จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี นิยาย บท 51

สรุปบท บทที่ 51 เหมือนดั่งองค์เทพ: จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี

บทที่ 51 เหมือนดั่งองค์เทพ – ตอนที่ต้องอ่านของ จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี

ตอนนี้ของ จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี โดย จิ่วเทียน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 51 เหมือนดั่งองค์เทพ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 51 เหมือนดั่งองค์เทพ

พูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร?

ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ภายในห้องโถงต่างพากันตกตะลึง ความหมายของคำพูดดังกล่าวเป็นการบอกให้เฉินชางรีบคุกเข่าลง เด็กหนุ่มผู้นี้กล้าดีอย่างไร ถึงขนาดที่กล้าพูดคำโอ้อวดเช่นนี้ออกมา

หยางคือแอบส่ายศีรษะ ฉีหงแสดงอาการยิ้มเยาะ

เสี้ยงหยวนและเสี้ยงจื้อสงก็มีสีหน้าที่กังวลหนักหนา รู้สึกว่าโล่เฉินกำลังทำให้เรื่องราวบานปลายใหญ่โต

“คุณเฉิน คำพูดเหล่านี้มันค่อนข้างที่จะโอหังเกินไปหน่อยหรือเปล่า เฉินไต้ซือคือใครมาจากที่ไหน คุณกล้าถึงขนาด......”

“พี่เฉิง พี่เฉิง คุณดูนั่นสิ”

โจวไท่ดึงชายเสื้อผ้าของโล่เฉิง ขัดจังหวะการพูดของเขา และชี้ไปยังเวทีประลองยุทธ์ด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนกตกใจ

โล่เฉิงหันกลับไปมอง เมื่อเห็นดังนั้นก็ตะลึงเช่นกัน ตกใจจนตัวแข็งไปทั้งร่างกาย อ้าปากค้างยากที่จะเชื่อว่ามันคือความจริง

ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น พวกเศรษฐีทั้งหลายที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็ตะลึงคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้

บนเวทีประลองยุทธ์ เฉินชางไม่ได้คุกเข่า แต่หมอบคลานอยู่บนพื้น เมื่อสังเกต ก็พบว่าเขากำลังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

ราวกับว่าประชาชนคนรากหญ้าพบเจอกับฮ่องเต้พระราชา

ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ได้?

เรื่องราวกลับตาลปัตรได้เร็วถึงเพียงนี้ มันสะเทือนอารมณ์จิตใจเกินไปหน่อย

โล่เฉินคือผู้ที่เหนือกว่า มองไปยังเฉินชาง พูดอย่างเย็นชาว่า: “ทำเป็นหูทวนลมเมื่อได้ยินคำพูดของฉัน ฮึฮึ ใช้ได้ทีเดียว”

“ท่านไว้ชีวิตฉันเถอะ”

เฉินชางเกือบจะร้องไห้ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะพบเจอกับโล่เฉินที่ชิงเฟิงซานจวน ทำไมโลกใบนี้มันช่างกลมยิ่งนัก

“ท่านผู้ใหญ่ ฉันมีธุระจึงทำให้เกิดความล่าช้าเล็กน้อย ขอท่านผู้ใหญ่โปรดให้อภัย ฉันจะรีบออกจากเมืองเจียงในบัดนี้ ไม่ผิดคำพูดอย่างแน่นอน และจะไม่ย่างกรายเข้ามาเหยียบที่เมืองเจียงไปตลอดชั่วชีวิต”

ฮึม!

ภายในห้องโถง เกิดความโกลาหลวุ่นวาย

เศรษฐีจำนวนมากสะอึกสะอื้นไม่หยุด เมื่อครู่เฉินไต้ซือสามารถควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างบนเวทีไว้ได้หมด แต่ในขณะนี้กลับหมอบคลานอยู่แทบเท้าของผู้อื่น ขออภัยเพื่อเอาชีวิตรอด

มันเป็นแรงกระแทกที่หนักหนามากพอสมควร

หนุ่มน้อยผู้นั้นเป็นใครมาจากที่ไหน

คือผู้มีชื่อเสียงทางด้านใด มีเบื้องหลังความเป็นมาอย่างไร ซึ่งเพียงแค่คำพูดเดียวถึงขนาดทำให้เฉินชางจอมยุทธ์ผู้ที่เก่งกาจระดับนี้ยอมที่จะศิโรราบ?

“ฮึม”

เสี้ยงจื้อสงแอบถอนหายใจ เขาและเสี้ยงหยวนได้สบตากัน ในดวงตาของทั้งคู่แสดงอาการตกตะลึงแวบหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ยังมีความชื่นชมยินดี

ในส่วนของเสี้ยงเหยาเหยานั้น ขณะนี้กำลังกัดฟัน ดวงตาอันเป็นประกายก็จ้องมองไปยังเด็กหนุ่มร่างกายกำยำเข้มแข็งที่อยู่บนเวทีประลองยุทธ์

ทำไมถึงเป็นเขาไปได้?

บนเวทีประลองยุทธ์ โล่เฉินได้เดินก้าวออกมา

สีหน้าของเฉินชางเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก รู้สึกได้ว่ากลิ่นอายของความตายได้ใกล้เข้ามาแล้ว เขาเริ่มที่จะคำนับ ร้องไห้ทั้งน้ำมูกและน้ำตา

“ท่านผู้ใหญ่ ข้าผู้น้อยกว่าจะฝึกฝนได้ขนาดนี้มันไม่ง่ายเลย และยังมีครอบครัวทั้งลูกและพ่อแม่ที่ต้องคอยดูแล ขอท่านผู้ใหญ่เมตตาให้อภัย ปล่อยชีวิตข้าผู้น้อยไปสักครั้งเถอะ ข้าผู้น้อยยินยอมที่จะเป็นคนรับใช้ท่านผู้ใหญ่อย่างถึงที่สุด”

สภาพการณ์ขณะนี้ช่างงดงามยิ่งนัก

นักบู๊เก่งกาจท่านหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะร้องไห้เสียงดังเหมือนกับเด็กน้อย นั่นแสดงว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นเก่งกาจน่าเกรงกลัวเป็นอย่างมาก

จำเป็นจะต้องคบหาทำความรู้จักเอาไว้

พวกเศรษฐีที่อยู่ในสถานที่แห่งนั้นต่างก็มีความคิดดังกล่าวผุดขึ้นมาในสมอง

“เฉินไต้ซือ คุณคงไม่ได้ป่วยไม่สบายใช่หรือไม่?”

โล่เฉิงรู้สึกตัวกลับมาจากอาการตกตะลึง เขาไม่ปักใจเชื่อ แต่กลับคิดว่าเฉินไต้ซืออาจคงจะมีอาการป่วยทางประสาทอยู่ก่อนแล้ว และบังเอิญเกิดอาการป่วยขึ้นในฉับพลัน

“ไต้ซือ ใช้พลังตบพวกเขาให้ราบเป็นหน้ากลอง ฉันจะพาท่านไปรักษาอาการป่วยเอง”

“ไปหาหมอบ้าบออะไรกัน! ”

แท้จริงแล้วเฉินชางก็เพียงแค่หวาดกลัว ได้ยินโล่เฉิงพูดใส่ไฟต่าง ๆ มากมาย จึงอยากที่จะตบเขาให้ตายไปข้างหนึ่ง

โล่เฉิงตกใจมาก ใบหน้าเศร้าหมองในทันที และร้องตะโกนออกมา: “เฉินชาง ระดับท่านแล้วใช้พลังเพียงแค่นิ้วมือเดียวก็สามารถจัดการสังหารเขาได้ การเล่นละครตบตาแบบนี้ คงไม่ใช่เพื่อจะหลอกลวงเงินของฉันหรอกนะ พวกท่านสองคนก็รู้จักกันมาก่อนอยู่แล้ว หลังจากเสร็จงานก็นำเงินสามสิบล้านมาแบ่งสรรปันส่วนเท่ากัน ใช่หรือไม่! ”

“แม่งมึงสิ !”

เฉินชางเกิดโมโหขึ้น “สถานะของกู หากต้องการเงินจะต้องแสดงละครแลกด้วยงั้นเหรอ” กูแค่ไปหาพ่อของมึงเพื่อเรียกเอาเงินหนึ่งร้อยล้านมาใช้จ่ายเล่น ๆ พ่อของมึงกล้าที่จะปฏิเสธงั้นเหรอ! ”

“เออ” โล่เฉิงถูกพูดตอกกลับจึงหมดหนทางที่จะโต้ตอบ

“ท่านผู้ใหญ่มีสถานะระดับไหน กล้าดีอย่างไรที่พวกต่ำต้อยอย่างแกถึงสามารถสบประมาทได้”

เฉินชางเฉลียวฉลาดมาก จากการวางเดิมพันที่สูงเมื่อครู่นี้เขาก็สามารถรับรู้ได้ว่าปรมาจารย์เด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ชอบหน้าคุณชายโล่ ถึงขั้นเกลียดชังเลยก็ว่าได้

เพื่อการเอาชีวิตรอด เขาจึงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น “ท่านผู้ใหญ่ หนุ่มน้อยผู้นี้ดูหมิ่นท่าน ไม่สามารถให้อภัยได้ จัดการสังหารขยะสังคมพวกนี้ เกรงว่าจะทำให้มือท่านสกปรก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเองดีกว่า”

ตูม!

