บทที่ 2
“ก็หวังว่าเธอจะทำได้อย่างที่ปากพูด ให้สมกับที่คุณดรัณคุณพ่อของน้องเรย์อุตส่าห์ฝากไว้ก็แล้วกัน” อา…! จากน้ำเสียงที่ได้ฟัง ก็ทำให้พอรู้ว่าอีกฝ่ายคงจะมีทัศนคติที่ไม่ค่อยดีกับเธอสักเท่าไร แต่มันก็จริงอย่างที่ฝ่ายนั้นพูดนั่นแหละ ที่เธอได้งานนี้เพราะพี่ชายของเพื่อนเป็นคนฝากฝังให้ และเพราะเหตุนี้เธอถึงต้องยิ่งพยายามให้มากกว่าเดิม เพื่อไม่ให้คนฝากต้องพลอยเสียชื่อไปด้วย อย่างเดียวที่พอจะทำได้ตอนนี้คงมีแค่…ค้อมศีรษะให้อย่างนอบน้อม
“น้อย เดี๋ยวพาคุณครูไปพบคุณหนูจันทร์เจ้าด้วย” พูดจบหญิงสูงวัยก็เดินจากไป ปล่อยให้เธอได้แต่ยืนหันรีหันขวางอยู่ตรงนั้น
“เชิญทางนี้ค่ะคุณครู” สาวใช้คนเดิมผายมือให้เธอเดินไปอีกทาง
“เดี๋ยวค่ะ เอ่อ…ขออนุญาตเรียกพี่ว่าพี่น้อยได้ไหมคะ จะเป็นอะไรไหมถ้าฉันจะขอถามอะไรหน่อย” เธอถือวิสาสะเรียกอีกฝ่ายตามที่ได้ยิน ด้วยคิดว่ามันอาจจะทำให้ได้สนิทกันมากขึ้น อย่างน้อยครั้งหน้าที่มาที่นี่ก็จะได้ไม่อึดอัดจนเกินไป
“ได้สิคะ ถามมาได้เลย ว่าแต่คุณครูอยากรู้อะไรล่ะ ถ้าตอบได้พี่น้อยตอบแน่นอนค่ะ” มีนาถึงกับหันไปลอบยิ้มอีกทาง เมื่อแผนตีสนิทของตัวเองดูท่าจะได้ผล
“เอ่อ…คุณคนเมื่อกี้เขาเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้เหรอคะ” เพราะการวางตัว อีกทั้งการแต่งตัวที่ดูต่างจากสาวใช้ตรงหน้า เธอจึงอดสงสัยไม่ได้
“โอ๊ย! นึกว่าเรื่องอะไร ไม่ใช่หรอกค่ะ นั่นน่ะคุณพริ้มเพรา แกเป็นหัวหน้าแม่บ้านที่นี่ค่ะ เป็นคนเก่าคนแก่ที่ขนาดคุณผู้ชายยังต้องเกรงใจ อืม! ถ้าจะให้เปรียบเทียบ แกก็คือผู้คุมกฎดีๆ นี่แหละค่ะ”
“ผู้คุมกฎ?” มีนาถึงกับครางออกมาเบาๆ ก่อนจะหันมาถามย้ำอีกครั้ง
“น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอคะ” แค่คิดว่าตัวเองต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบนั้นด้วย เธอก็อดหวาดหวั่นไม่ได้
“ไม่ต้องกลัวค่ะ ถ้าไม่ทำผิดกฎ แกก็ทำอะไรคุณไม่ได้แล้ว อีกอย่างถ้าครูมาบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชินเองนั่นแหละค่ะ แต่ตอนนี้พี่ว่าเรารีบไปจากตรงนี้ก่อนที่จะผิดกฎจริงๆ ดีกว่าค่ะ คุณแม่บ้านแกให้ความสำคัญกับเวลามาก ขืนออกมาแล้วเห็นเรายังยืนคุยกันอยู่ตรงนี้ ไม่พี่ก็คุณคงโดนบ่นหูชาแน่ๆ มาทางนี้ดีกว่าค่ะ” ว่าแล้วน้อยก็รีบเดินนำคุณครูคนใหม่ออกมา พร้อมกับสาธยายกฎระเบียบคร่าวๆ ให้เธอได้ฟังระหว่างทาง กระทั่งมาหยุดอยู่ที่สวนหลังบ้าน ซึ่งมีเด็กน้อยกำลังนั่งเล่นอยู่กับเจ้าหมาตัวใหญ่
“คุณหนูจันทร์เจ้าคะ คุณครูมาแล้วค่ะ” เด็กหญิงตัวน้อยหันมาตามเสียง
“Hi! Morning ค่ะสาวน้อย คุณครูชื่อ…” ยังไม่ทันที่เธอจะได้แนะนำตัวจนจบ เด็กน้อยก็หันกลับไปทางเดิม ทำประหนึ่งว่าไม่เห็นหรือได้ยินสิ่งที่เธอพูดด้วยซ้ำ ทำเอาความมั่นใจของคุณครูคนใหม่ยิ่งหดหายลงไปอีก
“คุณหนูแกก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ นิ่งๆ เงียบๆ ไม่ค่อยชอบคุยกับคนแปลกหน้า แต่ไม่ต้องตกใจนะคะ อยู่ๆ กันไปก็ชินเองนั่นแหละค่ะ” มีนาถึงกับหันขวับไปมองคนพูด เพราะไอ้คำว่าชินที่ออกจากปากของอีกฝ่าย ให้ตายสิ! ไม่มีคำไหนที่ดีกว่าคำนี้แล้วใช่ไหมเนี่ย
“งั้นเชิญคุณครูตามสบายนะคะ เดี๋ยวพี่ไปเอาของว่างมาให้ค่ะ” สิ้นเสียงน้อยก็เดินจากไป ทิ้งให้คุณครูคนใหม่ได้แต่ยืนเคว้งอยู่ตรงนั้น กระทั่ง…
“เฮ้ย!” เธอร้องลั่นพร้อมกับซอยเท้าวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เมื่อเจ้าหมาตัวโตที่เคยนั่งอยู่กับเจ้านายของมันจู่ๆ ก็วิ่งตรงมาที่เธอ ทำเอาคนที่ไม่ค่อยถูกโฉลกกับหมาสักเท่าไรถึงกับวิ่งหน้าตั้ง กระทั่งชนเข้ากับกำแพงมนุษย์ เธอไม่รอช้ารีบกระโดดกอดคอแล้วใช้ขาทั้งสองข้างเกี่ยวไว้ที่เอวคนคนนั้น
“ช่วยด้วย ช่วยไล่มันไปที” เธอบอกเสียงอู้อี้ขณะซุกหน้ากับอกของคนคนนั้น
“ลัคกี้ไม่! ลัคกี้นั่งลง” เสียงเจ้าของอกแกร่งที่เธอใช้พักพิงอยู่ตอนนี้ ทำให้เจ้าหมาตัวโตยอมหยุดและทำตามที่เจ้านายสั่งอย่างว่านอนสอนง่าย แน่นอนว่าท่าทางเป็นมิตรของมันดูน่ารักมากกว่าน่ากลัวเป็นไหนๆ แต่เพราะประสบการณ์เกี่ยวกับหมาในวัยเด็กที่ไม่ค่อยดีเท่าไร ทำให้เธอกลัวโดยสัญชาตญาณ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จะอ่อยให้คุณรักหัวปักหัวปำ