“คว่ำกรวยรู้จักใช่มั้ย? พูดง่ายๆก็คือขโมยสุสาน ของพวกนี้ล้วนขุดมาจากหลุมฝังศพทั้งนั้น จะปลอมได้ยังไงกัน”
เจ้าเจ็ดจางพูดเสียงต่ำ
สองตาของกู้หยุนหลันเบิกกว้าง พูดอย่างตกใจว่า “ของพวกนี้ล้วนขโมยมาจากสุสาน? ของพวกนี้ของพวกนายขุดมากี่หลุมกันเนี่ย?”
“หึๆ เธอนี่ก็คนนอกแล้วไง สามารถมีเครื่องทองสัมฤทธิ์ได้ต้องเป็นหลุมฝังศพขุนนางเท่านั้น เครื่องทองสัมฤทธิ์ที่ออกมาจากหลุมนั้นมีไม่น้อยเลย พวกนี้ที่วางอยู่ยังไม่พอที่จะใส่ให้กับขุนนางน้อยด้วยซ้ำ…..”
เจ้าเจ็ดจางยิ่งพูดยิ่งสนุกปาก เหมือนว่าปากไม่มีหูรูด พูดโม้ออกมาไม่หยุด
กู้หยุนหลันฟังจนงุนงงนิดหน่อย ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อหรือไม่เชื่อดี
หลี่โม่ยื่นมือไปเคาะโถเครื่องทองสัมฤทธิ์ โถเครื่องทองสัมฤทธิ์ส่งเสียงทุ้มต่ำออกมา เสียงแสดงออกอย่างชัดเจนว่าแปลกประหลาด
เจ้าเจ็ดจางคิ้วกระตุก กัดฟันพูดว่า “ไอ้น้อง! ของพวกนี้เคาะไม่ได้นะ ถ้าใส่ไว้ในพิพิธภัณฑ์ ของพวกนี้ล้วนเป็นของสำคัญประจำชาติ ถ้านายเคาะสนิมหลุดแม้แต่น้อยก็ถือเป็นการทำลายรูปลักษณ์นะ! กระทบการขายราคาสูงของฉันนะ!”
หลังจากที่พูดประโยคพวกนี้ เจ้าเจ็ดจางก็ไปตรงหน้าโถเครื่องทองสัมฤทธิ์แล้วดูอย่างละเอียด จากนั้นก็ชี้นิ้วไปที่เศษส่วนที่ตกลงมาจากโถเครื่องทองสัมฤทธิ์และพูดว่า “นายดูสิ! สนิมตกลงมาแล้ว นี่มันกระทบกับรูปลักษณ์นะ นายควรจะชดใช้ให้ฉันสักหน่อยใช่มั้ย?”
เรื่องโกงผู้คนแบบนี้เจ้าเจ็ดจางไม่ได้ทำเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ที่ทำการโกงผู้คนแบบนี้ เจ้าเจ็ดจางไม่เคยพลาดมาก่อน
ครั้งนี้เจ้าเจ็ดจางคิดว่าเนื้อเรื่องจะเป็นไปตามที่ตัวเองวางไว้ โกงได้นิดหน่อยก็คือเงิน แย่ที่สุดก็ยังสามารถโกงเงินค่าข้าวของหลายวันมาได้
กู้หยุนหลันรู้สึกร้อนรน รีบพูดว่า “นายพูดงี้ก็เกินไปหน่อยแล้วมั้ง ฉันไม่เชื่อว่าตอนนายขนย้ายจะไม่มีสนิมหลุดสักนิด”
“เหอะ! คนสวย เธอก็ไม่เข้าใจวงการแล้ว ตอนที่ฉันขนย้ายมีค่าเท่าไหร่เธอยังไม่เคยเห็น ฉันต้องใช้สำลีพันรอบไว้อย่างหนาแน่น จากนั้นก็ยกเบาๆวางเบาๆ ใส่เข้าไปในพลาสติกกันกระแทก เสียแรงอย่างมากเลยนะ”
เจ้าเจ็ดจางพูดบทออกมาอย่างราบรื่น จากนั้นก็เหลือบตาไปมองหลี่โม่
“ไอ้น้อง! นายพูดมาสิจะเอายังไง ของฉันอันนี้เป็นถึงโถเครื่องทองสัมฤทธิ์ในยุคราชวงศ์โจวตะวันตก มีค่าอย่างมากเลยนะ ด้านบนยังมีการบันทึกชื่อเจียงจื่อหยาอยู่เลย เจียงจื่อหยานายรู้จักมั้ย ตาแก่ที่ถือแส้ฟาดเทพในเรื่องเฟิงเฉินหยั่นอี้…..”
หลังจากที่พูดไปเยอะ เจ้าเจ็ดจางกระดิกขามองไปทางหลี่โม่ที่เงียบมาโดยตลอด
“อย่าเงียบสิ นายลองว่ามาว่าเรื่องนี้ควรจัดการยังไง ฉันเองก็ไม่ได้จะโกงนาย เรื่องมันก็เป็นไปอย่างนี้แล้ว พวกเรามาพูดคุยวิธีจัดการปัญหากันอย่างมีเหตุผล”
หลังจากที่เจ้าเจ็ดจางพูดจบ สายตาก็มองไปยังเจ้าของแท่นโชว์คนอื่นๆ เจ้าของคนอื่นๆเองก็เข้าใจ แล้วช่วยเจ้าเจ็ดจางพูด
“ใช่แล้ว นี่ก็ถือเป็นการทำให้สิ่งของเสียหายเล็กน้อย เป็นการทำลายรูปลักษณ์ของสิ่งของดีๆ ต้องชดใช้นะ”
“เครื่องทองสัมฤทธิ์ที่มีค่าแบบนี้ เศษสนิมนิดหน่อยก็มีค่ามากมายแล้ว นี่ตกหล่นไปไม่น้อย ยังไงก็ต้องชดใช้สักแสนแหละมั้ง”
“สักแสนจะไปพอได้ยังไง เครื่องทองสัมฤทธิ์ที่สำคัญประจำชาติ ถ้าเอาไปอยู่ในวงการประมูลสินค้าก็คงจะสักหลายสิบล้าน รูปลักษณ์ที่ถูกทำลายมีมูลค่ามากพอถึงหลักล้านแล้ว”
ฟังคำพูดของเจ้าของแท่นโชว์คนอื่นที่ช่วยพูด เจ้าเจ็ดจางก็ยิ่งมีความสุข แต่ว่าสีหน้าก็ยังเป็นความนิ่งขรึม
“นายฟังสิ คนอื่นต่างก็พูดแบบนี้ ฉันว่าเอาอย่างนี้ ไม่ขอนายมาก ชดใช้ให้ฉันสองแสนก็พอแล้ว”
หลังจากที่เจ้าเจ็ดจางพูดจบ ก็ยื่นสองนิ้วมือออกมา ส่ายไปมาตรงหน้าของหลี่โม่
“นี่พวกนายจะแย่งชิงหรือไง แค่นี้ก็ให้ชดใช้สองแสน ฉันว่าชดใช้สองพันเยอะสุดแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิมังกร
อ่านมาถึงตอน 263 เน่าสนิท ไอ้คนเขียนก็ช่างมีความอดทน มีแต่เรื่องดูถูกโง่ๆ หลายร้อยรอบ วนอยู่อย่างนั้น กุก็ทนอ่านอยู่ได้...
อ่านสนุกมากเลยครับ...