บทที่ 88 เฉันเมืองหลวง – ตอนที่ต้องอ่านของ จักรพรรดิมารหวนคืน
ตอนนี้ของ จักรพรรดิมารหวนคืน โดย หว่อปู้ซื่อZ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 88 เฉันเมืองหลวง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 88 เฉันเมืองหลวง
เจิ้งเจี้ยนหัวกับเจิ้งหยางโป๋มองไปตามเสียง !
“ตงหยาง !”
ทั้งสองคนก็พูดออกมาอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็ตกตะลึงในทันที
โม้หลัวเดินไปฉันงหน้า จากนั้นก็โยนศีรษะนั้นทิ้งไปที่ตัวของเจิ้งเจี้ยนหัว แล้วพูดกับเฉินจิ้นอย่างเคารพ “นายท่านครับ ภารกิจสำเร็จแล้ว”
เฉินจิ้นพยักหน้า จากนั้นโม้หลัวก็เดินไปด้านหลังเขาแล้วโค้งคำนับ !
ไม่มีปฏิกิริยาต่อเจิ้งเจี้ยนหัวและเจิ้งหยางโป๋แม้แต่น้อย
เมื่อเจิ้งเจี้ยนหัวเห็นฉากนี้แล้วก็ไม่อยากจะเชื่อ !
“คุณคิดว่าฉันไม่ได้เตรียมการอะไรไว้เลยเหรอ กล้าลงมือกับคนของฉัน ต้องตายสถานเดียว !”
เมื่อเฉินจิ้นพูดจบก็ใช้ฝ่ามือตบไปอีกครั้ง
เจิ้งเจี้ยนหัวจึงรีบตะโกนออกมาทันที “อย่าสังหารฉันเลย ตระกูลเจิ้งของฉันนับถือคุณเป็นนายท่านก็ได้ !”
ยิ่งแก่ยิ่งกลัวตาย ยิ่งมีพลังยิ่งไม่อยากตาย !
หากเพียงแค่เขามีโอกาสมีชีวิตอยู่ แล้วเขาได้เฉันสู่แดนเสินก็จะสามารถล้างความอัปยศทั้งหมดออกไปได้ !
“สายไปแล้ว !”
เฉินจิ้นไม่ได้ลังเลใดๆ ฝ่ามือนั้นก็ตบไปที่ด้านบนศีรษะของเจิ้งเจี้ยนหัวโดยตรง
ทันใดนั้นดวงตาของเจิ้งเจี้ยนหัวก็ไร้สีสัน
ลมหายใจหมดไป !
ร่างในตำนานที่ได้เป็นชั้นสูงสุดปรมาจารย์และได้แตะถึงขอบแดนเสินก็ได้ตายลงเสียแล้ว !
เมื่อเจิ้งหยางโป๋ที่อยู่ด้านฉันงได้เห็นฉากนี้แล้วก็ตกตะลึงไปทั้งตัว
แม้แต่ท่านพ่อของเขาก็ถูกเฉินจิ้นตบตายด้วยฝ่ามือเดียวได้ง่ายๆ
เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าตนเองจะมีวิธีรอดชีวิตออกมาได้อย่างไร
เจิ้งตงหยางยังสามารถนับเฉินจิ้นเป็นนายท่านได้ แต่ท่านพ่อของเขาถึงแม้จะนับถือเป็นนายท่านในฐานะทาสก็ยังไม่ได้
เจิ้งหยางโป๋หวาดกลัว
สิ้นหวัง !
“คุณอยากมีชีวิตอยู่หรือไม่ ?”
ในขณะที่เจิ้งหยางโป๋กำลังสิ้นหวัง จู่ๆ ในหูของเขาก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
สองสามคำนี้ราวกับดนตรีที่ไพเราะเพราะพริ้ง
ความปรารถนาที่จะอยู่รอดของเจิ้งหยางโป๋กระตุ้นขึ้นมาทันที
“ฉันอยาก ไม่ว่าจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ !”
ไม่มีใครไม่กลัวความตาย หรือถ้าหากคนที่ไม่กลัวความตายมีอยู่จริง แต่มันไม่รวมเขาอย่างแน่นอน
เจิ้งหยางโป๋จึงรีบคุกเข่าให้กับเฉินจิ้น ไม่ได้มีบุคลิกลักษณะที่เป็นปรมาจารย์แม้แต่น้อย !
“ดี ต่อจากนี้ไปคุณจะเป็นผู้รับใช้ปีศาจชั้นสูงของฉัน โม้ซื่อ !”
เฉินจิ้นมองไปที่เขา มีแสงสว่างวาบขึ้นในดวงตา !
เจิ้งเจี้ยนหัวเป็นชั้นสูงสุดปรมาจารย์ และได้แตะไปถึงธรณีประตูแดนเสินแล้ว ส่วนเฉินจิ้นก็เพิ่งก้าวไปถึงแดนเสินทง เมื่อต้องควบคุมเช่นนี้เฉินจิ้นต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมากและต้องสูญเสีย จิตเสินของเขามากขึ้นไปอีก เจิ้งเจี้ยนหัวมีความมักใหญ่ใฝ่สูงมาก ในอนาคตเมื่อเขารู้สึกว่าตัวเองมีความแข็งแกร่งแล้ว มันหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่เขาจะมีความอื่น เฉินจิ้นจึงได้สังหารให้มันจบ !
“โม้ซื่อ ขอคารวะนายท่าน !”
เจิ้งหยางโป๋รีบโค้งคำนับคารวะต่อเฉินจิ้น และพูดเสียงดังเพื่อแสดงความจงรักภักดี !
“ในตอนนี้ฉันจะปลูกเมล็ดพลังปีศาจให้กับคุณ !”
เฉินจิ้นยื่นมือออกไปแล้วดีด ทันใดนั้นเจิ้งหยางโป๋ก็รู้สึกราวกับว่าในร่างกายมีอะไรบางอย่างเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้รู้สึกมีอะไรผิดปกติ
แต่วินาทีต่อมาเจิ้งหยางโป๋ก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายและวิญญาณของตัวเองถูกแล่เนื้อถือหนัง และได้รับความเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนขึ้นมาในทันที !
ดำเนินไปสิบวินาที !
เพียงแค่สิบวินาที เจิ้งหยางโป๋ก็รู้ว่ามันยาวนานราวกับว่าหนึ่งศตวรรษ แต่ละวินาทีทำให้เขาหวังอยากจะตายไปทันที
เป็นครั้งแรกที่เขาคิดว่าความตายคือความสุข
สิบวินาทีต่อมาทั้งตัวของเจิ้งหยางโป๋ก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เส้นเลือดของเขาปรากฏออกมา ดูดุร้ายมาก
แต่ในตอนนี้เขากลับรู้สึกราวกับว่าตนเองได้ขึ้นจากนรกสู่สวรรค์ในทันที หายใจหอบแล้วสายตาก็มองไปที่เฉินจิ้นด้วยความหวาดกลัวและเคารพ
“ถ้ามีการทรยศ วิญญาณก็จะหายไป !” เฉินจิ้นพูดออกมาลอยๆ
เจิ้งหยางโป๋รีบหมอบลงกับพื้น แล้วพูดด้วยความเคารพอย่างมาก “โม้ซื่อจะไม่ทรยศตลอดไปครับ !”
เฉินจิ้นพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
เฉินจิ้นสังหารวิญญาณของเจิ้งตงหยางโดยตรง เหลือไว้เพียงร่างกายให้เป็นโม้หลัว
แต่สำหรับเจิ้งตงหยางแล้วเฉินจิ้นไม่ได้ทำเช่นนั้น เพราะมีเพียงวิธีนี้ที่เขาจะช่วยสนับสนุนโม้หลัวให้ควบคุมตระกูลเจิ้งได้ดีขึ้น !
อย่างไรก็ตาม ตระกูลเจิ้งเป็นตระกูลใหญ่ของเมืองหลวง และมีทรัพย์สินและกิจการของครอบครัวที่ยิ่งใหญ่ ใช้เพียงแค่พลังไปควบคุมมันไม่พอ
“จงเป็นทาสของฉัน แล้ววันหนึ่งฉันจะส่งคุณไปสู่แดนเสิน”
เมื่อเฉินจิ้นพูดจบก็ได้ดีดนิ้วอีกครั้ง จากนั้นก็มีลมพลังหวนต้วนเฉันไปในร่างกายของเจิ้งหยางโป๋
แล้วการบาดเจ็บของเขาก็เริ่มฟื้นฟู
ในเวลาเดียวกันเฉินจิ้นก็ได้โยนยาเม็ดให้กับเขาอีกครั้ง
ตอนนี้กัวเทียนเวยจะเอามันออกไปก็รู้สึกเจ็บปวด
หลังจากเฉินจิ้นเห็นต้นหญ้าเทียนซินแล้วก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
แม้ว่าในจักรวาล ต้นหญ้าเทียนซินจะเป็นสมุนไพรปรุงยาที่เห็นได้ทั่วไป แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอบนโลกนี้
ถ้าจะต้องปรุงยาในอนาคตจะได้ใช้ !
กัวเทียนเวยอยากจะเชิญเฉินจิ้นเฉันไปเป็นแขก แต่เห็นว่าเฉินจิ้นไม่ได้มีความคิดเช่นนี้แม้แต่น้อย จึงได้ล้มเลิกไป
วันนี้ได้ทดแทนบุญคุณแล้ว เมื่อเผชิญกับปีศาจใหญ่เฉินจิ้นนี้แล้วไม่ถูกสังหารก็ถือว่าดีมากแล้ว
แต่กัวเทียนเวยรู้ว่าหลังจากนี้แล้ว แดนบูโดของหวาเสี้ยกำลังจะเฉันสู่ยุคของเฉินจิ้นแล้ว
บนโลกนี้เฉินจิ้นอาจเป็นคนที่เฉันใกล้แดนเสินมากที่สุดแล้ว !
……
……
“พวกคุณสองคนรีบกลับเมืองหลวงเดี๋ยวนี้ !”
“โม้ซื่อช่วยสนับสนุนให้โม้หลัวเป็นหัวหน้าครอบครัวของตระกูลเจิ้งและครองตระกูลเจิ้งนะ !”
“หลังจากครองตระกูลเจิ้งแล้ว ฉันจะแจ้งให้พวกคุณรวบรวมชิ้นส่วนต่างๆ ให้กับฉัน !”
เฉินจิ้นสั่ง
“นายท่าน ตระกูลเจิ้งของฉันเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง แม้ว่าจะในหวาเสี้ยก็อยู่ในอันดับสูง ถ้าตระกูลลึกลับซ่อนเร้นไม่ยอมออกมา จะไม่มีใครสามารถแข่งขันได้ !”
“ในตระกูล นอกจากท่านพ่อของฉันแล้ว ยังมีชั้นสูงสุดปรมาจารย์อีกท่านหนึ่ง ฉันกับโม้หลัวอาจจะไม่สามารถครองตระกูลเจิ้งได้สำเร็จได้อย่างราบรื่น !”
เจิ้งหยางโป๋พูดอย่างกลืนไม่เฉันคายไม่ออกอยู่
ในตระกูล เขายังมีอาอีกท่านหนึ่งที่เป็นผู้สูงอายุหนึ่งร้อยปี แม้ว่าพลังวิชาจะไม่เก่งกาจเท่าพ่อของเขา แต่ก็เป็นชั้นสูงสุดปรมาจารย์ ไม่เคยออกจากตระกูลเจิ้งสักก้าวเดียว แม้ว่าจะเป็นเมื่อใดก็ตามมักจะเฝ้าดูตระกูลเจิ้งอยู่เสมอ เป็นหนึ่งในรากฐานของตระกูลเจิ้ง
“ไม่เป็นอะไร ฉันจะไปพร้อมกับพวกคุณ !” เฉินจิ้นพูดออกไปลอยๆ
ชั้นสูงสุดปรมาจารย์เขาก็ยังจัดการได้ในฝ่ามือเดียว !
ในตอนแรกเขาอยากจะกลับไปเจียงโจวเพื่อไปหาหวางเม่ยวู เพื่อได้ข่าวอัญมณีที่มีลมพลังหวนต้วนนั้น
ถ้าหากสามารถหาสถานที่บนโลกนี้ที่มีลมพลังหวนต้วนนั้นเจอ เฉินจิ้นเชื่อว่าความเร็วในการฝึกฝนของเขาจะเร็วขึ้นมาก
ในวันนี้เฉินจิ้นจึงได้พาโม้หลัวและโม้ซื่อสองคนไปยังเมืองหลวงที่อยู่ทางเหนือ
ส่วนในเมืองหลวงเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่
......
......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิมารหวนคืน