะรู้สึกว่าตนเองไม่มีความสามารถ เจรจาไม่เก่ง ไม่มีทรัพย์สมบัติ ไม่มีเส้นสาย นอกจากดูแลสอบสวนนักโทษก็ไม่มีอะไรสักอย่าง โผล่หน้าไปให้เห็นก็ไร้ประโยชน์
แต่ว่าเสร็จจากเรื่องวันนี้ เจินเหมิ่งสัมผัสได้อย่างว่องไวว่าใต้เท้ามีความรู้สึกในแง่บวกกับตนเหมือนจะสูงมากทีเดียว
เขาตระหนักได้ว่าโอกาสของตนมาถึงแล้ว
แต่เขาก็รู้ดีว่าตนเองไม่เหมือนกับเฝิงหยวนซิงที่ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์เก่ง
วิธีนี้ของเฝิงหยวนซิง ตนอยากจะเลียนแบบก็เลียนแบบไม่ได้
คิดอยากจะได้รับความสำคัญและความเชื่อใจจากใต้เท้า ก็ทำได้แค่อาศัยฝีมือกับความสามารถที่แท้จริงของตนเท่านั้น
ตอนนี้มียอดฝีมือมากมายถูกคุมขังอยู่ในคุก นี่คือโอกาสอันยิ่งใหญ่
ขอแค่รับประกันว่าคนพวกนี้ไม่หลบหนีไป ทำความต้องการของใต้เท้าให้สำเร็จราบรื่น ก็นับว่ากุมโอกาสนี้เอาไว้ได้แล้ว
ไม่หวังสร้างคุณูปการ แต่หวังว่าจะไม่มีข้อผิดพลาด
สุดท้าย ตงฟางเจี้ยนและเถี่ยเจิ้นตงสองคนก็ถูกพาตัวไปพร้อมด้วยจิตใจที่ยากจะเข้าใจและความอัปยศ
หลี่มู่ยืนอยู่หน้ากระจกทองแดง สัมผัสชุดใหม่อย่างละเอียด และเสนอข้อคิดเห็นมากมายต่อหน้าเฝิงหยวนซิง
“เจ้าหาคนมาออกแบบเสื้อแล้วเอามาให้ข้าดู แบบผ่านแล้วก็ใช้หนังงูเขียวตัวนั้นมาตัดชุดใหม่ จะใช้ทนขึ้นอีกนิด แน่นอนว่าผ้าธรรมดาก็เอา ยิ่งมากยิ่งดี”
อย่างไรเสียตอนนี้เราก็เป็นขุนนางเมือง เตรียมเสื้อผ้าเอาไว้มากชุดหน่อยคงไม่เกินไปมั้ง?
ถึงแม้เสื้อผ้าพวกนี้ สำหรับคนบนดาวดวงนี้อาจไม่ต่างอะไรกับคนบนโลกมองพวกสมาร์ท[2]ก็ตามที
แต่ว่าก็ช่างปะไร
เรามีความสุขก็พอแล้ว
นับจากนี้เป็นต้นไป นี่ก็คือรูปลักษณ์ใหม่ของเราในโลกใบนี้
ใจของหลี่มู่เปี่ยมสุขนัก
เฝิงหยวนซิงจดจำทุกอย่างไว้ขึ้นใจ
ในตอนนี้เอง ข้างนอกพลันมีเสียงฝีเท้าร้อนรนดังเข้ามา
ปึง!
ประตูเหล็กถูกเปิดออก
เห็นหม่าจวินอู่ที่ร่างอาบย้อมไปด้วยเลือดพุ่งเข้ามา
“ใต้เท้า ไม่ได้การแล้วขอรับ…มีจอมยุทธ์ยอดฝีมือบุกเข้ามาในที่ว่าการอำเภอ ทำร้ายพี่น้องของพวกเราไปไม่น้อย หมิงเยวี่ยถูกจับตัวไปแล้ว…”
“อะไรนะ?”
หลี่มู่ได้ยิน หน้าก็เปลี่ยนสีทันควัน
เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร?
นี่มันลอบกัดกันชัดๆ
หรือการกระทำของข้าในงานประลองใหญ่วันนี้ยังข่มขวัญพวกจอมยุทธ์หน้าโง่ไม่พอ?
“ใครเป็นคนทำ?” หลี่มู่พูดพลางก้าวออกไปจากคุก
กลับไปที่ว่าการก่อนสำคัญกว่า
หม่าจวินอู่เช็ดเลือดบนหน้า ก้าวเท้าตามมาอย่างรวดเร็ว “เป็นนักพรตตาบอดมากับอีกาตัวหนึ่ง ใช้วิชามาร เหล่าพี่น้องเราสู้ตัวตายแต่ก็สกัดไว้ไม่ได้ มันบุกเข้าไปในที่ว่าการแล้วจับหมิงเยวี่ยไป พูดไม่ขาดปากว่านางเป็นปีศาจ จะรีดเลือดถลกหนังเลาะเส้นเอ็นออกมา… ”
……………………………………………………
[1]ประโยคนี้เป็นการพูดล้อเลียนโฆษณาหนึ่ง
[2] smart คือสไตล์ร็อกแบบญี่ปุ่น เป็นที่นิยมในประเทศจีนช่วงปี 2008
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา