หลังจากนั่งรถของเฉียวเจิ้งหลงไปส่งซีซีที่โรงพยาบาล ลูกน้องของเฉียวเจิ้งหลงก็ซื้อรถคันใหม่ที่เหมือนกับรถของกู้หยุนหลันแล้วนำมาส่งมอบให้เธอที่โรงพยาบาล
เฉียวเจิ้งหลงอยากถามหลี่โม่ว่าจะให้เขาจัดการกับเรื่องของหลี่กางยังไงอีก แต่หลี่โม่โบกมือเพื่อบ่งบอกว่าเขาไม่สนใจเรื่องการจัดการกับหลี่กางอย่างไรอีกแล้ว
หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้คุยต่อสักพัก เมื่อเห็นว่าหลี่โม่อารมณ์ไม่ค่อยดีมากนัก เฉียวเจิ้งหลงจึงขอตัวออกไปก่อนอย่างมีไหวหริบ
หลี่โม่กับกู้หยุนหลันก็ส่งซีซีกลับไปห้องผู้ป่วย จากนั้นกล่อมซีซีให้หลับแล้วทั้งสองก็ออกจากโรงพยาบาลและตรงกลับไปบ้านด้วยกัน
หวังฟางกับกู้เจี้ยนหมินที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก เมื่อเห็นหลี่โม่กับกู้หยุนหลันกลับบ้าน หวังฟางจึงตบโซฟาแรงๆ แล้วเรียกกู้หยุนหลันไปหา “หยุนหลัน มานี่ก่อนสิ มีเรื่องจะคุยด้วย”
“แม่มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”
กู้หยุนหลันนั่งลงข้างหวังฟางแล้วถามอย่างสงสัย
ส่วนหลี่โม่เดินไปรินน้ำชาให้กับกู้หยุนหลันแล้วนั่งลงด้วยกัน
“พี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องคนโตของเธอจะเซ็นสัญญาการก่อสร้างกับหยุนจงหลันกรุ๊ป แต่ช่วงหลังๆ มานี้หยุนจงหลันกรุ๊ปดูเหมือนจะเงียบไป พี่ชายเธอจึงอยากติดต่อกับทางหยุนจงหลันกรุ๊ปดู แม่ก็เห็นว่าเธอรู้จักกับคุณหลี่ผู้ลึกลับคนนั้นไม่ใช่เหรอ”
หวังฟางพูดไปด้วยแล้วเหลือบมองหลี่โม่ด้วยสายตารังเกียจไปด้วย “ไอ้คนไร้ประโยชน์ นายมานั่งฟังทำไม ฉันมีเรื่องจะคุยกับลูกสาวฉัน นายไปไกลๆ ไป” “แม่ ทำไมต้องไล่หลี่โม่ไปด้วย อีกอย่างหนูก็ไม่รู้จักคุณหลี่ผู้ลึกลับคนนั้นหรอก แม่อย่าไปเชื่อข่าวลือเท็จพวกนั้นเลย”
กู้หยุนหลันพูดอย่างเด็ดขาด
แต่หวังฟางหัวเราะเบาๆ แล้วมองกู้หยุนหลันด้วยสายตามั่นใจ “หยุนหลันจ๋า แม่รู้ว่าเธอหน้าบาง เธอไม่อยากให้คนไร้ค่าอย่างหลี่โม่รู้ว่าเธอคิดทำอะไรอยู่”
“แต่เรื่องแบบนี้มันปิดบังกันไม่ได้หรอก ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวมันก็รู้เอง ดังนั้นเธอไม่ต้องกังวลหรอกนะ ถ้าไอ้คนไร้ค่าคนนี้มันไม่ยอม เธอยังมีพ่อกับแม่คอยช่วยเธออยู่นะ มันทำอะไรเธอไม่ได้หรอก”
กู้หยุนหลันรู้สึกโกรธและคิดจะปฏิเสธความคิดแย่ๆ แบบนี้ แต่เรื่องแบบนี้ยิ่งร้อนตัวก็ยิ่งเหมือนเป็นคนผิด ดังนั้นกู้หยุนหลันจึงเลือกที่จะเก็บอารมณ์เพราะไม่อยากให้หลี่โม่ต้องเข้าใจผิด
หวังฟางตบหลังกู้หยุนหลันเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม “ฟังแม่นะ ในเมื่อเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณหลี่ผู้ลึกลับคนนั้นแล้ว เธอก็รีบเปิดเผยเถอะ มันไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายอะไรเลยนะ ทำไมต้องแอบซ่อนไว้ด้วยล่ะ”
“แม่ถึงว่าทำไมเธอต้องปฏิเสธเจี้ยนเฟิงกับจื้อเผิงด้วย ที่แท้ก็มีทางเลือกที่ดีกว่านี่เอง เธอทำให้แม่ต้องเหนื่อยใจแทนเธอเปล่าๆ มาตั้งนานเลยรู้ไหม”
หวังฟางพูดเองเออเองและคิดว่าเธอรู้ทันทุกอย่างแล้ว
กู้หยุนหลันสีหน้าขมขื่นและเอื้อมมือออกไปจับมือของหลี่โม่อย่างอ่อนโยน “คุณอย่าไปเชื่อในสิ่งที่แม่พูดนะ ฉันไม่ได้รู้จักคุณหลี่ผู้ลึกลับอะไรคนนั้นจริงๆ”
หลี่โม่ยิ้มจางๆ แล้วพยักหน้าตอบอย่างจริงจัง “ผมเชื่อใจคุณครับ”
หวังฟางขมวดคิ้วและพูดด้วยความไม่พอใจ “หยุนหลัน เธอพูดอะไรกับคนไร้ประโยชน์คนนั้น หรือว่าที่เธอไม่อยากเลิกกับมันก็เพราะเป็นความตั้งใจของคุณหลี่คนนั้น”
เพื่อที่จะทำให้สมมติฐานเป็นจริง หวังฟางเริ่มคิดไปเรื่อยเปื่อยและสงสัยว่าคุณหลี่ผู้ลึกลับคนนั้นมีงานอดิเรกแปลกๆ หรือเปล่า หรือว่าเขาไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงที่เคยแต่งงานแล้ว ดังนั้นจึงให้หลี่โม่มาเป็นหน้าม้าให้เขา
ความคิดที่แปลกประหลาดและฟุ้งซ่านค่อยๆ ผุดขึ้นในหัวของหวังฟางอย่างไม่หยุด
กู้หยุนหลันไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป เธอจึงลุกขึ้นแล้วพูดว่า “แม่คะ ถ้าแม่ไม่มีอะไรจะพูดอีก หนูขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะคะ”
“จะรีบไปไหน แม่ยังไม่ได้พูดประเด็นสำคัญเลย วันนี้แม่กลับไปที่บ้านยายเธอ พอดีว่าเราพูดถึงเรื่องของพี่ชายเธอน่ะ เขาอยากหาโอกาสไปพบเจ้าของบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ป ก็คือคุณหลี่ผู้ลึกลับคนนั้นนั่นแหละ”
“แต่ทุกคนในบ้านเราก็ไม่มีใครรู้ช่องทางที่จะติดต่อกับคุณหลี่ผู้ลึกลับคนนั้นได้เลย แม่จึงนึกได้ว่าเธอรู้จักคุณหลี่ผู้ลึกลับคนนั้น ดังนั้นแม่จึงเล่าเรื่องนี้ให้พวกเขาฟัง”
ก่อนหน้านี้หวังฟางกลับไปที่บ้านแม่ เนื่องจากในขณะที่สนทนาหวังฟางได้ยินหวางจินซานและคนอื่นๆ พูดถึงเรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้นกับพวกเขาในงานเลี้ยงวันเกิดล่าสุดที่พวกเขาจัด ดังนั้นจึงทำให้หวังฟางรู้สึกรำคาญใจ
หวังฟางนึกขึ้นได้ว่าเธอเคยได้ยินจากปากของคนตระกูลกู้ว่ากู้หยุนหลันมีความสัมพันธ์กับบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ป ดังนั้นเธอจึงคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงและเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนในตระกูลหวังฟัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิมังกร
อ่านมาถึงตอน 263 เน่าสนิท ไอ้คนเขียนก็ช่างมีความอดทน มีแต่เรื่องดูถูกโง่ๆ หลายร้อยรอบ วนอยู่อย่างนั้น กุก็ทนอ่านอยู่ได้...
อ่านสนุกมากเลยครับ...