ขณะนั้น ทุกคนมีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด

โล่เฉิงยิ่งแล้วใหญ่ตกใจจนสีหน้าซีดเซียว อารมณ์ความหวาดกลัวได้กระจายไปสู่ทั่วทั้งร่างกาย เหมือนกับว่าเท้าทั้งสองข้างถูกล็อคไว้อย่างแน่นหนา ขยับเขยื้อนไม่ได้

“ฉันรับน้ำใจของท่านไว้แล้ว ไม่ต้องถึงขนาดลงไม้ลงมือหรอก คุณชายโล่ติดหนี้ของฉันอยู่สามสิบล้าน หากเขาไม่อยู่แล้ว ฉันจะไปเอาเงินคืนจากใครที่ไหนได้”

“ใช่หรือไม่ คุณชายโล่?”

โล่เฉินยิ้ม

โมโห หวาดกลัว ตกตะลึง ไม่เต็มใจ......

อารมณ์อันหลากหลายทั้งหมดนี้อยู่ภายในจิตใจ โล่เฉิงรู้สึกว่ามีอาการหน้ามืด ร่างกายของเขาเอนไปเอนมา โชคดีที่ว่ายังมีโจวไท่คอยประคองเขาเอาไว้

“คุณแน่มาก”

“ไร้สาระสิ้นดี ฉันเป็นผู้ชายแน่นอนว่าต้องแน่อยู่แล้ว หรือว่าคุณไม่แน่จริง? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่สนุกแล้ว คุณชายโล่ เพื่อที่จะเล่นลูกไม้หน้าด้านคุณกล้ายอมรับว่าตนเองไม่แน่จริง แบบนี้คงไม่ดีเท่าไหร่มั้ง”

ก๊ากก๊าก

เสี้ยงฉ่ายเอ่ออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

หานหยู่เยนก็เหลือบตาขาว แอบด่าโล่เฉินที่พูดจาไม่ไพเราะเอาเสียเลย

เป็นจริงดังที่ว่า นิสัยสันดานเดิมก็ยังคงต่ำช้าหยาบคาย เสี้ยงเหยาเหยาคิดในใจ แล้วเธอก็มองไปยังเงาด้านหลังของโล่เฉิน มีความรู้สึกกังวลใจ: ฉันเคยพูดเอาไว้แล้วว่า หากใครสามารถเอาชนะเฉินชางได้ฉันจะปรนนิบัติรับใช้เขา ฉันจะต้องรับใช้คนชั่วช้าหยาบคายคนนี้จริง ๆ เหรอเนี่ย?

ไม่ใช่ เฉินชางเป็นคนยอมแพ้เอง ไม่นับว่าพ่ายแพ้ต่อผู้อื่น อีกทั้ง ก็ไม่มีใครรู้ว่าฉันได้สาบานเอาไว้

หึหึ ฉันฉลาดจริง ๆ

เสี้ยงเหยาเหยาแอบปลอบใจตัวเอง

“ทำไมไม่พูดอะไรบ้าง จะเล่นลูกไม้จริง ๆ ใช่ไหม มันไม่เหมาะสมกับสถานะของคุณเลยนะ คุณเป็นถึงคุณชายแห่งตระกูลโล่”

ด้านนอกห้องโถง เสียงของโล่เฉินดังผ่านเข้ามาด้านใน

เสียงดังราวกับฟ้าร้องกึกก้อง ยาวนานต่อเนื่อง

หยางคือรีบคุกเข่าลงกับพื้น “ขอบคุณท่านปรมาจารย์ที่เมตตาเป็นอย่างมาก”

ฉีหงล้มลงไปในกองเลือด พร้อมกับร่างกายที่ชักกระตุก

เสี้ยงจื้อสงตรวจดูอาการ สูดหายใจลึก แล้วพูดว่า: “พิการแล้ว กระดูกทั่วทั้งร่างกายแตกหักละเอียด สามารถมีชีวิตอยู่ได้ แต่ก็เป็นเพียงเจ้าชายนิทรา”

“โธ่”

หยางคือสีหน้าซีดเซียว ยิ้มอย่างทรมานและถอนหายใจ ในใจไม่มีความอาฆาตแค้นใด ๆ

ปรมาจารย์มิอาจที่จะลบหลู่ได้

ฉีหงสามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้ นับว่าเป็นโชคดีแล้ว

ณ ที่จอดรถ

“ใช่คันนี้ รถยนต์โรลส์-รอยซ์ ไม่เลวทีเดียว”

