จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 76

สรุปบท บทที่ 76 บุ่มบ่าม: จอมศาสตราพลิกดารา

อ่านสรุป บทที่ 76 บุ่มบ่าม จาก จอมศาสตราพลิกดารา โดย Internet

บทที่ บทที่ 76 บุ่มบ่าม คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน จอมศาสตราพลิกดารา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 76 บุ่มบ่าม
ProjectZyphon
การลงมือของหลี่มู่สร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคนเป็นอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัย

แค่ยกมือก็โยนก้อนหินหนักหลายหมื่นจินที่ฝังตัวอยู่ในโคลนไปบนท้องฟ้าหลายร้อยจั้ง พละกำลังเช่นนี้เกินความเข้าใจด้านกำลังภายในและการต่อสู้ของพวกเขาไปแล้ว

โดยเฉพาะตอนที่พวกเขาใช้สายตาตื่นตะลึงมองหลี่มู่ แล้วพบว่าร่างของเขาไม่มีคลื่นกำลังภายในเลยแม้แต่น้อย หรือก็คือภาพน่าพรั่นพรึงจนแทบหยุดหายใจเมื่อครู่อาศัยพลังกายล้วนๆ

สวรรค์

โลกนี้มีตัวประหลาดเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ?

ในแผ่นดินใหญ่เสินโจว ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสำนักของสำนักใหญ่ทั้งเก้า เป็นจอมยุทธ์ที่ฝ่าฟันไปในใต้หล้า หรือยอดฝีมือเชื้อพระวงศ์ของจักรวรรดิ ก็ไม่ออกนอกขอบเขตวิถียุทธ์กำลังภายในหรือพลังฝึกสายเวทสองเส้นทางฝึกนี้…เงื่อนไขด้านพรสวรรค์ของผู้ฝึกฝนพลังเวทสูงกว่า ดังนั้นจอมเวทเทียบกับจอมยุทธ์แล้วจึงมีจำนวนค่อนข้างน้อย ทั้งยังไม่ถนัดการสู้เพียงลำพัง

บนร่างของหลี่มู่ไม่มีทั้งคลื่นกำลังภายใน ไม่มีทั้งพลังเวท อาศัยเพียงแค่กำลังกายก็มีผลถึงเพียงนี้ได้…การฝึกฝนกายแฝงไว้ด้วยขีดจำกัดของพรสวรรค์ เป็นขั้นต่ำที่สุดของการฝึกฝนการต่อสู้ ในประวัติศาสตร์ ผู้ฝึกฝนกายที่โดดเด่นที่สุดก็มีพลังไม่เกินกี่พันจิน กระโดดได้สูงยิ่งกว่า วิ่งได้เร็วยิ่งกว่า แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจอมยุทธ์กำลังภายในและจอมเวท โดยพื้นฐานแล้วก็เป็นฝ่ายโดนสังหาร

แต่ตอนนี้ หลี่มู่กลับผลักดันกำลังกายได้ถึงระดับนี้?

เขาไม่ใช่ปีศาจที่คลุมหนังมนุษย์จริงๆ หรือ?

แต่บนร่างของเขาไม่มีไอปีศาจเลยแม้แต่น้อยนี่?

แม้แต่ขอทานเฒ่าก็ยังมีท่าทีราวกับเห็นผี

สุนัขอ้วนสีน้ำตาลลายขาวที่อยู่ข้างกายเขาอ้าปากกว้างยิ่งกว่าขอทานเฒ่าเสียอีก ท่าทางอย่างกับมนุษย์ ในดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง

คนที่สีหน้าท่าทางปกติมีเพียงโลลิน้อยหมิงเยวี่ยเท่านั้น

สีหน้าของเด็กน้อยราบเรียบ แววตาเหม่อลอยมองทุกอย่างรอบกาย ก่อนที่สายตาจะหยุดลงที่หลี่มู่และดูเป็นห่วงเป็นใยเล็กน้อย ท่าทางนิ่งเงียบเหมือนง่วงมาก ใกล้จะหลับแล้วเต็มที

แต่ท่าทางปกติที่ว่าของนางเช่นนี้ กลับเป็นพฤติกรรมที่ไม่ปกติ

เพราะหากเปลี่ยนเป็นนางในยามปกติ เกรงว่าป่านนี้คงจะกระโดดโลดเต้นร้องโหวกเหวกไปแล้ว

สนามต่อสู้ที่แต่เดิมดุเดือดเลือดพล่าน หยุดชะงักลงอย่างประหลาดเพราะการเปลี่ยนแปลงชั่วเสี้ยวขณะนี้

ส่วนหลี่มู่ที่เป็นเป้าสายตากลับไม่รู้สึกด้านนี้เลยสักนิด

เขาปัดโคลนกลางฝ่ามือ มองไปรอบด้าน หาก้อนหินที่สามารถเอามาใช้ได้อีกก้อนหนึ่ง

ซ่า ตูม!

ในบึงน้ำทะเลสาบปะทุเกลียวน้ำสูงกว่าร้อยจั้งขึ้นมา

เจียวยักษ์พุ่งออกจากผืนน้ำอีกครั้งท่ามกลางเสียงคำราม

ดวงตาแดงก่ำของมันราวมีเลือดรินไหล ฝ่าทะลวงม่านราตรีที่มีละอองหมอกคลุมเครือพลางมองมายังหลี่มู่ ดุจดั่งกระบี่คมพุ่งเข้ามา ความเร็วไปถึงขีดสูงสุด

ใจของหลี่มู่เกิดความกลัวและสยดสยองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เขาสำแดงวิชาตัวเบาหนีไปจากที่ตรงนั้น

“รีบลงมือเร็ว”

ชายวัยกลางคนชุดดำตะโกนขึ้น

เขามองออกแล้วว่าหลี่มู่เป็นเพียงคนเดียวในคนทั้งหมดที่สร้างภัยคุกคามให้กับเจียวได้ จะต้องดึงระยะห่างและหาโอกาสให้เขาใช้วิธีโยนหินทำร้ายเจียวจนได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง เพราะกระบวนท่าและเคล็ดวิชาต่างๆ ของคนอื่นยากจะสร้างผลกระทบให้กับเจียวยักษ์ได้

คมวายุสีดำนับไม่ถ้วนหอบม้วนมาราวพายุคลั่ง และหุ้มล้อมเจียวเอาไว้ข้างใน

เคร้ง เคร้ง เคร้ง!

คมวายุฟันไปบนร่างเจียว ปะทุสะเก็ดไฟออกมาดั่งฟันไปบนเหล็ก ทั้งหมดแหลกละเอียดกระเด็นออกมา เกล็ดของมันเห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่าที่ทุกคนคิด คมวายุมากมายถึงเพียงนั้นกลับไม่อาจสร้างรอยขีดข่วนให้กับมันได้เลย

“พันธนาการหยินหยาง!”

‘ใจมาร’ หลิงลี่คำราม หมอกพลังเวทสีขาวดำตลบทั่วกาย มือทั้งสองสะบัดไปข้างหน้าทันที หมอกพลังเวททั้งหมดแปรเปลี่ยนเป็นเชือกเส้นมหึมาสีขาวดำสองเส้นพันรัดไปบนร่างของเจียว ทำให้มันเคลื่อนไหวช้าลง

‘หน้าเซียน’ โจวเข่อเอ๋อร์กับผู้สืบทอดสำนักหมาป่าสวรรค์ไป๋หรูซวงร่างกระโดดวูบไหวไปในหุบผาไม่หยุด คอยเปลี่ยนกระบวนท่าและตำแหน่งโจมตีเจียว

แต่คมกระบี่ฟาดฟันบนร่างของเจียวก็เหมือนกับคมวายุเหล่านั้น ปะทุเป็นสะเก็ดไฟ สุดท้ายก็ไร้ประโยชน์

ผู้แข็งแกร่งทั้งสี่รู้หน้าที่ ต่างวางตนไว้ในตำแหน่งตรึงกำลังและดึงความสนใจของเจียว เพื่อสร้างโอกาสให้แก่หลี่มู่

นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขารู้สึกว่าหลี่มู่แข็งแกร่งกว่าพวกตนจริง

แต่เป็นสัญชาตญาณและความเข้าในการต่อสู้

ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงเช่นไป๋หรูซวงและ ‘หน้าเซียนใจมาร’ ศัตรูคู่อาฆาต ถึงแม้ปกติแล้วต่างมองกันเป็นศัตรู คิดอยากจะเอาชนะอีกฝ่ายอยู่ตลอด แต่ในการต่อสู้เช่นนี้กลับร่วมมือกันเป็นอย่างดี

แน่นอน นี่เกี่ยวกับความเย้ายวนของผลประโยชน์ที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาด้วย

อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเจียวที่ใกล้แปลงเป็นมังกรเชียว มันล้ำค่ายิ่งนัก ถึงแม้จะได้เลือดเจียวมาแค่หยดเดียวก็มากพอจะเปลี่ยนหนทางแห่งวิถียุทธ์ของพวกเขาได้เลย

เพื่อโอกาสที่ยากจะพานพบเช่นนี้ ต่อให้ต้องร่วมมือกับศัตรูคู่อาฆาตแล้วจะอย่างไร?

ผู้แข็งแกร่งทั้งสี่ดึงความโกรธแค้นจากเจียวได้ทันที

หลี่มู่หาหินก้อนใหญ่อีกก้อนหนึ่งเจอ มันใหญ่กว่าก้อนที่โยนมาเมื่อครู่ สองแขนเพียงออกแรงก็โยนออกมาเสียงดังฟิ้ว ลอยออกไปอย่างง่ายดาย

“มารดาเจ้าสิ…”

ขอทานเฒ่าหลุดปากสบถ

ลูกตาเขาแทบถลนออกมา

เพราะครั้งนี้เขามองเห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

หินยักษ์หนักถึงแสนจิน หลี่มู่โยนออกไปเหมือนกับโยนถุงทรายก็ไม่ปาน

เร็วประดุจอุกาบาต

ขอทานเฒ่ายากจะเชื่อจริงๆ ว่าบนโลกนี้ยังมีตัวประหลาดแบบนี้อยู่ด้วย

ในกายของมนุษย์มีพลังแบบนี้ด้วยหรือ?

มารดามันเป็นตัวประหลาดอะไรกันแน่

สุนัขอ้วนสีน้ำตาลลายขาวตกใจเสียจนหางจุกก้น

เห็นได้ชัดว่าตกใจไม่น้อยเลย

เทพมังกรสะบัดหาง

ตูม!

โจวเข่อเอ๋อร์โดนซัดลอยกระเด็นราวกับดาวตก กระแทกเข้าไปในหุบผาข้างๆ

เพียงชั่วพริบตา ผู้แข็งแกร่งทั้งสี่ก็เหลือเพียงผู้สืบทอดสำนักหมาป่าสวรรค์ไป๋หรูซวงเท่านั้น

หลี่มู่ได้เห็นใจก็ตื่นตะลึง

เกิดอะไรขึ้น?

เจียวยักษ์คุ้มคลั่งถึงขั้นนี้เชียว?

สถานการณ์ต่อสู้กลายเป็นถูกบดขยี้อยู่ฝ่ายเดียวในพริบตา

ถ้าอย่างนั้นจะสู้กันอยู่อีกทำซากอะไรเล่า

หลี่มู่คิดหนีขึ้นมาตามสัญชาตญาณ

เมื่อพูดถึงเรื่องหนี หลี่มู่ไม่มีความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย

ในเมื่อมีคำสั่งสอนสิบปีและคำพร่ำบ่นก่อนจากกันของซินแสเฒ่าเจ้าเล่ห์อยู่

ปลอดภัยไว้ก่อน

มีชีวิตอยู่ถึงจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้

ตอนนั้นเซี่ยงอวี่ (ฌ้อปาอ๋อง) ตีหลิวปังเสียเป็นสุนัข แต่อย่างไรเขาก็มีชีวิตรอดทุกครั้ง สุดท้ายจึงมีอาณาจักรต้าฮั่นในวันหลังได้

อีกทั้งหลี่มู่ยังแบกความหวังของโลกเอาไว้อยู่

หากตายอยู่ที่นี่ ยี่สิบปีให้หลังโลกถูกบุกแล้วจะทำยังไง?

ความคิดทุกอย่างนี้ผุดวาบขึ้นมาในหัวของลี่มู่ ตอนที่เขาคิดจะหมุนตัวพาหมิงเยวี่ยหนี ก็หันหน้าไปเห็นหมิงเยวี่ยยืนอยู่ริมฝั่งอย่างนิ่งเงียบอยู่ที่ไกลๆ ใบหน้าติดจะขลาดกลัว ร่างเปียกโชกเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน ท่าทางขี้ขลาด หวาดกลัว ทำตัวไม่ถูกเช่นนั้น ช่างยากที่จะใช้คำพูดมาบรรยายจริงๆ

แววตาและท่าทางนั้น ราวกับสายฟ้าฟาดลงมากลางใจของหลี่มู่

เขาคิดถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของขอทานเฒ่าทันที

นี่คือโอกาสสุดท้ายของหมิงเยวี่ยแล้ว

หากพลาดโอกาสคืนนี้ และเจียวตัวนี้หลบซ่อนตัวลงไปเอาเลือดเจียวมาไม่ได้ หมิงเยวี่ยมีโอกาสอย่างมากที่จะถูกจิตปีศาจในร่างกัดกิน

หรือจะมองเด็กรับใช้บัณฑิตน้อยที่ดีกับตนโดยไม่หวังผลตอบแทนและมีเพียงแค่สองคนบนดาวดวงนี้ตายไปกับตาด้วยอายุเพียงเท่านี้?

หลี่มู่ตัวสั่นขึ้นมาเสียเฉยๆ

เขาไม่สนผลที่จะตามมา โยนคำสอนในวันวานของซินแสเฒ่าทิ้งไป ร้องลั่นแล้วแปลงเป็นสายฟ้าพุ่งไปยังเจียวยักษ์ที่กำลังโกรธแค้นเหี้ยมโหด

……………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา