จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 74

บทที่ 74 วิชาเวท
ProjectZyphon
ผู้สืบทอดสำนักหมาป่าสวรรค์ถูกบีบให้แสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา

กำลังต่อสู้ยกระดับขึ้นในชั่วพริบตา

ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใดๆ จิตมุ่งต่อสู้ของจอมยุทธ์คือวิธีการสื่อสารที่ดีที่สุด ระหว่างการได้เปรียบเสียเปรียบไม่กี่ครั้ง ไป๋หรูซวงและบัณฑิตวัยกลางคนยอดฝีมือชั้นยอดทั้งสองก็จับมือกัน คนหนึ่งโจมตีระยะไกล คนหนึ่งโจมตีระยะประชิด โรมรันพันตูกับเจียว

หลี่มู่ชอบเรื่องการต่อสู้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อเห็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมตอนนี้ก็ไม่รีบร้อนหนี แต่ชมการต่อสู้อยู่อีกด้านหนึ่ง

เห็นได้ชัดมากว่า ไม่ว่าจะเป็นจอมเวทชุดดำวัยกลางคนหรือจะเป็นไป๋หรูซวงผู้สืบทอดสำนักหมาป่าสวรรค์ ระดับพลังก็ไปถึงขั้นใหม่แล้ว แข็งแกร่งทรงพลังกว่าพวก ‘หนึ่งกระบี่มังกรฟ้า’ ตงฟางเจี้ยน หรือ ‘มือเหล็กสะท้านฟ้า’ เถี่ยเจิ้นตงเป็นไหนๆ

ประตูวิถียุทธ์บานใหม่ค่อยๆ แง้มออกต่อหน้าหลี่มู่

แม้แต่หมิงเยวี่ยคนโง่ที่อยู่ข้างๆ ก็ดูอย่างเพลิดเพลิน สงบเสงี่ยมลงไปเยอะ

ส่วนขอทานเฒ่าในที่สุดก็ไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนแล้ว

เขาลากสุนัขสีน้ำตาลลายขาวพลางพูดความในใจอย่างคับแค้นอยู่อีกด้าน

ไม่นานนัก สุดท้ายหนึ่งคนหนึ่งสุนัขไม่รู้ว่าได้ข้อตกลงอะไร จึงกลับมาคืนดีกันเหมือนเดิมและเดินอ้อมทะเลสาบไป ท่าทางลับๆ ล่อๆ เหมือนขโมย ไม่รู้ว่ากำลังจะทำอะไร

ทันใดนั้น…

“คิกๆๆ โชคดีเสียจริง เจียวตัวนี้จำศีลพันปี ใกล้จะเป็นมังกรแล้วเต็มที ตบะสูงส่งล้ำลึก ท่านทั้งสองร่วมมือกันก็สังหารมันไม่ได้…มิสู้พวกเราสามีภรรยายื่นมือช่วยเหลือ แล้วมาแบ่งผลประโยชน์ร่วมกันเป็นเช่นไร?”

เสียงใสบริสุทธิ์พลันดังขึ้นในหุบเขา

เสียงอิสตรีใสกังวานน่าฟังราวกับวิหคในพงไพร แม้จะอยู่ท่ามกลางหุบเขาที่มีเสียงคำรามของเจียว ปราณกระบี่ซัดโหม และวายุคมกระบี่ดุจสายฟ้าฟาด แต่เสียงของนางกลบเสียงอื่นมิด ดังสะท้อนเด่นชัด

แสงสีขาวดำกะพริบวูบไหว

เหนือน้ำตกเก้ามังกรมีร่างสองร่างร่อนลงมาอย่างเนิบช้าประหนึ่งขนนก

เป็นยอดฝีมือระดับผู้คุมกฎของสำนักดับนิวรณ์ทั้งสอง ‘หน้าเซียน’ โจวเข่อเอ๋อร์ และ ‘ใจมาร’ หลิงลี่นั่นเอง

“ไสหัวไป”

ผู้สืบทอดสำนักหมาป่าสวรรค์ไป๋หรูซวงตะโกนเสียงเย็น ปราณกระบี่หมาป่าสวรรค์สองสายที่พุ่งออกมาจากในมือแหวกผ่านท้องฟ้า เข้าโจมตีทั้งสองคนนี้ในทันที

สำนักหมาป่าสวรรค์และสำนักดับนิวรณ์เป็นศัตรูคู่อาฆาตมาทุกรุ่น สั่งสมความแค้นมานานแล้ว

“รนหาที่ตาย…ฆ่าเจ้าแล้วค่อยล่าเจียวก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้”

จิตสังหารฉายชัดบนใบหน้าหยินหยางของ ‘ใจมาร’ หลิงลี่ กำลังภายในหมุนวน คลื่นวนละอองหมอกหนาทึบกลุ่มหนึ่งสว่างวาบขึ้นกลางฝ่ามือสีขาวข้างขวา กลืนกินปราณกระบี่สองสายนั้นราวกับพายุหมุน

‘หน้าเซียน’ โจวเข่อเอ๋อร์หยุดความคิดที่จะลงมือของหลิงลี่ กล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ผู้ทำการใหญ่ไม่สนใจเรื่องเล็กน้อย ไป๋หรูซวง จุดยืนของผู้สืบทอดสำนักหมาป่าสวรรค์มีเพียงเท่านี้อย่างนั้นรึ? คืนนี้หากล่าเจียวไม่สำเร็จ รอให้ข่าวนี้แพร่ออกไป ใต้หล้าแตกตื่น ผู้แข็งแกร่งจากสำนักต่างๆ จะรวมตัวมา ถึงตอนนั้นยังจะมีส่วนของเจ้าและข้าอยู่อีกหรือ?”

ไป๋หรูซวงแค่นเสียงเย็น ไม่พูดอะไรอีก

เขารู้ว่านี่คือเรื่องจริง แต่ก็ไม่มีกะจิตกะใจจะพูดอะไรอีก

เพราะเจียวใกล้จะหนีไปเต็มที แรงกดดันที่ปล่อยออกมาน่ากลัวขึ้นทุกที

ร่างของมันครึ่งหนึ่งโผล่พ้นน้ำ ราวกับสันเขาขดม้วน กลิ่นอายเจียวที่พ่นออกมาระเบิดไปทั่ว ในขณะเดียวกัน กรงเล็บก็กวัดแกว่ง ร่างที่ดูเหมือนจะใหญ่เทอะทะกลับปราดเปรียวยิ่ง หางใหญ่ยักษ์นั่นยิ่งเคลื่อนไหวรวดเร็ว พุ่งออกมาจากผิวน้ำเสียงดังซ่า ตวัดซัดจอมเวทชุดดำวัยกลางคนที่กำลังประสานปางมือจนกระเด็นลอยไปกระแทกหน้าผา

ปีกยักษ์คมวายุสีดำคู่นั้นของจอมเวทชุดดำก็ถูกกระแทกแตกกระจุย

ไป๋หรูซวงถือกระบี่โบราณไว้ที่หน้าอก ปราณกระบี่ปะทุก่อเป็นภาพมายาหมาป่าหอนกลางดวงจันทร์แล้วสกัดกั้นไว้ข้างหน้า

ตูม!

กรงเล็บของเจียวตวัดทำลายภาพมายาหมาป่ายักษ์

ไป๋หรูซวงร้องเสียงอู้อี้ หน้าแดงก่ำ ตีลังกาลอยออกไป

เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของเจียวตัวนี้เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้

ผู้สืบทอดสำนักหมาป่าสวรรค์และจอมเวทชุดดำร่วมมือกันก็ยังรับไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว

โจวเข่อเอ๋อร์และหลิงลี่หน้าเปลี่ยนสี

“ลงมือ”

ไม่มีการลังเลใดๆ พวกเขาเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยทันที

เมื่อผลประโยชน์อยู่ข้างหน้า ไม่มีศัตรูใดถาวร

คิดอยากจะได้ของล้ำค่าจากเจียว คืนนี้จะต้องร่วมมือกัน

“ศาสตร์ดับนิวรณ์ ‘พันธนาการหยินหยาง’ ”

‘ใจมาร’ หลิงลี่ลงมือ ละอองหมอกหนาทึบสีขาวดำสองกลุ่มพุ่งออกไปจากฝ่ามือเขา ประหนึ่งเชือกมัดเซียนหยินหยางสองเส้นตรงไปพันธนาการเจียวยักษ์เอาไว้

“กระบี่ดับนิวรณ์ร่ายรำ”

‘หน้าเซียน’ โจวเข่อเอ๋อร์มือถือกระบี่เล่มบาง กระโปรงสะบัดพลิ้ว ราวกับจิ่วเทียนเสวียนหนี่[1] เรือนร่างอ่อนช้อย ท่าร่ายรำงดงามนัก ในขณะเดียวกันจิตสังหารก็เดือดพล่านขึ้นจนถึงขีดสุด

ปราณกระบี่หลายสาย ท่าร่ายรำพลิ้วไหวต่อเนื่อง

โจวเข่อเอ๋อร์ดูไปแล้วเหมือนจะอ่อนแอไร้กำลัง ร่างอ้อนแอ้นดุจต้นหลิวต้องลม สูงโปร่งแบบบาง แต่รูปแบบการต่อสู้กลับดุดันยิ่งนัก กระบี่ยาวในมือมีพลังอำนาจไร้เทียมทาน รุกเข้าไปใกล้เจียวแล้วสู้ระยะประชิดอย่างคาดไม่ถึง

กลับเป็นหลิงลี่ผู้มีร่างกายบึกบึนหน้าตาอัปลักษณ์ที่เลือกใช้วิชาเวทโจมตีจากระยะไกล

‘หน้าเซียนใจมาร’!

อัจฉริยะอายุน้อยที่โดดเด่นที่สุดของสำนักดับนิวรณ์ทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งใช้เวท คนหนึ่งสู้ระยะประชิด ร่วมมือกันมาไม่รู้ต่อกี่ปี เรียกได้ว่าจิตใจสื่อถึงกัน ร่วมมือกันได้อย่างช่ำชองจนถึงขีดสุด เห็นได้ชัดว่ามีแบบแผนกว่าไป๋หรูซวงและจอมเวทวัยกลางคนชุดดำก่อนหน้านี้มาก

ครืน!

ลำแสงสีดำสายหนึ่งพุ่งออกมาจากหน้าผา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา