ตามคำเรียกร้องของหวังฟาง หลี่โม่จึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วแกล้งคุยกับเฉียนฝูสองสามคำ จากนั้นกดวางสายแล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหาครับ จัดเวลาตามที่เราสะดวกเลย”
“จริงเหรอ?”
หวังฟางยังคงตกตะลึงและยังรู้สึกไม่อยากเชื่อว่าหลี่โม่จะให้เฉียนฝูช่วยเรื่องนี้ได้จริงๆ
“แน่นอนสิครับ ทางเฉียนฝูก็มีความร่วมมือทางธุรกิจกับคุณหลี่เจ้าของบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ปอยู่แล้ว ดังนั้นแค่นัดเจอกันก็เหมือนนัดประชุมกันปกติครับ”
หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจรู้สึกแปลกประหลาดมากที่ตัวเองต้องมาวุ่นวายกับเรื่องที่เขาต้องนัดเจอกับตัวเอง
“ดีเลย ถ้าอย่างงั้นเรื่องนี้ก็ถือว่าจัดการได้แล้วสินะ งั้น งั้นให้หยุนหลันเป็นคนพาจงเสวียนไปได้ไหม”
หวังฟางได้คืบจะเอาศอก
“หนูไม่ไปค่ะ เดี๋ยวจะเป็นข่าวอะไรอีก”
กู้หยุนหลันปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
หวังฟางถอนหายใจและรู้สึกไม่อยากบังคับใจใครอีก “ถ้าอย่างนั้นหลี่โม่นายช่วยพาจงเสวียนไปนะ แต่ต้องมีมารยาทกับจงเสวียนด้วยนะรู้ไหม”
หลี่โม่พยักหน้าตอบ “ไม่มีปัญหาครับ แม่นัดวันเวลาได้เลยครับ”
หวังฟางครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาหวางจงเสวียน
“คุณน้าครับ คุยกับหยุนหลันแล้วใช่ไหมครับ เธอช่วยพาผมไปพบคุณหลี่เจ้าของบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ปได้อยู่ใช่ไหมครับ”
เสียงอันรีบร้อนของหวางจงเสวียนดังขึ้นในสาย
“จงเสวียนจ๋า ช่วงนี้หยุนหลันงานค่อนข้างยุ่งหน่อย เธอคงไม่มีเวลาพานายไปแล้ว แต่น้าจะให้หลี่โม่พานายไปแทนนะ นายลองหาเวลาว่างแล้วแจ้งน้า เดี๋ยวน้าจะได้ให้หลี่โม่ช่วยนัดเวลาเขานะ”
หวางจงเสวียนเงียบไปสักพัก จากนั้นขมวดคิ้วแล้วถามต่อ “จะให้ลูกเขยกระจอกของน้าพาผมไปงั้นเหรอ? น้าเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า นี่เป็นงานใหญ่สำหรับตระกูลหวังของเรานะครับ ทำไมหยุนหลันถึงไม่หาเวลาไปด้วย”
หวังฟางหัวเราะอย่างลำบากใจและกระซิบพูดเบาๆ ว่า “จงเสวียน นายใจเย็นก่อนสิ ให้หลี่โม่พานายไปก็ได้นี่นา แค่นายได้พบเจ้าของบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ปก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วนายจะสนใจทำไมว่าใครเป็นคนพานายไปล่ะ ว่ามั้ย”
“ไม่ใช่แล้วครับ! หยุนหลันมีความสัมพันธ์กับเจ้าของบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ปไม่ใช่เหรอครับ? น้าบอกว่าเขาทั้งสองแอบคบหาดูใจกันอยู่ แล้วถ้าจะให้หลี่โม่ไปด้วยมันไม่แปลกไปหน่อยเหรอครับ เจ้าของบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ปเขาเป็นคนสวมเขาให้หลี่โม่นะครับ ถ้าเจอหน้าหลี่โม่เขาจะทำตัวยังไง”
หวางจงเสวียนพูดอย่างมีเหตุผล การพาสามีของกู้หยุนหลันไปหากิ๊กของเธอแบบนี้มันเป็นการหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ ไม่แน่อาจจะทำให้ตระกูลหวังต้องพลอยลำบากไปด้วยก็ได้
หวังฟางเริ่มทำตัวไม่ถูกและรู้สึกผิดที่พูดจาพร่ำเพรื่อในวันนั้น จนวันนี้เธอไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรมาอ้างอีกแล้ว
“จงเสวียน ฟังน้าก่อน มันไม่ใช่อย่างที่คิดนะ ก่อนหน้านี้ที่น้าพูดมันก็เป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น ความจริงแล้วหยุนหลันไม่ได้มีอะไรกับเจ้าของบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ปเลย แล้วที่พานายไปพบเขาได้ก็เพราะหลี่โม่เป็นคนขอให้เฉียนฝูช่วยเองน่ะ”
หวังฟางทำได้เพียงพูดความจริงออกไปเพราะไม่อยากให้มีการเข้าใจผิดไปมากกว่านี้
หวางจงเสวียนหัวเราะอย่างขมขื่นแล้วส่ายหัวพูดต่อ “น้าสาวครับ น้าทำตามที่พูดไม่ได้ก็บอกมาตรงๆ สิครับ ทำไมต้องยัดเยียดคนกระจอกอย่างหลี่โม่ให้ผมด้วย ไปกับคนแบบนั้นผมมีแต่เสียกับเสียนะครับ”
“เด็กคนนี้ทำไมพูดจาไม่รู้เรื่องนะ น้าเห็นหลี่โม่คุยกับเฉียนฝูกับตานะ เรื่องนี้ไว้ใจได้ เราจัดการเรียบร้อยแล้วจริงๆ ถ้านายไม่เชื่อใจก็ช่างมันเถอะ ไปจัดการเองก็แล้วกัน”
หวังฟางรู้สึกละอายใจและไม่อยากฝืนใจหวางจงเสวียนอีก
“เดี๋ยวก่อนครับ”
หวางจงเสวียนครุ่นคิดอยู่สักพัก สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าจะลองดู เพราะถ้าไม่ลองก็คงต้องเสียโอกาสไปเปล่าๆ
“น้าสาวครับ พรุ่งนี้ให้หลี่โม่มาเจอผมที่บ้านก็แล้วกัน ผมมีรายละเอียดจะถามเขาหน่อย ครั้งนี้มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอนาคตของตระกูลหวังของเรานะครับ”
หวังฟางไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำพูดของหวางจงเสวียนและรับปากพูดคำพูดลอยๆ
หลังจากวางสายหวังฟางก็หันไปพูดกับหลี่โม่อย่างไม่สบายใจ “พรุ่งนี้เก้าโมงเช้านายไปหาจงเสวียนที่บ้านใหญ่ตระกูลหวางนะ แกมีเรื่องจะคุยด้วย”
“แม่คะ ถ้าไม่มีอะไรหนูกับหลี่โม่ขอตัวกลับไปพักก่อนนะคะ”
หวังฟางพยักหน้าและเฝ้ามองกู้หยุนหลันจุงมือหลี่โม่กลับไปในห้อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิมังกร
อ่านมาถึงตอน 263 เน่าสนิท ไอ้คนเขียนก็ช่างมีความอดทน มีแต่เรื่องดูถูกโง่ๆ หลายร้อยรอบ วนอยู่อย่างนั้น กุก็ทนอ่านอยู่ได้...
อ่านสนุกมากเลยครับ...