“ดูที่ป้ายทะเบียนรถ อย่างน้อยก็คงจะราคาหลายล้าน” หานหยู่เยนถอนหายใจอย่างหดหู่ “รถยนต์คันนี้สามารถที่จะจำนองทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลหานได้เลย”

“เป็นของคุณทั้งหมด”

“ว่าไงนะ ? ”

“ขึ้นรถกันก่อน ยังไม่เคยนั่งรถยนต์โรลส์-รอยซ์ใช่ไหม” โล่เฉินยิ้มอย่างมีเลศนัย และทำท่าทางโค้งตัวลงเพื่อเชิญขึ้นรถ “เป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เป็นคนขับรถให้กับคุณหาน”

“เชอะ อย่ามาทำเป็นล้อเล่น”

หานหยู่เยนตื่นเต้นอย่างมาก ไม่ต้องถึงขนาดรถยนต์โรลส์-รอยซ์ แม้แต่มาเซราติ, ปอร์เช่ที่เป็นรถหรูระดับชั้นต้น เธอก็ยังไม่เคยนั่ง

หึ่งหึ่งหึ่ง

รถหรูหราซึ่งแน่นอนว่ามีความแตกต่างอย่างชัดเจน เวลาขับคล่องตัวสบาย เร่งความเร็วก็ไม่มีใครมาทัดเทียม แล้วรถก็หายวับจากชิงเฟิงซานจวนไปอย่างรวดเร็ว

ด้านหน้าประตูของซานจวน เสี้ยงฉ่ายเอ่อหยุดยืนมอง สีหน้าหม่นหมอง

อะหู่และเสี้ยงเหยาเหยาเดินมา

“คุณหนู รถไปไกลไม่เห็นแม้เงาแล้ว”

“พี่สาวฉันขอโทษ เป็นความผิดฉันเอง ฉันโง่เขลาเกินไป ตระกูลโล่คือศัตรูของตระกูลเรา คุณพ่อจะอนุญาตให้ฉันเป็นคนเชิญเพลย์บอยอย่างนั้นได้อย่างไร ฉันควรจะคิดได้ตั้งแต่แรกแล้ว” เสี้ยงเหยาเหยาตาแดง ในใจเป็นทุกข์ทรมาน

“ไม่โทษคุณหรอก ใครใช้ให้เขาทั้งสองคนมีชื่อที่มีเสียงเรียกเดียวกันล่ะ”

เสี้ยงฉ่ายเอ่อถอนหายใจเบา ๆ รู้สึกเสียใจและเสียดายเป็นอย่างมาก “เพียงแต่ว่า ครั้งนี้ทำให้โล่ไต้ซือเกิดรอยร้าวขึ้นในจิตใจ หากต้องการจะชดเชยคงยากเช่นเดียวกับเข็นครกขึ้นภูเขา”

“แต่คงไม่เป็นไร ตระกูลเสี้ยงของฉันมีการสืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน บรรพบุรุษเป็นถึงฌ้อปาอ๋อง พวกเราไม่ใช่ที่จะอาศัยผู้อื่นแล้วจะเกรียงไกรแข็งแกร่ง ตระกูลเสี้ยงของพวกเรามีอิทธิพลมากพอที่จะขึ้นเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่อย่างองอาจ”

สีหน้าของเสี้ยงฉ่ายเอ่อ ส่องประกายยิบยับ เปี่ยมด้วยความทรนงกล้าหาญ

ความภาคภูมิใจในสายเลือด ขณะนี้ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน

“ต้องแบบนี้สิถึงจะใช่”

เสี้ยงเหยาเหยาหัวเราะเบา ๆ สภาพจิตใจดีขึ้นเป็นอย่างมาก “คุณปู่และคุณพ่อของฉันไม่สามารถหยุดเจ้าหนุ่มนั้นได้อยู่ หากแต่เป็นคุณลุงแล้วล่ะก็ เจ้าหนุ่มผู้นั้นคงไม่กล้าที่จะไม่เกรงใจไม่ให้เกียรติอย่างแน่นอน ใช่แล้ว ได้ยินว่าคุณลุงกำลังจะได้เลื่อนขั้นยศทหารอีกแล้ว”

เสี้ยงฉ่ายเอ่อยิ้ม และจูงมือเสี้ยงเหยาเหยาเดินเข้าไปด้านใน

“คงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก พวกกลุ่มทหารก็มีหลอกลวงกันไปมา หากไม่ระมัดระวังเล็กน้อยก็ถึงขั้นเสียชีวิต ฉันหวังเพียงว่าให้คุณพ่อปลอดภัย”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี