หลี่มู่พยายามลืมตา สติค่อยๆ ชัดเจนขึ้น เขานึกสงสัยเล็กน้อย
เขาพอจะเดาได้ว่าชายหน้าเหลี่ยมหนวดเคราครึ้มผู้นี้ รวมถึงภรรยาผู้งดงามชวนตกตะลึง เกรงว่าจะไม่ใช่คนธรรมดา
“เพียงแค่พาเจ้ามาที่นี่ก่อนที่มันจะหาเจ้าเจอเท่านั้น”
ชายคนนั้นพูดอมยิ้มรอยยิ้มของเขาให้ความรู้สึกเปิดเผยไว้ใจได้ ชวนให้คนเชื่อทุกอย่างที่เขาพูดในทันที
“ที่นี่คือที่ไหน?”
หลี่มู่เวียนหัวเล็กน้อย สภาพร่างกายทำให้เขาค่อนข้างกังวล
“ถ้ำทางน้ำหลังน้ำตกเก้ามังกร” ชายคนนั้นยิ้มแล้วยกฝ่ามือขึ้น ซัดไปบนร่างของหลี่มู่เบาๆ อย่างมีสัมผัสและจังหวะ “เจ้าเรียกข้าว่ากัวอวี่ชิงก็ได้” ทุกครั้งที่ฝ่ามือตบลงไปจะมีกระแสอบอุ่นไหลเข้าไปในร่างที่ไร้ความรู้สึกของหลี่มู่ และนำความรู้สึกโล่งสบายมาให้
ในถ้ำม่านน้ำหลังน้ำตกเก้ามังกร?
ที่แท้มีที่แบบนี้อยู่ด้วยหรือ
มิน่าเล่าถึงได้ยินเสียงน้ำตกครืนคราน
“ขอบคุณมาก”
หลี่มู่เอ่ยขอบคุณ
กัวอวี่ชิง?
ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
“อาการบาดเจ็บของเจ้าสาหัสมาก กระดูกสันหลังและกระดูกตั้งแต่ท่อนล่างลงไปแทบจะหักหมด ต้องพักฟื้นหลายเดือนถึงจะหายดี” กัวอวี่ชิงถอนหายใจยาว “ข้าใช้กำลังภายในช่วยเจ้าต่อแขนขาที่หักแล้ว”
หลี่มู่พยักหน้า เขาเข้าใจดี
อันที่จริง ผลลัพธ์เช่นนี้กระทั่งว่าดีกว่าที่เขาคิดเอาไว้ ก่อนนี้เขาคิดว่าตัวเองอาจจะต้องประสบเคราะห์ถึงฆาตจริงๆ แล้ว ร่างกายคงโดนทุบกลายเป็นเนื้อเละๆ หรือไม่เลือดเจียวคงจะเผาเขากลายเป็นเถ้าธุลี
การออกฤทธิ์ของพิษเลือดเจียวอยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของเขา ทำให้แผนทุกอย่างของเขาเสียหมด
“เลือดเจียวผสานอยู่ในกายของเจ้า…เจ้าก็ช่างกล้าเสียจริง เจียวตัวนั้นบำเพ็ญตบะอยู่ที่นี่มาพันปี ดูดซับแก่นบริสุทธิ์จากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ กลืนกินพลังวิญญาณจากฟ้าดิน อีกทั้งใกล้จะกลายเป็นมังกรเต็มที ในเลือดของมันมีพลังมหาศาล หากคนทั่วไปอาบเลือดเจียวและยังพลั้งเผลอกินเข้าไป เกรงว่าคงจะท้องแตกไปนานแล้ว แต่ร่างกายของเจ้าพิเศษนักจึงยืนหยัดมาได้”
กัวอวี่ชิงพูด
หลี่มู่ยังหวาดหวั่นอยู่เช่นกัน
ความน่ากลัวของเลือดเจียวเกินกว่าจินตนาการของเขาไปไกล
เมื่อนึกย้อนการกระทำก่อนหน้านี้ที่ใช้กระบี่ฟันหัวเจียว เขาก็ช่างบุ่มบ่ามจริงๆ
“เว่ยชงแห่งสำนักดับนิวรณ์กำลังไล่ล่าเจ้า ไป๋หรูซวงแห่งสำนักหม่าป่าสวรรค์เกรงว่าคงจะไม่ปล่อยเจ้าไปเช่นกัน ทั้งยังมีเสือสิงห์กระทิงแรดบางพวกอีก…สภาพของเจ้าเช่นนี้ไม่มีทางกลับที่ว่าอำเภอได้ เช่นนั้นก็ค่อยๆ พักฟื้นในถ้ำแห่งนี้ รออีกสักสองสามเดือนหลังจากอาการบาดเจ็บฟื้นตัวดีแล้วค่อยว่ากัน” กัวอวี่ชิงเอ่ยปากเสนอ
สองสามเดือน?
หลี่มู่ขมวดคิ้ว
ตัวเขานั้นรอได้ แต่เกรงว่าชิงเฟิงและหมิงเยวี่ยจะมีอันตราย
คนในยุทธจักรที่ว่าพวกนั้นสันดานเป็นอย่างไร เขารู้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเว่ยชงเจ้าแก่นั่น หากหาตนไม่เจอจะต้องพานไปยังคนอื่นอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นชิงเฟิงและหมิงเยวี่ยต้องโดนก่อนเป็นแน่ หม่าจวินอู่และพวกเฝิงหยวนซิงก็เกรงว่าจะถูกลากเข้ามาด้วย
อีกทั้งในคุกที่ว่าการยังมีคนในยุทธจักรอีกโขยงหนึ่ง ล้วนเป็นระเบิดเวลากันทั้งนั้น หากเขาหายไปนานไม่กลับไป เกรงว่าจะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้น
“เรื่องอื่นเจ้าอย่าได้คิดให้มาก ข้าจะช่วยเจ้าจัดการเอง” กัวอวี่ชิงเหมือนอ่านความคิดในใจของเขาออก
“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสเป็น…” หลี่มู่ถามขึ้น
กัวอวี่ชิงเอ่ยขัด “เป็นแค่ผู้หลบหนีที่พเนจรไปไกลสุดขอบฟ้าเท่านั้น”
เป็นประโยคที่วางท่าได้อีก
คำพูดแบบนี้ หากอยู่บนโลกก็มีแต่พวกฮิปสเตอร์ที่เที่ยวรำพึงไปเรื่อยเปื่อยพูดออกมาเบาๆ ตอนเงยหน้าสี่สิบห้าองศา มุมปากยกยิ้มน้อยๆ
แต่หลี่มู่รู้สึกได้ ชายคนนี้ไม่ได้วางมาด แต่ทอดถอนใจออกมาเช่นนั้นอย่างไร้สิ้นหนทางจริงๆ
เบื้องหลังเกรงว่าจะมีเรื่องในยุทธจักรที่มีฝุ่นเกาะหนาอีกกระมัง
ลำพังแค่เขาสามารถเข้าออกถ้ำหินหลังน้ำตกเก้ามังกร ก็อนุมานได้ว่าพลังฝึกวิถียุทธ์ของเขาสูงมาก ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
แต่ว่าในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยินดีจะพูด เช่นนั้นเขาก็ไม่เซ้าซี้ถาม
“สถานการณ์ของเจ้าตอนนี้ไม่เหมาะที่จะกินอาหาร พักผ่อนอยู่ที่นี่ดีๆ เถอะ ข้าจะไปหายารักษาบางอย่าง พรุ่งนี้เช้าจะกลับมา” กัวอวี่ชิงยืนขึ้น แล้วเติมฟืนลงไปในกองไฟอีกเพื่อเป็นการรับประกันว่ากองไฟจะติดไปได้อีกนาน “ที่นี่ปลอดภัยนัก เจ้าไม่ต้องกังวล คนของสำนักดับนิวรณ์หาที่นี่ไม่เจอหรอก”
พูดจบก็กำชับอีกสองสามประโยคแล้วจากไปทันที
หลี่มู่นอนนิ่งอยู่บนพื้นที่ปูหญ้าแห้ง
กระแสความร้อนที่กัวอวี่ชิงถ่ายทอดเข้ามาในร่างกายของเขาเมื่อครู่ราวกับกระแสไฟแล่นไปทั่วร่าง
นี่เป็นความรู้สึกเพียงอย่างเดียวที่หลี่มู่สัมผัสได้
“ไม่ได้ จะต้องรีบหาวิธีฟื้นฟู จะเสียเวลามากเกินไปไม่ได้”
ถึงแม้กัวอวี่ชิงจะให้ความรู้สึกไว้ใจและพึ่งพาได้ แต่หลี่มู่ก็ยังหวังว่าจะจัดการปัญหาทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง ฝากชะตาชีวิตของตัวเองไว้กับคนอื่น ความรู้สึกแบบนี้ช่างย่ำแย่นัก
ให้ขอร้องคนอื่นมิสู้พึ่งตนเอง
เขาลองขยับแขนขา แต่กลับไม่รู้สึกถึงการตอบสนองใดๆ
“ทำได้แค่พึ่ง ‘วิชาก่อนกำเนิด’ แล้ว”
หลี่มู่นอนนิ่งๆ บนพื้น จังหวะหายใจเริ่มเนิบช้าและยาวนาน เขาขจัดความฟุ้งซ่านในหัว จิตใจรวมเป็นหนึ่ง แล้วโคจร ‘วิชาก่อนกำเนิด’
ระหว่างหายใจ กระแสอากาศในถ้ำเริ่มหมุนวนอย่างไร้สุ้มเสียง
ในถ้ำหลังม่านน้ำตกมีพลังวิญญาณเข้มข้นกว่าโลกภายนอกมาก จากที่หลี่มู่โคจร ‘วิชาก่อนกำเนิด’ ได้คล่องขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกได้ว่าเมื่ออ้าปากหายใจ ก็เหมือนกับดื่มสุรารสเลิศอย่างไรอย่างนั้น
การหายใจของหลี่มู่ค่อยๆ หนักแน่นและยาวนานขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดเขาก็รู้สึกถึงการกระเพื่อมขึ้นลงของหน้าอกตน
สัมผัสรับรู้ของร่างกายเหมือนกำลังฟื้นฟูขึ้นมาทีละนิดๆ
กระแสความร้อนที่ก่อนหน้านี้กัวอวี่ชิงถ่ายทอดเข้ามาในร่างกายหายไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา