“ดูท่าความไม่มีสมองของพวกแกนี่เป็นกรรมพันธุ์นะ ฉันจะจัดการกับคนสกุลเกิ่ง จะคอยสั่งสอนพวกแกทีละคน คิดไม่ถึงว่าพวกแกจะไม่ซึมซับบทเรียน”
หลี่โม่วางท่าราวกับผู้ใหญ่อบรมเด็ก
“บ้าเอ๊ย!ไว้หน้าขนาดนั้น!ดูว่ากูจะจัดการกับมึงยังไง!”
ลูกศิษย์ร่างกำยำคนหนึ่งอดระเบิดโทสะออกมาไม่ได้ ราวกับลูกศรที่พุ่งออกมา กำปั้นฟาดเปรี้ยงไปที่ใบหน้าหลี่โม่
หลี่โม่อดหัวเราะไม่ได้“สู้กับแกไม่ต้องใช้แม้แต่หมัด แค่หัวแม่โป้งก็พอ”
“บ้าเอ๊ย!กูเคยฝึกวิชามานะว้อย!”
ลูกศิษย์ที่พุ่งเข้าไปหาหลี่โม่ ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่เพียงกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เนื้อหนังก็ดูแน่นหนา ไม่เหมือนกับคนธรรมดา
วิชาระฆังทองคุ้มกาย เป็นหนึ่งในวิชาขึ้นชื่อแห่งตำนาน
ใช้สมุนไพรแช่กาย บวกกับอบตัว ทำให้ผิวกายมีชั้นผิวที่หนาแน่นขึ้น และสามารถยกระดับความสามารถในการโจมตี
ว่ากันว่าเมื่อฝึกวิชาจนถึงขั้นสุด มีดกับปืนก็จะฟันแทงไม่เข้า
ลูกศิษย์คนนี้ของโอวหยางจื้อ แม้ว่าจะไม่เคยฝึกปืนดาบ แต่ร่างกายก็แกร่งผิดมนุษย์มนา ร่างกายไม่สามารถเจ็บปวดได้ง่ายๆ
“พอฝึกวิชาถึงขั้นสุด ที่เจ็บก็คือตัวเอง เป็นการเข้าสำนักที่ผิดเปล่าๆ”
หลี่โม่พูดเสียงเรียบ ชูหัวแม่โป้งนิ้วมือขวาออกไป
เมื่อหัวแม่โป้งสัมผัสกับหม้อดิน
ตามที่ทุกคนคาดหัวแม่โป้งไม่ได้หัก หากแต่หัวแม่โป้งของหลี่โม่คมกริบราวกับคมมีดก็ไม่ปาน ทำให้กำปั้นแตกกระจาย แล้วทิ่มเข้าไปในกำปั้น
“โอ๊ย!กำปั้นของกู!”
ลูกศิษย์ที่ลงมือกับหลี่โม่หน้าเปลี่ยนสี หน้าผากเม็ดเหงื่อเม็ดโตผุดพราย
พวกคางหย่งเฉียนที่ดูใจเต้นเนื้อเต้นไปตามๆกัน ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าในการฝึกวิชากลายมาบอบบางราวกับกระดาษ นิ้วหัวแม่โป้งของหลี่โม่ทำจากอะไร หรือว่าทำจากเหล็กไหลทองคำ
คางเหวินซิงโห่ร้องอย่างตื่นเต้น“อาจารย์สุดยอดไปเลยครับ!เห็นยังว่าเวลาอาจารย์โมโหขึ้นมาเป็นยังไง ตกใจมั้ยล่ะ พวกแกถามใจตัวเองดู ว่าตกใจหรือเปล่า!”
ตกใจ ตกใจจริงๆ
แต่ไม่มีใครยอมรับหรอก อย่างไรเสียก็เป็นเรื่องที่ขายหน้า ไม่มีทางยอมรับแน่นอน
“อาจารย์!อย่าลังเลอีกเลย นี่นับว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาต ความเคียดแค้นชิงชัง ถ้าไม่ฆ่าไอ้ชาติหมานี่ เราจะกู้หน้ากลับมาไม่ไ!”
“ขอให้อาจารย์ลงมือเถิด!เพื่อหน้าตาของเรา ไม่อย่างนั้นเรื่องราวเผยแพร่ออกไป พวกเรายังจะมีหน้าตาไปยืนอยู่ในวงการศิลปะการต่อสู้ต่างประเทศได้อย่างไร!”
“ความสัมพันธ์นี้ไม่ใช่เรื่องของคนๆเดียว แต่เป็นเรื่องของคนในวงการศิลปะการต่อสู้นับร้อย แล้วเกี่ยวพันถึงเรื่องปากท้องพี่น้องทุกคน!เชิญอาจารย์ลงมือเถอะครับ!”
พวกลูกศิษย์เอะอะมะเทิ่งกัน ต่างก็รอคอยให้โอวหยางจื้อลงมือ
โอวหยางจื้อที่ในใจเดือดดาลเป็นทุน พอโดนพวกลูกศิษย์กระตุ้น สติก็ขาดผึงลงทันที
เขาตบโต๊ะเสียงดังเปรี้ยง เสียงโต๊ะดังผาง
จากนั้นโอวหยางจื้อลุกขึ้นพลัน ค่อยๆเดินไปทางหลี่โม่
“พ่อหนุ่ม แกออกจะบ้าบิ่นไปหน่อยนะ ตอนแรกข้าก็อยากจะคุยกับเอ็งดีๆ แต่เอ็งทำให้ข้าผิดหวัง ต่อให้เอ็งเก่งกาจแค่ไหนก็เหอะ แต่จะมารังแกคนแบบนี้ไม่ได้!”
“ช่างน่าขัน รังแกใครหน้าไหนมิทราบ ผมว่าผมไม่ต้องพูดมากทุกคนก็น่าจะรู้แก่ใจดี”
หลี่โม่ดูแคลนโอวหยางจื้ออยู่เต็มอก
โอวหยางจื้อหรี่ตา หากในใจทวีความเคียดแค้นชิงชัง
“ได้!ในเมื่อคุยกันดีๆไม่รู้เรื่อง งั้นมาประลองกันสักยก เชิญ!”
โอวหยางจื้อวางท่า ตั้งท่าราวกับพยัคฆ์ลงเขา จ้องเขม็งไปที่หลี่โม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิมังกร
อ่านมาถึงตอน 263 เน่าสนิท ไอ้คนเขียนก็ช่างมีความอดทน มีแต่เรื่องดูถูกโง่ๆ หลายร้อยรอบ วนอยู่อย่างนั้น กุก็ทนอ่านอยู่ได้...
อ่านสนุกมากเลยครับ...