หลี่โม่กับกู้หยุนหลันออกจากตลาดดอกไม้สดจากนั้นเดินเตร่อยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเวลาการประมูลใกล้จะถึงทั้งสองจึงเดินกลับไปที่โรงแรม
กู้เจี้ยนหมินกับภรรยาและฮั่วเจี้ยนเฟิงก็ได้นั่งรอที่ล็อบบี้โรงแรม เมื่อเห็นหลี่โม่กับกู้หยุนหลันกลับมาหวังฟางก็โบกมือเรียกทั้งสอง
ฮั่วเจี้ยนเฟิงที่เห็นหลี่โม่ในสภาพปกติ เขาจึงเกิดความสงสัยขึ้นมา
นี่มันหมายความว่าไง?
เฝิงจื่อฉายทำไมไม่จัดการหลี่โม่?
หรือว่าหลี่โม่จัดการเฝิงจื่อฉายไปแล้ว......
ฮั่วเจี้ยนเฟิงได้แต่ส่ายหัว เขาคิดว่าหลี่โม่ไม่มีทางต่อกรกับเฝิงจื่อฉายผู้เป็นเจ้าถิ่นได้อย่างแน่นอน ถ้าหลี่โม่กล้าทำร้ายเฝิงจื่อฉายเขาต้องถูกคนของเฝิงจื่อฉายเล่นงานจนตายในตลาดอย่างแน่นอน
แต่ทำไมหลี่โม่ถึงไม่เป็นไรเลย?
เครื่องหมายคำถามมากมายปรากฏขึ้นบนหน้าผากของฮั่วเจี้ยนเฟิง
ถ้าโทรถามเฝิงจื่อฉายเวลานี้ก็คงไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ ฮั่วเจี้ยนเฟิงจึงคิดว่าไปถามเขาที่หน้างานประมูลจะดีกว่า
หวังฟางมองไปที่หลี่โม่ที่กำลังเดินเข้ามาด้วยสายตาเย็นชา
“พวกเธอไปไหนมา? ไม่รู้จักพักผ่อนอยู่ในห้องบ้างเหรอ?” หวังฟางพูดอย่างไม่พอใจ
“พ่อครับ เราออกไปเดินเล่นแถวนี้ครับ ไม่ได้ทำให้เสียเวลาหรอกครับ”
“เหอะ ไม่ต้องพูด”
หวังฟางจ้องหน้าหลี่โม่แล้วพูดอย่างรำคาญ “วันๆ เอาแต่สร้างปัญหา ไร้ปัญญาขนาดนี้แล้วยังจะพาหยุนหลันเดินเที่ยวไปทั่ว นายพาหยุนหลันออกไปเที่ยวแล้วจะมีปัญญาซื้ออะไรให้เธอไหม?”
“คนอื่นพาภรรยาออกไปเที่ยวเขาต้องช้อปปิ้งกันนะ เขาซื้อแต่ของใช้เสื้อผ้าแบรนด์เนมเพื่อเอาใจภรรยา แล้วคนอย่างนายจะซื้ออะไรได้ ฉันล่ะไม่เคยเห็นผู้ชายที่ไร้ประโยชน์อย่างนายมาก่อนเลยจริงๆ”
หลี่โม่ได้แต่ก้มหน้าไม่พูดอะไร ฮั่วเจี้ยนเฟิงจึงยิ้มพูดขึ้นมา “ใจเย็นๆ ก่อนครับคุณน้า พรุ่งนี้ผมจะพาหยุนหลันไปช้อปปิ้งเองครับ ผมจะซื้อเสื้อผ้าชาแนล กุชชี่ ปราด้าหรือแบรนด์ดังต่างประเทศให้กับหยุนหลันเองครับ”
หวังฟางยิ้มอย่างพอใจและคิดในใจว่าเธอไม่ได้เสียแรงที่พูดประชดหลี่โม่ เธอรู้สึกว่าหลี่โม่นั้นเทียบไม่ได้กับคนอย่างฮั่วเจี้ยนเฟิงเลยจริงๆ
กู้หยุนหลันปฏิเสธอย่างเย็นชา “ไม่จำเป็นหรอก ฉันไม่ต้องการเสื้อผ้าชื่อดังเหล่านั้น อีกอย่างมันก็ไม่เหมาะสมที่คุณจะซื้อให้ฉันหรอก”
“หยุนหลัน! เธอทำไมใจแข็งขนาดนี้นะ ชีวิตดีๆ มีให้เลือกแต่เธอดันจะเลือกใช้ชีวิตลำบากกับคนอย่างนั้น เจี้ยนเฟิงอุตส่าห์มีน้ำใจจะซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมให้เธอ แล้วเธอทำไมถึงต้องปฏิเสธเขาล่ะ เธออยู่กับคนจนๆ อย่างหลี่โม่ชีวิตนี้ไม่มีวันเจริญหรอก”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงสีหน้าขมขื่นทันที จากนั้นเขาฝืนยิ้มแล้วพูดต่อ “ถ้าหยุนหลันไม่เอาก็ไม่เป็นไรครับ วันหลังยังมีโอกาสอยู่ หรือไม่ปีหน้าผมค่อยพาหยุนหลันไปซื้อที่นิทรรศการแฟชั่นนานาชาติก็ได้ครับ”
“ได้ยินไหม นิทรรศการแฟชั่นนานาชาติเชียวนะ! เธอรู้ไหมว่ามันอลังการแค่ไหน อย่างดื้อด้านอีก ถ้าเปลี่ยนเป็นกู้ชิงหลินเธอต้องรับปากทันทีแล้ว”
หวังฟางอ้างถึงกู้ชิงหลินเป็นตัวอย่าง
“หนูมีชีวิตของหนู หนูมีหลี่โม่กับซีซีก็เพียงพอแล้ว”
กู้หยุนหลันตอบกลับ
กู้เจี้ยนหมินถอนหายใจแล้วลุกขึ้นพูด “ได้เวลาแล้ว เราไปงานประมูลกันเถอะ เรื่องของหยุนหลันค่อยคุยกันวันหลังก็ได้ไม่ต้องรีบหรอก”
เรื่องจุกจิกในบ้านกู้เจี้ยนหมินจะไม่ค่อยยุ่งมากนัก ถ้าเปลี่ยนลูกเขยที่ดีให้กับกู้หยุนหลันได้เขาก็จะยินยอมเหมือนกัน แต่ถ้ากู้หยุนหลันยังคงดื้อรั้นกู้เจี้ยนหมินก็จะไม่บังคับเธอด้วยเช่นกัน
หวังฟางมองไปที่หลี่โม่ด้วยความรังเกียจแล้วพูดอย่างเหลือทน “เจี้ยนเฟิง เราไปกันเถอะ”
จากนั้นฮั่วเจี้ยนเฟิงก็พาทุกคนไปขึ้นรถและไปยังสถานที่ประมูล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิมังกร
อ่านมาถึงตอน 263 เน่าสนิท ไอ้คนเขียนก็ช่างมีความอดทน มีแต่เรื่องดูถูกโง่ๆ หลายร้อยรอบ วนอยู่อย่างนั้น กุก็ทนอ่านอยู่ได้...
อ่านสนุกมากเลยครับ...