จอมศาสตราพลิกดารา นิยาย บท 79

สรุปบท บทที่ 79 ลอบทำร้าย: จอมศาสตราพลิกดารา

สรุปตอน บทที่ 79 ลอบทำร้าย – จากเรื่อง จอมศาสตราพลิกดารา โดย Internet

ตอน บทที่ 79 ลอบทำร้าย ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง จอมศาสตราพลิกดารา โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 79 ลอบทำร้าย
ProjectZyphon
พอเห็นหลี่มู่ที่คลุ้มคลั่ง เจ้าสุนัขสีน้ำตาลหวาดหวั่นในใจ ม้วนหางของตัวเองแน่น

ส่วนขอทานเฒ่าก็ยืนขยี้ตาตัวเองไม่หยุดอยู่อีกด้านหนึ่ง

ในแววตาขลาดกลัวของหมิงเยวี่ยน้อยมีแววโล่งใจ

ส่วนใจของโจวเข่อเอ๋อร์ในตอนนี้มีเพียงแค่ความคิดเดียว

ดีที่ตอนนั้นขัดขวางญาติผู้พี่ที่จะไปยั่วยุขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์หลี่มู่เพราะเรื่อง ‘ธนูรั้งจันทรา’ ไว้

มิฉะนั้นแล้ว ตอนนี้คนที่จะถูกหลี่มู่เหวี่ยงฟาดไปมาจนแทบจะนอนเดี้ยงดูแลตัวเองไม่ได้ อาจไม่ใช่เจียวแต่เป็นญาติผู้พี่หลิงลี่แทน

ส่วนจอมเวทชุดดำวัยกลางคนคลานออกมาจากกองหินด้วยร่างอาบเลือด

เห็นได้ชัดว่าเขาก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ขาข้างหนึ่งยังกะเผลก พลังเวทกระจายไปไม่น้อย มีเพียงแค่ลมสีดำจางๆคุ้มกายของเขาอยู่ จึงยังพอมีพลังปกป้องตัวเองอยู่บ้าง เพียงแต่สีหน้าของเขาไม่ได้ดีกว่าพวกขอทานเฒ่าคนอื่นๆ สักเท่าไหร่ และตื่นตะลึงจนพูดไม่ออก

เขารู้ได้ทันทีว่า การวิเคราะห์เด็กหนุ่มของตนก่อนหน้านี้ผิดพลาดอย่างสิ้นเชิง

ขุนนางเมืองคนนี้ไม่ใช่ควรค่าจะดึงเป็นพวก แต่จะต้องดึงมาเป็นพวกให้ได้

กระทั่งว่า…ต้องเอาใจด้วย

หากได้การช่วยเหลือจากบุคคลเยี่ยมยอดเช่นนี้ สถานการณ์ขององค์หญิงกับฝ่าบาทน้อยอาจไม่ถึงขั้นพลิกผัน แต่จะต้องดีขึ้นมากๆ แน่ จะไม่อยู่ท่ามกลางพายุฝนกระหน่ำเอาตัวแทบไม่รอดเหมือนตอนนี้แน่นอน

ตูม ตูม ตูม!

“ใครใช้ให้เจ้าทำเสื้อข้าขาด…”

หลี่มู่ที่อยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่งกระหน่ำซัดเจียวยักษ์เหมือนคนบ้า

“รีบๆ เอาเลือดถังหนึ่งมาชดใช้ข้าเลย แล้วพวกเราก็หายกัน”

เขาจับหางเจียว ฟาดเจียวยักษ์ที่ยาวกว่าสามร้อยจั้งไปมากลางอากาศราวกับฟาดแป้งทำบะหมี่ ทุบไปบนหุบผา ก้อนหิน ไม่ก็ริมฝั่ง

ทุกครั้งที่ฟาดลงไป หุบผาและพื้นดินก็จะมีรอยมังกรตัวยาวประทับไว้

เกล็ดเจียวเป็นเกล็ดๆ โดนเลาะออกมา ราวกับหิมะโปรยปรายท่ามกลางท้องฟ้า

แต่ว่าเจียวตัวนี้ถึงอย่างไรก็เป็นปีศาจพันปี กลืนกินแสงจันทร์ไปไม่รู้ต่อเท่าไหร่ กายเนื้อแข็งแกร่งราวเหล็กกล้า ต่อให้โดนฟาดจนเป็นเช่นนี้ก็แค่เกล็ดหลุดนิดหน่อยเท่านั้น ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย และก็ไม่มีเลือดเจียวไหลออกมาด้วย

ขอทานเฒ่าพูดเอาไว้ มีแค่เลือดเจียวเท่านั้นที่จะช่วยหมิงเยวี่ยได้

เจียวคำรามอย่างโมโห ดิ้นรนสุดชีวิต

ผ่านไปครู่หนึ่ง หลังจากที่พลังของหลี่มู่ถูกใช้ไปเล็กน้อย ในที่สุดมันก็หาสมดุลเจอ จึงฉวยโอกาสลงมือ หางสะบัดออกไปอย่างแรง

หลี่มู่ที่แต่เดิมเป็นเป็นฝ่ายโจมตีถูกหางเจียวตวัดเหวี่ยงออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว

ตูม!

หลี่มู่กระแทกเข้ากับข้างหุบผา

ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นเจียวยักษ์โจมตีกลับบ้างแล้ว

หลี่มู่ตกอยู่ในสถานการณ์เหมือนเจียวยักษ์ก่อนหน้านี้

เจียวยักษ์เหวี่ยงเขาไปมา กระแทกตูมตามเข้ากับข้างหุบผา

หินแหลกทลาย เศษหินกระจายว่อน

ทุกครั้งที่ฟาดลงมา หุบผาและพื้นดินก็จะปรากฏรอยรูปหางเจียวประทับ

และหากดูให้ละเอียด ในจุดลึกที่สุดของรอยจะมีรอยรูปคนในลักษณะท่าทางต่างๆ ของหลี่มู่ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนด้วย

โจมตีป้องกัน ผลัดเปลี่ยนเป็นฝ่ายได้เปรียบ

“บัดซบ ดูจนปวดฟันไปหมดแล้ว รู้สึกเหมือนสัตว์ประหลาดสองตัวกำลังตะลุมบอนกันอยู่…นี่ไม่ใช่การต่อสู้ของมนุษย์แล้ว”

ขอทานเฒ่าสูดลมหายใจเย็น เย็นเสียจนปวดฟัน

แต่ไม่นาน ฝ่ายโจมตีและป้องกันทั้งสองก็เปลี่ยนตำแหน่งกัน

หลี่มู่กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบอีกครั้ง

“วันนี้ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะกำราบเจ้าไม่ได้”

หลี่มู่ที่พลังฟื้นฟูขึ้นแล้วใช้มือทั้งสองจับหางเจียวเอาไว้ แล้วเหวี่ยงฟาดไปอย่างบ้าคลั่ง

สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เขาในตอนนี้ชุ่มโชกไปด้วยเลือด เนื้อตัวทุกที่ล้วนมีบาดแผลเหวอะหวะ บางแห่งมีกระดูกขาวโผล่ออกมา ดูไปแล้วน่าสังเวชราวกับรับทัณฑ์พันมีดหมื่นแล่[1]

ไม่ต้องสงสัยเลย เมื่อเทียบกับเจียวที่บำเพ็ญตบะกลืนกินแสงจันทร์มาพันปีแล้ว พลังของหลี่มู่ถึงแม้จะไม่ด้อยไปกว่ากัน แต่ความแข็งแกร่งของร่างกายก็ยังคงด้อยอยู่

แต่ท่าทางของเขากลับยังคงฮึกเหิมมีกำลังวังชา บาดแผลทั่วร่างไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรให้เลย

หากเทียบเพียงพลัง เป็นหลี่มู่ที่แข็งแกร่งกว่า

แต่ถึงอย่างไรความแตกต่างของขนาดตัวทั้งสองก็ต่างกันมาก ลำพังแค่ร่างของเจียวก็หนักราวขุนเขาแล้ว เหวี่ยงฟาดไปฟาดมา พลังที่ต้องสูญเสียไปย่อมมากกว่าที่เจียวฟาดเขาแน่นอน

ขอทานเฒ่า โจวเข่อเอ๋อร์ และจอมเวทวัยกลางคนชุดดำตระหนักถึงจุดนี้ได้นานแล้ว

ในใจของพวกเขาประเมินหลี่มู่ทะลุเกินพิกัดไปแล้ว

สุดท้าย การต่อสู้ก็เหมือนจะรู้ผล

เสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น

หลี่มู่ฟาดเจียวยักษ์เข้ากับข้างหุบผาเต็มแรง ฟาดจนมันเวียนหัวสลบเหมือดไป ในขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงดังกร๊อบ ในที่สุดมุมเขาเจียวท่อนหนึ่งที่ยาวประมาณสี่สิบฉื่อก็ทนพลังอันน่ากลัวของหลี่มู่ไม่ไหวและหักออก ก่อนจะร่วงลงมาจากท้องฟ้า…

“เขามังกร!”

ดวงตาของโจวเข่อเอ๋อร์เป็นประกาย

นั่นเป็นเขาของเจียวที่ใกล้จะแปลงเป็นมังกร ไม่ต่างอะไรจากเขามังกรนัก เป็นของวิเศษล้ำค่า

แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้ลงมือแย่งชิงมา

ถึงแม้นางที่มีชาติกำเนิดเป็นฝ่ายมารแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยรังเกียจเรื่องแย่งชิงฉกฉวยผลประโยชน์ แต่อย่างไรก็ยังพอมีขอบเขต

หลี่มู่เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตหลิงลี่ไว้ โดยรวมแล้วก็นับว่าช่วยชีวิตนางเช่นกัน

เขาเจียวอันนี้เป็นสิ่งที่เด็กหนุ่มจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลถึงเพียงนี้จึงจะได้มา ถึงแม้นางหวั่นไหว แต่สุดท้ายก็ไม่มีทางลงมือได้จริงๆ

ขอทานเฒ่าที่อยู่อีกฝั่งตาเป็นประกายเช่นกัน แต่ก็ไม่เคลื่อนไหวอะไร

ต้าหวงกลับคิดจะพุ่งออกไป ทว่าขอทานเฒ่ากลับคว้าหางมันไว้ ถลึงตาพูดขึ้นว่า “เจ้าคิดให้ดีๆ ชิงเขาเจียวนั่นมา เจ้าสู้กับอสุรกายตัวนั้นได้ไหม?”

สุนัขอ้วนสีน้ำตาลนิ่งอึ้ง ในหัวมีภาพพลังและความเร็วของหลี่มู่ซึ่งราวกับสัตว์อสูรผ่านไปมา นึกถึงสภาพเจียวยักษ์ที่ถูกซัดจนน่วม ก็อดสั่นสะท้านขึ้นมาไม่ได้ สุดท้ายจึงยอมแพ้อย่างคับแค้นใจ

มันไม่อยากโดนหลี่มู่จับเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาหรอก

ดูอีกทีไป๋หรูซวงก็หายไปโดยไร้ร่องรอยแล้ว

การสะกดรอยตามไม่ใช่สิ่งที่เขาถนัด เกรงว่าไล่ตามไปก็คงจะไม่เจอตัว

หลี่มู่หมดอารมณ์

‘มารดามันสิ ตูโคตรจะซวยเลยโว้ย’

ตัวล่อนจ้อนต่อสู้อย่างลำบากอยู่ครึ่งวัน คนอื่นกลับฉกไปเสียอย่างนั้น เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แถมเอากระดูกมาแขวนคออีก

นี่มันอัดอั้นจนทำให้คนตายได้ทีเดียว

วันหลังจะต้องจับเจ้าผมขาวนี่ซัดให้มารดามันจำไม่ได้เชียว

หลี่มู่มุ่งมั่นอยู่ในใจ

“ฮ่าๆ สหาย อย่าได้คิดอะไรเลย ใส่เสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ”

ขอทานเฒ่าอดกลั้นไม่หัวเราะเยาะความทุกข์ของคนอื่น ทำท่าทางเห็นอกเห็นใจหลี่มู่ยิ่ง ตบบ่าเปลือยเปล่าของเขา จากนั้นก็ยื่นเสื้อขาดวิ่นยับยู่ยี่เต็มไปด้วยโคลนมาให้

“เจ้าหัวขาวเมื่อครู่มันเป็นใคร?” หลี่มู่โยนเสื้อขาดวิ่นไปอีกด้านหนึ่งอย่างรังเกียจ

‘ข้าโป๊แล้วจะทำไม?’

อารมณ์ของเขาหงุดหงิดมาก

‘หน้าเซียน’ โจวเข่อเอ๋อร์รับคำพูดขึ้นว่า “ผู้สืบทอดสำนักหมาป่าสวรรค์ไป๋หรูซวง”

นางเดินเข้ามา กำไลลายสลักสีขาวสะอาดบนข้อมือสว่างวาบเล็กน้อย ชุดคลุมยาวสีดำปรากฏขึ้นบนฝ่ามืออย่างน่าอัศจรรย์ วัสดุที่ใช้ตัดเย็บและฝีมือประณีตยิ่งนัก แค่มองดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดา นางยื่นมาให้แล้วกล่าวว่า “ขอบคุณคุณชายที่ช่วยชีวิต”

นี่คือเสื้อผ้าที่ปกติแล้วนางเตรียมไว้ให้กับญาติผู้พี่

หลี่มู่กลับตาเป็นประกาย สายตาจับจ้องอยู่ที่กำไลลายสลักสีขาว

“กำไลเก็บของ?”

โลกวิถียุทธ์ดวงนี้มีของวิเศษที่คล้ายกับกำไลเก็บของด้วย?

ก็ใช่แล้ว ในเมื่อมีจอมเวทฝึกฝนพลังเวท เช่นนั้นของวิเศษประเภทมิติเก็บของก็น่าจะมีอยู่จริง

หลี่มู่จิตใจหวั่นไหวในทันที

วันหน้าหากมีโอกาสจะต้องชิง…เอ่อ ไม่ใช่สิ ต้องซื้อของวิเศษพวกมิติเก็บของสักชิ้นแน่นอน

“ขอบคุณมากคนสวย” ก่อนหน้านี้เขาช่วยหลิงลี่เอาไว้ ดังนั้นจึงรับเสื้อผ้ามาได้ตามหลักเหตุผล ก่อนจะคลุมไว้บนร่าง ทั้งยังไม่ลืมที่จะปรายตามองขอทานเฒ่า พูดเสียดสีว่า “ดูคนอื่นซิ วันหลังจะแสดงตัวเป็นคนดีก็คิดเสียก่อนว่าของที่ให้มีค่ารึเปล่า มีความจริงใจหน่อย”

ขอทานเฒ่าโมโหจนควันออกจมูก

หลี่มู่ถลกแขนเสื้อเดินไปยังบึงน้ำตก

“เจ้าจะทำอะไร?” ขอทานเฒ่าถาม

หลี่มู่หันกลับมาใช้สายตาเหมือนมองคนโง่มองขอทานเฒ่า ก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้าโง่รึเปล่า? เข้าใจว่าอะไรคือยืนหยัดจนหยุดสุดท้ายไหม? เขาเจียวที่กว่าจะเอามาได้ถูกแย่งไป แน่นอนว่าต้องไปเอามาอีกท่อนน่ะสิ…อีกทั้งเลือดเจียวที่จะเอามารักษาหมิงเยวี่ยก็ยังไม่ได้มาเลย”

……………………………………………………

[1] พันมีดหมื่นแล่ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ หลิงฉือ (陵迟) คือโทษประหารอย่างหนึ่ง โดยการค่อยๆ แล่เนื้อนักโทษจนกว่าจะขาดใจตาย จำนวนการเถือแล่เนื้อแล้วแต่ราชวงศ์ ว่ากันว่าน้อยสุดคือสี่สิบกว่าครั้ง มากสุดคือสามพันหกร้อยครั้ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา