สรุปเนื้อหา บทที่ 95 กลับที่ว่าการ – จอมศาสตราพลิกดารา โดย Internet
บท บทที่ 95 กลับที่ว่าการ ของ จอมศาสตราพลิกดารา ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
“ยังไม่มีร่องรอยของหลี่มู่อีกรึ?”
เจิ้งฉุนเจี้ยนมาถึงยังห้องที่ปกติหลี่มู่พักอาศัย ภายใต้การปรนนิบัติจากหญิงรับใช้หน้าตางดงามสองคน
ก่อนหน้านี้ ผู้ช่วยขุนนางเมืองคนใหม่ฉู่ซูเฟิงสั่งให้คนทำความสะอาดเก็บกวาดทั่วทั้งเรือนด้านหลังแล้ว
ห้องพักของหลี่มู่เป็นห้องที่กว้างที่สุดและสบายที่สุดของเรือนด้านหลัง ดังนั้นจึงกลายเป็นห้องพักชั่วคราวของเจิ้งฉุนเจี้ยนอย่างไม่ต้องสงสัย ของใช้ส่วนตัวของหลี่มู่ต่างถูกเก็บออกมาข้างนอก
“นี่คืออะไร?”
เจิ้งฉุนเจี้ยนปราดตามองของต่างๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ และพลันจ้องไปยังหีบไม้ใบหนึ่งที่อยู่ในบรรดาข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของหลี่มู่ เมื่อเปิดออกมาดูกลับเป็นของที่คล้ายรองเท้าหุ้มข้อสูงคู่หนึ่ง
“เหมือนรองเท้า แต่วิธีการทำแปลกพิลึก ไม่รู้ว่าตัดเย็บออกมาอย่างไร” ก่อนหน้านี้ฉู่ซูเฟิงก็ได้เห็นแล้ว แต่แค่รู้สึกว่าค่อนข้างประหลาด ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
รองเท้าคู่นี้ที่จริงเป็นรองเท้าบาสเก็ตบอลยี่ห้อหลี่หนิงที่หลี่มู่ใส่ตอนถูกส่งมาจากโลก
รองเท้าบาสเกตบอลชั้นเยี่ยมที่ทำออกมาด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่ของโลก การตัดเย็บย่อมไม่ใช่สิ่งที่คนบนโลกนี้จะเข้าใจได้ แม้แต่วัสดุ การตัดเย็บ อีกทั้งการออกแบบ สำหรับคนบนโลกนี้ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
เจิ้งฉุนเจี้ยนไม่พูดอะไรสักคำ
เขาหยิบรองเท้าในมือมาดูอย่างละเอียด มองอย่างจริงจังเป็นพิเศษ กระทั่งเอามาดมกลิ่น
กลิ่นเท้าจางๆ โชยขึ้นมาจนขมคอ
“ยังมีของประหลาดแบบนี้อีกหรือไม่?” เขาถาม
ฉู่ซูเฟิงอึ้งงัน ไม่รู้ว่าทำไมอาจารย์เจิ้งถึงได้สนใจรองเท้าประหลาดคู่นี้นัก แต่เขาก็ยังเอ่ยอย่างนอบน้อม “ยังมีกางเกงขายาวประหลาดอีกตัวหนึ่ง และของที่คล้ายกับตู้โตว[1]ของบุรุษ อาจารย์เจิ้งรอสักครู่”
เขาสั่งให้คนนำกางเกงกีฬาขายาวและเสื้อกล้ามยี่ห้อหลี่หนิงของหลี่มู่มา
ความประหลาดใจฉายขึ้นในดวงตาของเจิ้งฉุนเจี้ยน ก่อนที่เขาจะหยิบมาสำรวจเอง
ฉู่ซูเฟิงเอ่ย “กางเกงขายาวตัวนี้แบบก็ดูปกติ แต่วัสดุประหลาดนัก หายากและประณีตอย่างยิ่ง กระทั่งเทียบได้กับผ้าแพรชั้นเลิศ รวมถึงตู้โตวผู้ชายนั่น แบบทรงดูพิลึก ไม่รู้ว่าทำมาจากอะไร… ”
เจิ้งฉุนเจี้ยนตัดบทเขา “เก็บของสามสิ่งนี้เอาไว้ให้ข้า อีกประเดี๋ยวให้ส่งมาที่ห้องข้าแล้วกัน”
ฉู่ซูเฟิงนิ่งอึ้ง ไม่กล้าพูดอะไรต่อไปอีก “ทราบแล้ว”
เจิ้งฉุนเจี้ยนเดินเข้าไปในห้อง ประเมินไปรอบด้าน มุมปากปรากฏรอยยิ้มเย็นก่อนจะกล่าวว่า “ห้องตบแต่งได้ไม่เลว เสียดายหลี่มู่เป็นพวกบุ่มบ่าม มีดีแต่ชื่อว่าเป็นเหวินจิ้นซื่อที่อายุน้อยที่สุด การตบแต่งที่เป็นรายละเอียดยังขาดอีกเยอะ…ช่างเถอะ เอาห้องชุดนี้แล้วกัน ทนๆ ไปก็พออยู่ได้ช่วงหนึ่ง”
ฉู่ซูเฟิงพูดประจบอยู่ข้างๆ “ใช่แล้ว หลี่มู่มีแต่ชื่อ จะเทียบกับอัจฉริยะไร้ผู้เทียบเทียมเช่นอาจารย์ได้อย่างไร”
“ได้ยินว่าในคุกที่ว่าการขังคนในยุทธจักรทั้งหลายเอาไว้?” เจิ้งฉุนเจี้ยนเดินมายังหน้าต่างห้องหนังสือ มองแมลงปอสีแดงที่บินเรี่ยผิวน้ำผ่านหน้าต่าง พูดอย่างคล้ายครุ่นคิดอะไร
ฉู่ซูเฟิงตอบ “ใช่แล้ว ส่วนมากล้วนเป็นพวกปลายแถวในพายัพยุทธจักร ไม่มีค่าอะไร หลี่มู่ขังพวกมันเอาไว้ขูดรีดเงินทอง ช่างขายหน้าขุนนางของจักรวรรดิเสียจริงๆ ผู้อาวุโสสูงสุดของพรรคมังกรฟ้าและสำนักเขี้ยวพยัคฆ์มาขอร้องข้าน้อย หวังจะพาตัวพวกตงฟางเจี้ยนและเถี่ยเจิ้นตงกลับไป”
เจิ้งฉุนเจี้ยนหัวเราะ กล่าว่า “หลี่มู่คนนี้ช่างประหลาดจริงๆ แต่ว่า คนพวกนี้ยังไม่ต้องปล่อยตัวไป ให้พวกมันมอบเงินค่าไถ่ตามความต้องการของหลี่มู่มา บอกกับพวกข้างนอกว่าหลี่มู่ไม่ยอม ถึงอย่างไรตอนนี้หลี่มู่ก็ยังเป็นขุนนางเมือง ให้มันแบกรับชื่อเสียงฉาวโฉ่แทนพวกเรา ก็นับว่าเป็นการเอาขยะมาใช้ให้เป็นประโยชน์”
“ใต้เท้าหลักแหลมนัก” ฉู่ซูเฟิงพูดประจบอีก
ขณะกำลังพูดอยู่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมา เป็นนายตรวจการคนใหม่หนิงจ้งซานก้าวเดินมาอย่างรวดเร็ว สีหน้าดูกระอักกระอ่วน “อาจารย์เจิ้ง โจวเจิ้นชิวผู้อาวุโสสายนอกของสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์พานักกระบี่หลายสิบคนมาด้านนอกที่ว่าการอำเภอ บอกว่าต้องการพบคนในที่ว่าการที่สามารถตัดสินใจได้”
“สำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์?” เจิ้งฉุนเจี้ยนอึ้งตะลึง “พวกเขามาทำอะไร?”
สำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์อยู่ที่เขาขาวพิสุทธิ์ไกลออกไปพันลี้ นับว่ามีอำนาจปกครองกว้างไกล
นี่ไม่ใช่เพียงแค่เพราะในสำนักมียอดฝีมือมากมาย นอกจาก ‘กระบี่เหมันต์’ จ้าวเสวี่ยที่อยู่ในสิบอันดับแรกของยอดฝีมือในยุทธจักรของจักรวรรดิได้ ช่วงหลายปีมานี้ ลูกศิษย์รุ่นหนุ่มสาวในสำนักก็มีผู้มีความสามารถหน้าใหม่เกิดขึ้นอีกมากมาย และยิ่งเพราะตั้งแต่อดีตมา สำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์หยิ่งทะนง องอาจไม่ธรรมดา เคยมีนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์พันคนเข้าร่วมสงครามบูรพา สร้างคุณูปการให้กับจักรวรรดิฉินตะวันตก จนได้เป็นขุนนางท้องถิ่นหลายคน
ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าคนของสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์มาถึง เจิ้งฉุนเจี้ยนถึงไม่กล้าดูถูก
“ได้ยินว่าศิษย์สำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์สี่คนตายในที่ว่าการ จากนั้นถูกส่งไปยังโกดังเก็บศพ ผู้อาวุโสนอกสำนักคนนั้นต้องการให้อำเภอให้คำอธิบาย” หนิงจ้งซานกล่าว
“อ้อ? มีเรื่องแบบนี้ด้วย?” ใบหน้าของเจิ้งฉุนเจี้ยนปรากฏรอยยิ้ม ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “แม้แต่ลูกศิษย์ของสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์หลี่มู่ก็กล้าสังหาร? ช่างเป็นคนบ้าสมชื่อจริงๆ ซูเฟิง เจ้าไปต้อนรับหน่อย บอกไปว่าพวกเรากำลังไล่จับคนร้ายอยู่ ศัตรูของศัตรูก็คือสหาย เราสามารถร่วมมือกันได้”
“ขอรับ ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”
ฉู่ซูเฟิงรับคำ
“จ้งซานไปด้วยก็แล้วกัน อย่าได้ไปขัดแย้งกับพวกฝึกกระบี่สำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์พวกนี้ล่ะ” เจิ้งฉุนเจี้ยนกำชับอีก
“ขอรับ อาจารย์”
ฉู่ซูเฟิงและพวกหนิงจ้งซานจากไป
ในห้องเหลือเพียงเจิ้งฉุนเจี้ยนคนเดียว
หลังจากนั้นชั่วครู่ รองเท้ากีฬา เสื้อกล้าม และกางเกงกีฬาก็ถูกส่งมาที่ห้อง
เจิ้งฉุนเจี้ยนประเมินของสามชิ้นนี้อย่างละเอียดจนตกอยู่ในภวังค์
สุดท้าย เขาสั่งให้หญิงรับใช้เตรียมกระดาษและหมึก เขียนจดหมายลับ เก็บของส่วนตัวสามชิ้นของหลี่มู่และจดหมายลับลงในกล่องใบหนึ่ง จากนั้นเรียกนายทหารคนสนิทมา หลังจากกำชับดีแล้วก็ส่งกล่องออกไปอย่างรีบร้อน
“เหอะๆ คิดไม่ถึงว่าในอำเภอเล็กๆ กลับซ่อนความลับเช่นนี้เอาไว้ หากเป็นเรื่องจริงแล้วละก็ ข้าจะสร้างคุณูปการได้อีกเรื่องหนึ่ง”
เจิ้งฉุนเจี้ยนมองนายทหารคนสนิทที่จากไป ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายบางๆ
……
หนึ่งราตรีผ่านพ้นไป
อรุณรุ่งมาถึง
หลี่มู่ตื่นขึ้นมาอย่างมึนงง
ร่ำสุราพูดคุยเรื่องวิถียุทธ์สองวันสองคืน เขาที่อยู่ในสภาวะจิตใจเบิกบาน กลางดึกเมื่อวานยังดื่มจนเมามาย…เหล้าร้อนแรงที่กัวอวี่ชิงนำมาเป็นสุราชั้นยอดจริงๆ ฤทธิ์เหล้าแรงเหลือหลาย
“เอ๋ พี่กัวจากไปแล้วหรือ?”
หลี่มู่มองไปรอบๆ พบว่ากัวอวี่ชิงไม่อยู่ในถ้ำแล้ว
อะไรกันเนี่ย?
แม้แต่ข้าก็ไม่รู้จัก?
คงเป็นหน้าใหม่กระมัง
หลี่มู่ไม่โกรธ กลับยิ้มเอ่ยว่า “ข้าอาศัยอยู่ข้างในนี้นั่นแหละ พวกเจ้าสองคนไม่รู้จักข้างั้นหรือ? ฮ่าๆ ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ถอยไปเถอะ” พูดแล้วก็เดินตรงไปข้างใน
“บังอาจ”
“รนหาที่ตาย”
ทหารชุดเกราะทั้งสองไม่โดนหลอก หอกยาวในมือพุ่งมายังหลี่มู่
“เอ๋?” หลี่มู่เปลี่ยนสีหน้า
สองคนนี้ทำไมถึงลงมือเหี้ยมโหดแบบนี้?
หากเปลี่ยนเป็นชาวบ้านธรรมดามาทำธุระหรือร้องทุกข์ในที่ว่าการ แบบนี้ไม่ทำให้บาดเจ็บหรอกรึ? เขากำชับเตือนเฝิงหยวนซิงครั้งแล้วครั้งเล่าไว้นานแล้วว่าจะปกครองแบบเจ้าขุนมูลนายไม่ได้ ต้องเปลี่ยนภาพลักษณ์ ‘เดินเข้ามายาก ดำเนินการยาก หน้าบอกบุญไม่รับ’ ของที่ว่าการที่ชาวบ้านมาในอดีตเสีย ทำไมจนถึงตอนนี้ แค่มือปราบสองคนท่าทางยังเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้อีก?
เจ้าเฝิงหยวนซิงดูแลลูกน้องยังไงกัน?
ในใจของหลี่มู่เดือดดาลขึ้นมาทันที
เขายื่นมือคว้าหอกยาวที่พุ่งมา ออกแรงเล็กน้อย ทหารชุดเกราะสองคนก็กระเด็นลอยออกไป
“ให้เฝิงหยวนซิงกับหม่าจวินอู่มาพบข้า” หลี่มู่เดินเข้าไปในประตูที่ว่าการพลางพูดอย่างโมโห
ครั้งนี้ เสียงฝีเท้าดังมาไม่ขาดสาย
กลับเป็นทหารชุดเกราะสีดำมากมายพุ่งจากในที่ว่าการมาขวางหน้าไว้ ผู้นำเป็นจอมยุทธ์แต่งตัวแบบขุนพลสองคนที่หลี่มู่ไม่เคยพบมาก่อน
“สามหาวบังอาจนัก กล้าบุกที่ว่าการอำเภอ จับตัวไว้” คนที่ท่าทางเหมือนขุนพลตวาดลั่น
ทหารชุดเกราะรอบๆ ขึ้นสายธนู หอกยาวมากมายตั้งท่าพร้อม ดาบกระบี่ถูกชักออกจากฝัก จากนั้นล้อมเข้ามารอบด้าน
หืม?
เกิดอะไรขึ้น?
หลี่มู่ไม่ใช่คนโง่ ตอนนี้รู้แล้วว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล
ทหารเกราะดำมากมายขนาดนี้ อาวุธยุทโธปกรณ์แตกต่างกับมือปราบและองครักษ์ของอำเภอขาวพิสุทธิ์อย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังเป็นคนแปลกหน้าทั้งหมด…คนพวกนี้มาจากที่ไหนกันแน่?
……………………………………………………
[1] ตู้โตว คือเอี๊ยมหรือเสื้อชั้นใน มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือจัตุรัส คล้ายผ้ากันเปื้อน ปิดตั้งแต่ช่วงอกจนถึงท้อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมศาสตราพลิกดารา