แต่ในสถานการณ์ที่โดนรุม วิธีการต่อสู้แบบนี้เป็นการรนหาที่ตายชัดๆ
อีกทั้งสำหรับยอดฝีมือชั้นยอดขั้นรวมจิตสูงสุด กลยุทธ์แบบหมัดแลกหมัดก็ยากจะได้ผล ผู้แข็งแกร่งขั้นรวมจิตสูงสุดคนหนึ่ง หากไม่อยากบาดเจ็บก็จะลงมือรุกฆาตคู่ต่อสู้ มิเช่นนั้นโดยพื้นฐานแล้วจะค่อยๆ เสียพลังไป
นี่คือสาเหตุที่เว่ยชงมั่นใจนัก
กลางท้องฟ้า ร่างเงาคนสอดประสาน
ยอดฝีมือชั้นยอดสิบกว่าคนลงมือพร้อมกัน แสงกระบี่วาววับเย็นเยือก ปราณดาบถาโถมทั่ว
หลี่มู่ประสานสายตากับเว่ยชง ก่อนหัวเราะเสียงราบเรียบ
เขากระโดดขึ้นกลางท้องฟ้า ใช้กระบี่แทนดาบฟาดฟันลงมากลางอากาศ
ตัดอสุนี!
สายฟ้าฟาดพาดผ่านผืนฟ้ายามราตรี
ฉึก ฉัวะ!
ได้ยินเสียงคมดาบแหวกกายเนื้อ
เลือดสดๆ สาดกระเซ็นราวดอกไม้บาน
กระดูกแหลกสลายราวเศษหิน
ความตายปรากฏขึ้นท่ามกลางแสงจากการสอดประสานของคมดาบและโลหิต
ความสิ้นหวังเกิดขึ้นท่ามกลางการผสมผสานของความเย็นเยือกและความมืด
ท่ามกลางเงาร่างที่ตัดสลับกัน ร่างกายขาดวิ่นไร้ลมหายใจทั้งหลายร่วงจากท้องฟ้ามาพร้อมกับเลือดสดๆ และความตาย ก่อนกระแทกสู่พื้นดินกลายเป็นเนื้อเละๆ
เงาร่างสอดประสาน
หลี่มู่ร่อนลงบนหัวเจียวอีกครั้ง
ร่างของเขามีรอยดาบรอยกระบี่เพิ่มขึ้นอีกหลายแผล เลือดไหลริน หน้าขาซ้ายมีดาบโค้งหักคาอยู่ ด้ามดาบโผล่อยู่นอกกาย บาดแผลหนักสาหัส สภาพยันเยินประหนึ่งรับทัณฑ์พันมีดหมื่นแล่ ทำให้แค่มองก็ขนลุกทั่วร่าง
ใช้หมัดแลกหมัดอีกแล้ว!
หากเป็นผู้แข็งแกร่งทั่วไป ต่อให้เป็นยอดฝีมือชั้นยอด ถ้าได้รับบาดแผลที่สาหัสเช่นนี้เกรงว่าคงยืนไม่ขึ้นไปนานแล้ว
แต่หลี่มู่กลับมีทีท่าไม่แยแส ยืนได้อย่างมั่นคงยิ่ง
เขาคลำหน้าของตัวเอง และถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก “ยังดีที่ไม่ได้ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเรามีแผล…”
และสิ่งที่แตกต่างกับเขาโดยสิ้นเชิงคือ ผู้แข็งแกร่งสำนักดับนิวรณ์ที่ลงมือก่อนหน้านี้ ในสิบสองคนมีอีกสองคนตัวขาดครึ่งท่อน กลายเป็นศพตัวเย็นชืด
อีกสิบคนที่เหลือมีสีหน้าตื่นตกใจ ร่อนลงบนหินที่ยื่นออกมาจากหุบผาตามตำแหน่งต่างๆ
ประมือครั้งหนึ่ง เพลงดาบหนึ่งชุด ตายไปอีกสองคน
หากนับสามคนที่ก่อนหน้านี้โดนสังหารไป นี่ก็แค่ช่วงเวลาไม่ถึงยี่สิบอึดใจเท่านั้น ยอดฝีมือชั้นยอดขั้นรวมจิตสูงสุดห้าคนที่มีชีวิตกลายเป็นเนื้อเละและศพสิบท่อนที่เย็นชืด
ยอดฝีมือชั้นยอดขั้นรวมจิต
นี่ไม่ใช่แมวหมาที่ไหน
ต่อให้ยอดฝีมือในสำนักดับนิวรณ์มีมากมาย แต่มาตายในรูปแบบนี้ก็ค่อนข้างจะรับไม่ได้เหมือนกัน
ใบหน้าของเว่ยชงแสบร้อนราวโดนคนตบเข้าฉาดหนึ่ง
เวลานี้ หากเขายังไม่รู้ว่าตัวเองประเมินพลังของขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ต่ำไป เช่นนั้นเขาก็เป็นคนโง่แล้วจริงๆ
ครั้งนี้เขาเห็นขั้นตอนทั้งหมดอย่างชัดเจน
เพียงแต่เขายังคงไม่อาจเข้าใจได้ว่าหลี่มู่ทำทุกอย่างนี้ได้อย่างไร
เพราะเห็นอยู่ชัดๆ ว่าดาบและกระบี่ของยอดฝีมือใต้บังคับบัญชาทั้งหลายฟันไปบนร่างของหลี่มู่ แต่ประกายคมกริบกลับไม่เหมือนฟันไปบนกายเนื้อของมนุษย์ กลับเหมือนฟันลงไปบนไม้ผุๆ หรือหนังสัตว์ที่ไร้สภาพ ทิ้งเอาไว้แค่รอยบางๆ เท่านั้น
ปราณดาบปราณกระบี่ที่มากพอจะผ่าหินผานั่น อย่างมากก็แค่ทำร้ายร่างกายของเด็กหนุ่มเท่านั้น แต่เอาชีวิตเขาไม่ได้
และสิ่งที่ตรงข้ามกันก็คือ กระบี่หินในมือของหลี่มู่เล่มนั้นคมอย่างยิ่งยวด กระบี่หนึ่งฟันมาแข็งแกร่งทนทาน สิ่งใดก็ตามที่ขวางอยู่ข้างหน้าล้วนขาดเป็นสองท่อน
“เจ้าสวะ เจ้าเป็นสายฝึกร่างกายงั้นรึ?”
เว่ยชงคล้ายครุ่นคิดบางอย่าง
“ไม่ใช่เรื่องอะไรของเจ้า” หลี่มู่หายใจหอบเฮือกใหญ่
บาดแผลบนร่างกายเหมือนทาไว้ด้วยพริก ปวดแสบปวดร้อนไปหมด
ต่อให้พลังฟื้นตัวของร่างกายน่าตกใจ แต่ได้รับบาดเจ็บติดกันก็เกี่ยวพันไปถึงสติสัมปชัญญะ ซ้ำยังเสียเลือดมากอีก ทำให้สีหน้าของเขาขาวซีด รู้สึกอ่อนเพลียเป็นระยะๆ และหน้ามืดตาลายอยู่บ้าง
แต่ว่าในใจของเขา ฆ่าได้สะใจนัก
หลังหายใจสามสี่ที รู้สึกพลังกายฟื้นขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว หลี่มู่ก็ก้มลงมองไป๋หรูซวงที่ทำสีหน้าตกใจสงสัยอยู่ไกลออกไป ยิ้มน้อยๆ พลางโบกกระบี่หินในมือไปมาอย่างได้ใจ
“ฮ่าๆ เจ้าหงอก ขอบใจเจ้ามากนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ามอบกระบี่เล่มนี้ให้ข้า ข้าก็ไม่มีทางฟันพวกแมลงสำนักดับนิวรณ์มากมายได้อย่างราบรื่นเช่นนี้หรอก ฮ่าๆๆ คมดีจริงๆ ฟันหนึ่งกระบี่ตายหนึ่งคน สุดยอด!”
ไป๋หรูซวงหน้าดำคล้ำ
กระบี่เล่มนั้นเป็นหนึ่งในกระบี่มีชื่อของสำนักหมาป่าสวรรค์ หลายปีที่ผ่านมานี้ยิ่งเป็นสัญลักษณ์ของฐานะเขา อีกทั้งมีตำแหน่งที่สำคัญในสำนัก เขาเองก็จ่ายค่าตอบแทนไปไม่น้อยถึงจะได้มา ตอนนี้กลับไปอยู่ในมือของหลี่มู่แล้ว นี่คือความอัปยศชัดๆ
ที่ยิ่งน่าปวดหัวก็คือ หากทำกระบี่หายก็ไม่อาจตอบคำถามสำนักหมาป่าสวรรค์ได้
แน่นอนว่าหลี่มู่ไม่มีทางสนใจเรื่องพวกนี้
เขาพูดเช่นนี้ก็เพื่อยั่วยุเจ้าหงอกนั่นสักหน่อย
“นี่คือยอดฝีมือของสำนักดับนิวรณ์แล้วหรือ? ฮ่าๆ อ่อนด้อยสิ้นดี!”
หลี่มู่มองไปยังพวกเว่ยชง เอ่ยด้วยน้ำเสียงดูถูก
เว่ยชงโมโหจนกัดฟันกรอก คิ้วเลิกขึ้น ยากจะควบคุมอารมณ์โกรธเอาไว้
หลี่มู่ไม่รอให้เขาได้พูด เริ่มเหน็บแนมขึ้นอีกว่า “พูดจริงๆ นะเจ้าหน้าบาก เจ้าหน้าตาอัปลักษณ์เช่นนี้ แถมยังแก่หง่อมอีก เอาความมั่นใจจากไหนมาวางท่าต่อหน้าตัวข้า?”
เว่ยชงราวกับโดนสายฟ้าฟาด เลือดแล่นขึ้นสมอง โมโหใกล้ระเบิดแล้วเต็มที
เขาเคยโดนคนด่าแบบนี้เสียที่ไหน?
เขากัดฟันกรอด พลิกมือปลดค้อนยักษ์ที่แบกอยู่ออกมา
นี่คืออาวุธที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขา ค้อนยักษ์ที่ใช้เหล็กกล้าเหมันต์จากนอกโลกเป็นแกนกลาง หนักถึงห้าหมื่นจิน เป็นอาวุธลับในบรรดาอาวุธลับ ยามตวัดกวัดแกว่งไปราวกับอุกาบาตถล่ม ไม่รู้ว่าทุบร่างของจอมยุทธ์ยอดฝีมือจนแหลกละเอียดไปเท่าไหร่
เขาจะต้องลงมือเองแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา