ภพนี้ตราบภิรมย์รัก นิยาย บท 63

หลินฮูหยินใหญ่ไม่คิดมากไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้นหลินเมิ่งหวันยังไม่ได้แต่งงานกับฉู่โม่หยวน การใกล้ชิดกันเกินไปจึงไม่ใช่เรื่องดีนัก

ตอนนี้ทุกคนในจวนหลินมารวมกันอยู่ที่นี่แล้ว ความอึดอัดจึงลดน้อยลง ทั้งยังทำให้ฉู่โม่หยวนเห็นอีกว่าทุกคนให้ความเคารพกับเขามากเพียงใด

ฉู่โม่หยวนบอกให้ทุกคนลุกขึ้น จากนั้นหลินฮูหยินใหญ่จึงเชิญฉู่โม่หยวนไปที่ห้องรับประทานอาหารทันที

ฉู่โม่หยวนพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้น เดินไปที่ห้องรับประทานอาหารภายใต้การนำของหลินซ่างซู

แต่ถึงกระนั้นฉู่โม่หยวนก็จับมือหลินเมิ่งหวันไว้และพานางไปกับเขาด้วย

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า หลินซิงโหรวก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา วันนี้นางตั้งใจแต่งกายมาอย่างดี แต่ฉู่โม่หยวนกลับไม่แม้แต่จะเหลือบมองนางเลยด้วยซ้ำ เช่นนี้นางจะยอมได้อย่างไร

หลินซิงโหรวแอบกัดฟันเงียบๆ คิดในใจว่าเมื่ออยู่ที่โต๊ะอาหาร นางจะต้องทำตัวดีๆ ทำให้ฉู่โม่หยวนประทับใจในตัวนางให้ได้

ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว และแสงไฟภายในห้องรับประทานอาหารก็สว่างไสว

ฉู่โม่หยวนมีสถานะสูงส่ง ดังนั้นเขาจึงต้องนั่งเหนือสุดเป็นธรรมชาติ

หลังจากทุกคนนั่งลงตามลำดับ อาหารที่ทำอย่างละเมียดละไมก็ถูกยกออกมาวางลงบนโต๊ะ

ทว่าเมื่อหลินเมิ่งหวันมองอาหารเหล่านั้น คิ้วของนางก็ขมวดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

รังนกเลือดชั้นดี ไข่กบหิมะตุ๋นมะละกอ อุ้งตีนหมีตุ๋นน้ำแดง ปลิงทะเลอบต้นหอม เนื้อกวางย่าง...

บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารยี่สิบกว่าชนิด หลินเมิ่งหวันเงยหน้ามองฉู่โม่หยวนเงียบๆ และรู้สึกไม่สบายใจ

อาหารเหล่านี้เป็นอาหารชั้นเลิศก็จริง แต่มันดูไม่สอดคล้องกับฐานะของหลินซ่างซูเลย

หลินซ่างซูมองฉู่โม่หยวนด้วยรอยยิ้มและเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย อาหารเหล่านี้เป็นเพียงอาหารพื้นๆ ขอพระองค์โปรด...”

“ท่านพ่อช่างตลกจริงเชียว ของเหล่านี้จะเป็นแค่อาหารพื้นๆ ได้อย่างไร ท่านนำเงินใต้หีบกับเงินส่วนตัวของท่านออกมาใช้หมดเลยมิใช่หรือเจ้าคะ” หลินเมิ่งหวันขัดจังหวะคำพูดของหลินซ่างซูด้วยรอยยิ้ม

หลินฮูหยินใหญ่ได้ยินดังนั้นก็รีบยิ้มและเอ่ยเสริมว่า “เจ้าก็ดื้อซนนัก เอาแต่พยศกับพ่อของเจ้า จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเสด็จมาถึงจวน พวกเราทุกคนล้วนซาบซึ้งในพระทัย ดังนั้นย่อมต้องต้อนรับพระองค์เป็นอย่างดีอยู่แล้ว”

“จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยโปรดอภัยด้วยเพคะ แม่หนูเมิ่งหวันเสียนิสัยเพราะหม่อมฉันตามใจแท้ๆ” หลินฮูหยินใหญ่โน้มศีรษะให้ฉู่โม่หยวนเป็นการขออภัย

หลินซ่างซูใจสั่นระรัวและดึงสติกลับมาทันที

จวนหลินไม่ได้ยากจนข้นแค้น ยิ่งเมื่อได้เกี่ยวดองกับตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดอย่างจวนฉิน แม้ว่าฉินก่วนหว่านจะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่จวนหลินก็ดูแลหลินเมิ่งหวันเป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อจวนฉินได้ของดีๆ มาก็มักจะนำมาให้จวนหลินเสมอ

เมื่อฉู่โม่หยวนอยู่รับประทานอาหารด้วยกัน หลินซ่างซูย่อมต้องสั่งให้คนในครัวทำอาหารอย่างดี นอกจากนี้คนของเรือนใหญ่กับเรือนรองยังมาที่นี่ด้วย ในครัวจึงเตรียมอาหารเพิ่มอีกหลายอย่าง

หลินซ่างซูแค่อยากจะทำให้ฉู่โม่หยวนพอใจและไม่ได้ตระหนักเลยแม้แต่น้อยว่าตนเอง ‘จัดหนักเกินไป’

มีชั้นเหงื่อเย็นเยียบซึมออกมาจากแผ่นหลังของเขา แต่เขาก็สงบสติอารมณ์อย่างรวดเร็วและเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยโปรดอภัย ข้ากระหม่อมเพียงแต่จะเอ่ยอย่างสุภาพ แต่ไม่คิดว่าเมิ่งหวันจะไม่ไว้หน้าข้ากระหม่อมเช่นนี้”

หลินเมิ่งหวันยิ้มและเอ่ยว่า “ท่านพ่อ ท่านตั้งใจดีเช่นนี้ย่อมต้องอยากให้จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยทรงทราบเป็นธรรมดา วันนี้เราเองก็ได้อาศัยบารมีของจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย ได้กินของดีๆ เหล่านี้ร่วมกัน”

นางมองฉู่โม่หยวนและเอ่ยอย่างเร่งเร้าว่า “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยทรงชิมสิเพคะ อุ้งตีนหมีนี้น้ารองของหม่อมฉันส่งมาให้เมื่อตอนงานฉลองปีใหม่ ท่านพ่อของข้าเก็บไว้อยู่นานไม่ยอมเอาออกมาให้หม่อมฉันกิน พระองค์รีบเสวยเถิดเพคะ พวกเราจะได้กล้ากินบ้าง”

อุ้งตีนหมีหามาได้อย่างยากลำบาก แต่ก็ถูกจัดว่าเป็นของขวัญผูกไมตรี เมื่อของแบบนี้ปรากฏขึ้นมาในจวนหลินซ่างซู หลินเมิ่งหวันก็รู้ที่มาได้ชัดเจน

“รบกวนหลินซ่างซูแล้ว” ฉู่โม่หยวนเอ่ยเรียบๆ จากนั้นจึงหลุบตาหยิบตะเกียบขึ้นมา ทว่าเขากลับคีบอุ้งตีนหมีไปวางในถ้วยของหลินเมิ่งหวัน

“เจ้าลองชิมก่อนสิ” แววตาของฉู่โม่หยวนแฝงไปด้วยรอยยิ้มเอ็นดู คิดในใจว่าว่าที่หวังเฟยของเขาช่างเฉลียวฉลาดจริงๆ

หลินเมิ่งหวันเอ่ยอย่างมีความสุขว่า “ขอบพระทัยเพคะจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย”

“ท่านพ่อ จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยใจดีกว่าท่านตั้งเยอะ” หลินเมิ่งหวันเงยหน้ามองหลินซ่างซู จากนั้นจึงคีบอุ้งตีนหมีชิ้นนั้นใส่ปากอย่างไม่เกรงใจ ในไม่ช้าก็เอ่ยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า “อร่อยมาก! จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยทรงชิมสิเพคะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก