อ่านสรุป บทที่ 77 บุ่มบ่ามอีกครั้ง จาก จอมศาสตราพลิกดารา โดย Internet
บทที่ บทที่ 77 บุ่มบ่ามอีกครั้ง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน จอมศาสตราพลิกดารา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
โล่ทรงกลมดำขาวส่งเสียงออกมา ดูท่าคงใกล้จะแตกทลายลงเต็มที
เลือดสดๆ ทะลักออกมาจากจมูกของ ‘ใจมาร’ หลิงลี่
ร่างของเขาสั่นสะท้านรุนแรง สีหน้าขาวซีดจนน่ากลัว และรู้สึกได้ถึงการมาเยือนของความตาย
พลังของเจียวยักษ์แข็งแกร่งจนน่ากลัว
ณ เสี้ยวขณะนี้ ใจของเขาพลันรู้สึกเสียใจภายหลัง
ไม่ควรละโมบของล้ำค่าในตัวมังกรเจียวและประมาทเลย
อย่างไรเสียนี่ก็คือเจียวที่ใกล้แปลงเป็นมังกร บำเพ็ญตบะมาพันปี
ส่วน ‘หน้าเซียน’ โจวเข่อเอ๋อร์ก็ราวกับเสียสติ ไม่สนใจบาดแผลบนร่างของตน พุ่งไปยังเจียวยักษ์อย่างไม่คิดชีวิต กำลังภายในถูกกระตุ้นจนถึงขีดสูงสุด ทั่วร่างพันล้อมด้วยลายคลื่นกำลังภายในเหมือนเปลวไฟ นางกวัดแกว่งกระบี่คู่ ใช้กระบวนท่าที่เจ็บหนักทั้งสองฝ่าย ด้วยคิดจะช่วยชายคนรักมา
ตูม!
สตรีที่ท่าทางราวกับพยัคฆ์คลั่งโดนโจมตีลอยไปอีกครั้ง
“ไป…”
‘ใจมาร’ หลิงลี่คำรามลั่น
เลือดสดๆ ทะลักออกมาจากจมูกดุจน้ำพุ
มีเพียงแค่ในเวลานี้เท่านั้น เขาจึงจะสัมผัสพลังของเจียวที่ใกล้จะเป็นมังกรได้อย่างแท้จริงว่าน่ากลัวเพียงใด พลังมหาศาลที่โหมบ่ามานั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้แข็งแกร่งขั้นปรมาจารย์จะรับมือได้เลย
‘โล่หยินหยาง’ สีขาวดำไม่ใช่แค่การรวบรวมพลังเวทของเขาเท่านั้น แต่ยิ่งเป็นอาวุธวิเศษที่เขารักดั่งชีวิต เมื่อกระตุ้นลงไปจึงมีอานุภาพเช่นนี้ ทั้งสองเสริมพลังให้กันและกัน มากพอจะต้านทานการโจมตีซึ่งหน้าจากยอดปรมาจารย์ได้ แต่ยามอยู่ในกรงเล็บของเจียวยักษ์ตัวนี้ บนอาวุธวิเศษกลับเต็มไปด้วยรอยร้าวแล้ว
เมื่ออาวุธวิเศษแหลกทลาย ก็จะเป็นเวลาตายของเขา
ในฐานะที่เป็นคนในสำนัก นับจากที่เขาก้าวเข้ามาในเส้นทางยุทธจักรอันเนิบช้ายาวนาน ก็รู้ว่าช้าเร็วก็ต้องมีวันนี้
เครื่องกระเบื้องยังมีครั้งพลาดแตก นักรบอย่างไรเสียก็มีวันรบพ่าย
เขาแค่คิดไม่ถึงว่าตนไม่ตายในการต่อสู้กับผู้ชำนาญการต่อสู้ ไม่ตายในการเข่นฆ่ากับศัตรูคู่อาฆาต แต่กลับมาตายในกรงเล็บของสัตว์ตัวหนึ่ง
ยิ่งรู้ถึงความน่ากลัวของเจียวยักษ์ ใจของเขาก็ยิ่งสิ้นหวัง
และก็ยิ่งรู้ว่า ‘หน้าเซียน’ โจวเข่อเอ๋อร์ไม่ใช่คู่มือของเจียวยักษ์ ไม่อาจช่วยตนเองออกไปได้เช่นกัน
“รีบหนีไป…น้องหญิง อย่ามองข้าตาย”
หลิงลี่ที่หน้าตาอัปลักษณ์ ในดวงตามีเลือดทะลักออกมา ทำให้ยิ่งดูน่ากลัว แต่กลับพูดอย่างอ่อนโยนนัก
เขารักผู้หญิงที่สู้สุดชีวิตเพื่อเขาเบื้องหน้าคนนี้อย่างหมดหัวใจ
เขาไม่อยากให้นางต้องมาตายเพราะตน
“ไม่…” โจวเข่อเอ๋อร์ใกล้จะบ้าคลั่งแล้วเต็มที น้ำตาทะลักออกมาราวกับสายน้ำ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ไกลออกไป ผู้สืบทอดสำนักหมาป่าสวรรค์ไป๋หรูซวงใบหน้าขาวซีด แขนซ้ายหักห้อยต่องแต่ง คิดอยากจะลงมือแต่กลับลังเล
ตอนนี้หากมองไม่ออกว่าสามสี่คนนี้ไม่ใช่คู่มือของเจียวยักษ์ เช่นนั้นก็เป็นคนโง่แล้ว…
เผชิญหน้ากับสัตว์ยักษ์ที่โกรธเกรี้ยวเช่นนี้ หากฝืนต่อไปก็รนหาที่ตาย
ถึงแม้ของวิเศษเลือดเจียวจากเจียวยักษ์จะเป็นของดี แต่ก็ต้องมีชีวิตได้ใช้
“ช่วยเขาด้วย…” ‘หน้าเซียน’ โจวเข่อเอ๋อร์ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น “ข้ายอมจ่ายค่าตอบแทนทุกอย่าง”
แต่ไป๋หรูซวงมองผู้คุมกฎสำนักดับนิวรณ์ผู้งดงามราวเทพธิดาแวบหนึ่ง สุดท้ายก็ส่ายหน้าไม่พูดสักคำ แล้วจึงหมุนตัวจากไปทันที ร่างเคลื่อนไปราวกับดาวกะพริบ หายไปไกลลับตา
ผู้สืบทอดสำนักหมาป่าสวรรค์คนนี้ไร้ซึ่งจิตใจจะต่อสู้ หนีหายไปแล้ว
“รีบหนีไป น้องหญิง…ไป”
‘หน้ามาร’ หลิงลี่ฝืนไม่ไหวแล้ว
เลือดสดทะลักออกจากทวารทั้งห้า[1]บนใบหน้า
ของวิเศษคุ้มกายส่งเสียงกังวานดังเปรี๊ยะๆ แตกเป็นรอยร้าว ใกล้จะสลายเต็มที
แรงกดดันมหาศาลทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแมลงที่ถูกบีบอัดอยู่กลางก้อนหินขนาดมหึมาสองก้อน ร่างกายพร้อมจะแหลกเหลวทุกเวลา และในความเป็นจริงก็คือ…กระดูกทั่วร่างเขาตอนนี้หักไปแล้วไม่รู้ต่อกี่ท่อนแล้ว
แม้แต่พลังเวทคุ้มกายก็เริ่มสลายแล้ว
“หนีไปเร็วเข้า…” หลิงลี่ตวาด
หากตนตายแล้วนางเผชิญหน้ากับเจียวที่โมโหคุ้มคลั่ง โจวเข่อเอ๋อร์เพียงคนเดียวยากที่จะรับมือได้ และไม่มีทางหนีพ้นแน่นอน ในช่วงเวลาเช่นนี้ ชายที่หน้าตาอัปลักษณ์ทิ้งความคิดที่จะมีชีวิตรอดไป หวังเพียงสตรีที่ตนรักอย่างสุดซึ้งผู้นี้จะรอดหนีไปได้
“ไม่…” โจวเข่อเอ๋อร์เจ็บปวดสิ้นหวัง “ใครก็ได้ช่วยข้าที…”
ช่วงเวลาความเป็นความตายในชั่วพริบตา เทพธิดาที่แต่ไหนแต่ไรมามากปัญญากลอุบายเหนือกว่าคนทั่วไปยากจะนิ่งสงบได้
นางตื่นตระหนกลนลานเหมือนกับคนทั่วไปที่อับจนหนทาง
และในเวลานี้เอง…
“แกรก…”
‘โล่หยินหยาง’ คุ้มกายบนร่างของ ‘หน้ามาร’ หลิงลี่แตกทลายลงโดยสมบูรณ์
“ไม่…”
โจวเข่อเอ๋อร์โกรธแค้นจนดวงตาแทบทะลักออกจากเบ้า พลางตะโกนออกมาอย่างสิ้นหวังน่าสังเวช
นางเหมือนจะเห็นหลิงลี่โดนขยี้แหลกกลายเป็นเนื้อเละๆ
แต่ว่าเสียงร้องตะโกนเช่นนี้ดังอยู่ไม่นานเท่าไหร่
ฟุ่บ!
เงาร่างหนึ่งก็บินเข้ามา
“พาเขาไปจากสนามต่อสู้”
เสียงอ่อนเยาว์ที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น ทั้งยังหนักแน่นมีพลัง
‘หน้าเซียน’ โจวเข่อเอ๋อร์แทบจะรับไปโดยสัญชาตญาณ
นางก้มลงมอง เงากลุ่มนี้คือ ‘ใจมาร’ หลิงลี่ที่ก่อนหน้านี้อยู่ในกรงเล็บเจียวนั่นเอง
หลี่มู่ตะโกนสั่ง
เลือดทั่วร่างของเขาเหมือนกำลังเผาไหม้
เขากระทั่งได้ยินเสียงกระดูกทุกข้อทั่วร่างของตนส่งเสียงกร๊อบๆ ราวกับถั่วระเบิด
พลังที่ไม่เคยมีมาก่อนปะทุขึ้นในร่างอย่างหนำใจ
เขาแผ่คลื่นพลัง กางเล็บของเจียวออก
จากนั้นก็สำแดงวิชาตัวเบาหลบออกมาดั่งสายฟ้าฟาด
เพื่อช่วย ‘ใจมาร’ หลิงลี่ เขาตกอยู่ในอันตราย
หลี่มู่ไม่เคยทำตัวเป็นพ่อพระสละชีพตัวเองเพื่อช่วยคนอื่น
ระหว่างเขากับ ‘หน้าเซียนใจมาร’ ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน
ก่อนหน้าคืนนี้ อย่าว่าแต่เคยเจอหน้าเลย ไม่เคยได้ยินว่ามีคนสองคนนี้อยู่ด้วยซ้ำ
แต่ต้องยอมรับว่าเพราะเขามาจากโลก หลี่มู่ที่ได้รับค่านิยมของชาวจีนโบราณและการอบรมสั่งสอนด้านคุณธรรมจริยธรรมมา เคยได้ยินโศกนาฏกรรมความรักอย่างนางพญางูขาวกับสวี่เซียน[2] หรือโรมิโอกับจูเลียตมามากมาย ทำให้เกิดความรู้สึกเห็นใจขึ้นได้ง่าย
คนอย่างเขาไม้อ่อนไม้แข็งใช้ไม่สำเร็จ แต่เนื้อแท้แล้วเป็นคนใจอ่อน
หลิงลี่และโจวเข่อเอ๋อร์แสดงความรู้สึกเศร้าสลดเช่นนั้นออกมาในช่วงความเป็นความตาย โดยเฉพาะหญิงงามที่นำมาซึ่งหายนะเช่นโจวเข่อเอ๋อร์ ท่าทางเศร้าโศกหมดหวังและลนลานสร้างความซาบซึ้งให้กับหลี่มู่ ทำให้เขาที่บุ่มบ่ามอยู่แล้วอารมณ์ร้อนขึ้นอีกครั้ง
‘บ้าเอ๊ย จะทำตัวเป็นพ่อพระไม่ได้สิ…ซี้ซั้วอวดเก่ง บุ่มบ่ามเกินไป’
เสี้ยวขณะที่หลี่มู่หลบออกมาได้ ในใจก็สบถด่าตัวเอง
เขาสำแดง ‘หมัดยุทธ์แท้’ กระบวนที่สองซึ่งแฝงด้วยแก่นแท้ของวิชาตัวเบาจนแทบถึงขีดสูงสุด ความเร็วราวกับสายฟ้าแลบ ปลายเท้าเหยียบลงบนเกล็ดเจียว จากนั้นก็เคลื่อนมายังหัวของเจียวเสมือนใช้พลังเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตา
เพียงแค่ยืนมือคว้า
เขาก็คว้ามุมเขาของเจียวเอาไว้ได้
“ก๊าซ…” เจียวยักษ์ที่สัมผัสได้ว่าคู่ต่อสู้ยืนอยู่บนหัวส่งเสียงร้องคำรามอย่างโมโห
มันไม่อาจยอมรับได้ว่าแมลงตัวเล็กจ้อยจะหลุดจากกรงเล็บแข็งแกร่งของมันออกได้ จึงเริ่มสะบัดหัวอย่างบ้าคลั่ง คิดจะสลัดหลี่มู่ให้ร่วงลงมา ในขณะเดียวกันหางที่น่ากลัวก็ฟาดลงมาอย่างแม่นยำ หมายจะฟาดหลี่มู่ให้เละไปกับหัว
“สหายตัวโต อย่าได้บุ่มบ่าม ข้าไม่ได้จะเอาชีวิตเจ้า แค่อยากจะขอเลือดเจ้านิดหน่อยก็เท่านั้นเอง”
หลี่มู่จับมุมเขาเอาไว้แน่นพลางรักษาสมดุลของร่างกาย
“มา ให้ข้าได้เห็นพลังที่แท้จริงของเจ้าสักหน่อยเถอะ”
หลี่มู่เลือดเดือดพล่าน
พลังปั่นป่วนราวกับมหาสมุทรคลั่งของเขา ในที่สุดก็ได้เจอคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อเสียที
……………………………………………………
[1] ทวารทั้งห้าประกอบด้วย ตา 2 จมูก 2 และ ปาก 1
[2] สวี่เซียน ตัวละครเอกจากหนึ่งในสี่วรรณกรรมพื้นบ้านเรื่องนางพญางูขาว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา