ใต้แสงจันทร์ จังหวะการหายใจของหลี่มู่แปลกประหลาด
เขาค่อยๆ เข้าสู่จังหวะการหายใจที่พิเศษเฉพาะของวิชาก่อนกำเนิด
อีกทั้งจากการเปลี่ยนแปลงของจิตใจและจุดสนใจที่ต่างกัน เขารู้สึกรางๆ ว่าโคจรวิชาก่อนกำเนิดในสภาวะเช่นนี้เหมือนจะมีความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน
คลับคล้ายผ้าโปร่งบางผืนหนึ่งกลางท้องฟ้าถูกเก็บออกไปอย่างช้าๆ
เมื่อไม่มีผ้าโปร่งบางปิดบังไว้ สิ่งที่เขาเห็น ของบางอย่างจึงชัดเจนขึ้น
เขาขยับนิ้วมือ
อากาศหนืดข้นเหมือนน้ำ
แน่นอน อากาศไม่ได้เปลี่ยนไป
แต่เป็นการรับรู้ของเขาที่เปลี่ยนแปลง
นิ้วของเขาสัมผัสได้ถึงความฝืดสากนิดๆ อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
เสมือนว่าในอากาศมีพลังไร้รูปร่างที่ไม่เคยพบเห็นพันล้อมอยู่รอบนิ้วของเขา
‘เคล็ดวิชาอัสนี…ตราประทับอัสนี’
หลี่มู่ท่องในใจ ลองใช้มือซ้ายประสานปางมือ
นี่เป็นท่าประสานปางมือที่ซินแสเฒ่าเคยใช้ และเคยพรรณนาถึงความสำคัญของมันให้เขาฟังในยามว่าง แต่ว่าหลี่มู่ในตอนนั้นดูถูก ไม่ได้สนใจอะไรนัก
ถึงกระนั้น สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น
แสงอัสนีสายหนึ่งแผ่ออกมาจากนิ้วทั้งห้าของเขาแล้ววิ่งออกไป
ฝ่ามือและนิ้วชา ยากจะบรรยายเป็นคำพูดได้
ใจของหลี่มู่สั่นสะท้านรุนแรง
เขาสัมผัสได้แล้ว พลังที่แตกต่างไปจากพลังวิถียุทธ์กำลังถือกำเนิดขึ้นช้าๆ ที่กลางฝ่ามือของตน
มัน…ง่ายขนาดนี้เลย?
สำเร็จแล้ว
ถึงแม้จะเตรียมใจเอาไว้บ้างเล็กน้อย แต่ความทึ่งและตื่นเต้นในใจของเขาก็ยังคงยากจะบรรยาย
นี่ก็คือวิชาเวท?
ง่ายดายขนาดนี้เลย?
วิชาที่ซินแสเฒ่าเอามาใช้หลอกลวงบนโลก คือวิชาเวทของเทพเซียนจริงๆ?
หลี่มู่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกแบบนั้นตรงระหว่างฝ่ามือ ความเลื่อมใสต่อซินแสเฒ่าในใจราวสายน้ำทะลักล้น และยิ่งเหมือนกับแม่น้ำหวงเอ่อท้นไม่อาจเก็บเอาไว้ได้
จากนั้นเขาพลันรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ
หากรู้ก่อนว่าซินแสเฒ่าไม่ได้พูดโม้แต่มีฝีมือจริงๆ เขาควรรักษาช่วงเวลาที่ได้อยู่กับซินแสเฒ่าเอาไว้ให้ดี หาเครื่องบันทึกภาพอัดทุกคำพูดทุกการกระทำเอาไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะค้นพบอะไรบางอย่างที่น่าตื่นตะลึงยิ่งกว่านี้ก็เป็นได้
ซินแสเฒ่าคือเทพเซียนจริงๆ
หลี่มู่ทอดถอนใจออกมาเช่นนี้ไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่แล้ว
แต่เพราะจิตใจวอกแวกในเสี้ยวขณะนี้เอง ทำให้ตอนที่เสียสมาธิ แสงสายฟ้าในมือเพียงถูกลมพัดก็สลายไป
“ประมาทไปแล้ว”
หลี่มู่ตระหนักได้ว่าการควบคุมวิชาเวทจะต้องรวบรวมสมาธิ จิตใจต้องรวมเป็นหนึ่งเสียยิ่งกว่าตอนสำแดงกระบวนท่าวิทยายุทธ์
หากเสียสมาธิ จิตแตกซ่าน วิชาเวทก็จะสลายไปเช่นกัน
อีกทั้งอย่างไรเสียเขาก็เพิ่งบรรลุเงื่อนงำของวิชาเวทได้เล็กน้อย จึงควบคุมไม่ถนัดอย่างเลี่ยงไม่ได้
ในยามที่หลี่มู่เตรียมจะลองอีกครั้ง ขอทานเฒ่าก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างกายเขาอย่างเงียบงันราวกับวิญญาณ
“มองอย่างเดียวอยู่ทำไม? ลงมือช่วยสิ” ขอทานเฒ่าพูดพร้อมแยกเขี้ยว
ดูจากท่าทางของเขา น่าจะไม่พบสิ่งผิดปกติที่ฝ่ามือของหลี่มู่เมื่อครู่
หลี่มู่เขยิบออกไปข้างๆ สังเกตสีหน้าท่าทางของขอทานเฒ่าอย่างละเอียด เขาทิ้งความคิดที่จะลองรวบรวมสายฟ้าพลังเวทขึ้นอีกครั้ง และกล่าวอย่างจนคำพูด “ข้าสนิทกับเจ้าดีหรือไร?”
ขอทานเฒ่าหัวเราะฮี่ๆ “อาศัยพวกเขาสี่คน แม้แต่เกล็ดเจียวก็ไม่มีทางขอดออกมาได้หรอก หากเสียเวลาต่อไปฟ้าก็จะสางแล้ว ใต้แสงสว่างเจียวจะจำศีล เจียวสามารถดำอยู่ใต้พื้นพิภพและซ่อนอยู่ใต้น้ำได้ หากมันซ่อนตัวก็ยากที่จะบีบให้ออกมาอีกครั้ง”
หลี่มู่เบ้ปาก “เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย?”
“หรือเจ้าไม่คิดอยากได้ของวิเศษจากเจียว?” ขอทานเฒ่าท่าทางเหมือนบอกว่า ‘เจ้าอย่ามาเสแสร้ง’
“ไม่อยากได้” หลี่มู่พูดอย่างจริงจัง “เจียวตัวนี้เติบโตอยู่ข้างล่างที่ว่าการอำเภอขาวพิสุทธิ์ เป็นสัตว์เทพที่ข้าเลี้ยงดูมาอย่างยากลำบาก พวกเจ้าพวกต่างด้าวมาแย่งของของข้าในถิ่นข้า ยังจะคิดให้ข้าช่วยเจ้าอีกรึ?”
“ข้า…เจ้าเลี้ยง?” ขอทานเฒ่าได้ยิน ดวงตาแทบจะกลอกครบรอบ ไร้คำพูดอยู่นาน หลังจากนั้นครู่หนึ่งถึงถอนหายใจพูด “ข้าประเมินความหน้าด้านของเจ้าต่ำไปแล้ว”
หลี่มู่หัวเราะฮิๆ
ขอทานเฒ่าเอ่ยขึ้นอีก “ต่อให้เจ้าไม่คิดเพื่อตัวเอง ก็ต้องคิดเพื่อนางหน่อย”
เขาชี้ไปที่โลลิน้อยหน้ามึนหมิงเยวี่ย
“เจ้าไม่รู้สึกว่าคืนนี้นังหนูนี่ผิดปกติอยู่หน่อยๆ รึ?” ขอทานเฒ่ากล่าวอย่างลึกลับ
ประโยคที่ว่า ‘ผิดปกติตรงไหน’ ของหลี่มู่เกือบจะหลุดออกจากปาก
แต่เขาหันกลับไปมองโดยไม่ได้ตั้งใจ กลับเห็นหมิงเยวี่ยน้อยอยู่ข้างๆ ตนเองอย่างเงียบเรียบร้อยราวกับกินยากล่อมประสาทเข้าไป จึงรู้สึกได้ทันทีว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล
ใช่แล้ว ทำไมคืนนี้ยัยเด็กไร้ความคิดถึงเงียบขนาดนี้กันล่ะเนี่ย?
ด้วยนิสัยของเด็กน้อยผู้โง่เขลาตามปกติ น่าจะเป็นเวลาที่นางร้องโหวกเหวกตื่นเต้น เหมือนกับตอนที่เจียวเพิ่งปรากฏตัวออกมา แต่ตอนนี้นางกลับนั่งเรียบร้อยเหมือนกระต่าย…หรือว่าจะเปลี่ยนนิสัยไปแล้ว?
“ในร่างของนางมีภูตปีศาจสิงอยู่” ขอทานเฒ่ากล่าวอย่างถ้าวันนี้ทำให้ตกใจไม่ได้ก็จะไม่เลิกรา
“มีภูตปีศาจสิงอยู่?” หลี่มู่อึ้งไป
“ใช่แล้ว นี่ก็คือหนึ่งร่างสองวิญญาณที่เขาว่ากัน นอกจากวิญญาณของตัวนางเองแล้ว ยังมีภูตปีศาจหายากอีกตัวหนึ่งสิงอยู่ในร่าง และเกี่ยวพันกับวิญญาณของนาง สภาวะเช่นนี้หายากยิ่ง อันตรายมาก หากสยบภูตปีศาจในกายของนางได้ไม่ทันเวลา ผ่านไปอีกไม่กี่ปี เมื่อภูตปีศาจนั่นเติบโตขึ้นก็จะกัดกินร่างเจ้าของ ภูตปีศาจจะกลืนกินสามจิตเจ็ดวิญญาณ[1]ของนาง จากนั้นนางจะเปลี่ยนไปกลายเป็นคนละคน”
ขอทานเฒ่าพูดอย่างจริงจัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา