บทที่ 83 ประทานนามให้คุณ
เงากรงเล็บนี้ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
แต่เหมือนกับของจริง
ที่ที่กรงเล็บที่ได้ผ่านไปนั้นก็มีพายุผ่านตามไปด้วย
ในตอนนี้เจิ้งหยางโป๋หวาดกลัวจนวิญญาณออกมา แล้วพยายามที่จะวิ่งหนีออกไป
อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำมันก็ไร้ผล
ไม่ว่าเจิ้งหยางโป๋จะหนีไปอย่างไร มันก็ไม่มีประโยชน์
ในที่สุดเจิ้งหยางโป๋ก็ถูกเงากรงเล็บนี้จับคว้ากลางอากาศ
ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์
พวกปรมาจารย์เวินหงอี้เห็นฉากนี้แล้ว ก็รู้สึกเสียวซ่าที่หนังศีรษะ
ต่างก็พากันหยุดหายใจ !
เจิ้งหยางโป๋ผู้เป็นชั้นสุดปรมาจารย์ก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สมบูรณ์ของเฉินจิ้น
เฉินจิ้นอายุเท่าไหร่เอง ?
ก็แค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น แต่ยังน่าหวาดกลัวขนาดนี้
ความแข็งแกร่งอย่างน้อยก็อยู่ชั้นสูงสุดปรมาจารย์แล้ว !
ในใจของพวกเวินหงอี้คิดเรื่องพวกนี้ออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“คุณคิดว่าแบบนี้จะสามารถดักฉันไว้ได้อย่างนั้นเหรอ ถ้าเช่นนั้นคุณดูถูกตระกูลเจิ้งในเมืองหลวงเกินไปเสียแล้ว ฉันจะบอกคุณไว้นะว่า หลังจากวันนี้ตระกูลเจิ้งของฉันจะให้คุณชดใช้ด้วยเลือดอย่างแน่นอน !”
เจิ้งหยางโป๋ถูกกรงเล็บมังกรจับไว้กลางอากาศจนเลือดออกทางทวารทั้งเจ็ด พร้อมกับทำหน้าเจ็บปวด !
ทันใดนั้นเขาก็ส่งเสียงดังคำรามออกมากะทันหัน
จากนั้นทั้งร่างก็เปล่งแสงสว่าง แล้วร่างกายของเขาก็เริ่มจางลงทีละนิดๆ ราวกับว่าจะกลายเป็นเงา
สถานการณ์นี้มันเกินความคาดหมายของเฉินจิ้นเล็กน้อย
คิ้วของเฉินจิ้นอดไม่ได้ที่จะขมวดขึ้น นี่ไม่ใช่พลังบูโด !
ถ้าหากเขาพิจารณาไม่ผิด นี่มันคือยันต์เสินสิงของแดนฝึกฝน !
ที่สามารถทำให้คนหายตัวไปไกลได้ทันที !
แต่ไม่รู้เลยว่ายันต์เสินสิงนี้จะสามารถทำให้ไปไกลได้มากเพียงได้
ในมือของเจิ้งหยางโป๋มียันต์เสินสิง นั่นหมายความว่านอกจากบูโดแล้ว บนโลกนี้ยังมีนักบำเพ็ญตบะอยู่ ?
มุมปากของเฉินจิ้นเผยรอยยิ้ม ช่างน่าสนใจเสียจริง
หากบนโลกนี้มีนักบำเพ็ญตบะอยู่ แสดงว่าสิ่งที่เขาตามหามากมายจะสามารถค้นพบได้ !
เฉินจิ้นไม่ได้หยุดการหลบหนีของเจิ้งหยางโป๋ แต่ก่อนที่เขาจะสลายหายไปก็ได้ดีดนิ้วแล้วปล่อยกลิ่นไว้บนตัวของเขา
ไม่ว่าเขาจะหนีไปแห่งหนใด เฉินจิ้นก็สามารถตามหาเขาได้
......
......
เจิ้งหยางโป๋ได้หายตัวไปในอากาศเช่นนี้
ทำเอาทุกคนต่างก็ตกตะลึง
แม้แต่ผู้ที่มีความแข็งแกร่งที่สุดและยังอยู่ในชั้นสูงสุด เวินหงอี้ ก็คิดไม่ถึงและไม่เฉันใจแม้แต่น้อย !
แต่อย่างไรก็ตาม เจิ้งหยางโป๋ก็ได้หนีไปแล้ว !
เมื่อมาถึงตอนนี้สีหน้าของพวกเวินหงอี้ก็ขมขื่น
ก่อนหน้านี้พวกเขาพากันออกมาคารวะเจิ้งหยางโป๋ แล้วทิ้งเฉินจิ้นอยู่ฉันงๆ
ทว่าตอนนี้เจิ้งหยางโป๋กลับพ่ายแพ้แล้วหนีไป
ส่วนความแข็งแกร่งของเฉินจิ้นนั้นก็แข็งแกร่งเหนือจินตนาการ
ทันใดนั้นพวกเวินหงอี้ ซาโป๋หยินก็ได้ปรากฏตัวอีกครั้ง แล้วโน้มตัวไปยังฝั่งเฉินจิ้นจากนั้นก็จับกำปั้น
แล้วทำท่าคารวะให้
“เวินหงอี้แห่งเจียงหนาน ขอคารวะคุณเฉิน !”
“ซาโป๋หยินแห่งเมืองเย็น ขอคารวะคุณเฉิน !”
......
ในเส้นทางบูโด ไม่ได้แบ่งแยกอายุ คนเก่งมาก่อน
พวกปรมาจารย์ก็ไม่ได้รู้สึกว่าการทำความเคารพชายหนุ่มอายุยี่สิบปีมันไม่เหมาะสมตรงไหน !
พวกเขารู้เพียงแค่ว่าตั้งแต่วันนี้เฉินจิ้นจะมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งหวาเสี้ย
ส่วนสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต้องขึ้นอยู่กับว่าเฉินจิ้นจะต้านทานการแก้แค้นของตระกูลเจิ้งในเมืองหลวงได้หรือไม่
ตระกูลเจิ้งในเมืองหลวงไม่ได้มีปรมาจารย์ชั้นสุดปรมาจารย์แค่เจิ้งหยางโป๋เพียงคนเดียว
ก่อนหน้าก็รู้อยู่แล้วว่ามีปรมาจารย์ตั้งสองท่าน รวมกับเจิ้งตงหยางที่เพิ่งมาใหม่นี้ก็จะเป็นสามท่าน แต่สามท่านนี้ยังไม่รวมเจิ้งหยางโป๋
ท้ายที่สุดตระกูลเจิ้งในเมืองหลวงจะมีปรมาจารย์กี่ท่านก็ไม่มีใครอาจรู้ได้ !
แต่เจิ้งหยางโป๋ไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดอย่างแน่นอน !
เวินหงอี้รู้ดีว่าหัวหน้าครอบครัวท่านที่แล้วของตระกูลเจิ้งในเมืองหลวง เจิ้งเฟยฉือ เมื่อยี่สิบปีที่แล้วเป็นชั้นสุดปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งชั้นยอด แต่ไม่ปรากฏตัวมายี่สิบปีแล้ว ตอนนี้อย่างน้อยก็คงเป็นชั้นสูงสุดปรมาจารย์ไปแล้ว !
ในเมืองหลวงมีสุดยอดตระกูลใหญ่หลายตระกูลที่มีประวัติมายาวนาน ตระกูลธรรมดาๆ แบบพวกเขาเทียบไม่ได้เลย
บางคนยังสงสัยว่าในหมู่พวกเขาอาจมีตำนานว่าเป็นแดนเสินระดับแข็งแกร่งที่สามารถบินอยู่บนท้องฟ้าและดำใต้ดินได้ !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิมารหวนคืน